กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-11-2023, 18:21
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-11-2023, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทั้ง ๆ ที่อยู่วัด แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่สามารถที่จะปลีกตัวไปทำวัตรค่ำทั้ง ๒ รอบ ซ้ำยังต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในสำนักงานเจ้าอาวาสนี้ด้วย..!

เนื่องเพราะว่า
กระผม/อาตมภาพต้องเข้าประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖ นี้ ตั้งแต่บ่ายโมง เพิ่งจะปิดประชุมไปเมื่อครู่นี้เอง หลังจากนี้ก็จะต้องประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ระดับหน (กลาง) ต่อไป คาดว่าวันนี้ไม่หนี ๓ ทุ่มกว่าที่จะประชุมเสร็จ

อาศัยช่วงว่างระหว่างงานประชุม ๒ ครั้ง ไปล้างหน้า เช็ดตัวเสียนิดหน่อย เนื่องเพราะว่าอากาศทางทองผาภูมิเปลี่ยนแปลงแรงมาก ร่างกายน่าจะรับไม่ไหวที่จะอาบน้ำ ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น แล้วก็รีบมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อที่ญาติโยมซึ่งรออยู่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จะได้ไม่ขาดหายไปจากเรื่องราวที่อยากจะบอกจะเล่าให้กับท่านทั้งหลายได้ฟังกัน

สำหรับระยะนี้ท่านทั้งหลายที่เข้าไปทำบุญในกระทู้ต่าง ๆ ของห้องสะพานบุญ เว็บไซต์วัดท่าขนุน ก็จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเอาแต่ของราคาแพง หลายหมื่นหรือว่าเป็นแสนออกมาจำหน่าย เพื่อให้ท่านทั้งหลายร่วมบุญสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน และร่วมบุญทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร

เหตุที่เป็นเช่นนั้น อันดับแรกเลยก็เพราะว่ายังขาดปัจจัยที่จะต้องมอบให้กับทางผู้รับเหมาอีกหลายงวด และช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่พระภิกษุสามเณรซึ่งเรียนอยู่มาเบิกค่าเทอม

แล้วอีกประการหนึ่งก็คือ วัตถุมงคลส่วนนี้เป็นส่วนที่กระผม/อาตมภาพตั้งใจที่จะเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่ในเมื่อทางผู้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ได้กำหนดเอาไว้แค่ชุด ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน และอีก ๑๕ ชุดหลัก แต่ละชุดให้มีไม่เกิน ๕ ชิ้น เพื่อที่จะได้ไม่ไปกินพื้นที่ของห้องอื่น ๆ ซึ่งค่อนข้างจะจำกัด ไม่ว่าจะเป็นห้องเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยศาสตร์พระราชาก็ดี ห้องหลวงปู่สายก็ตาม หรือว่าห้อง ๓๑ ภพภูมิ ๑ พระนิพพานของพระพุทธศาสนา เมื่อมีที่ให้จำกัด กระผม/อาตมภาพจึงเอาวัตถุมงคลส่วนที่เก็บไว้เพื่อที่จะเข้าพิพิธภัณฑ์ ออกมาให้ท่านทั้งหลายที่รู้จักของดีได้บูชากัน

แต่บางทีท่านทั้งหลายก็ไม่รู้จักว่าของดีนั้นเป็นอย่างไร กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่นั่งหัวเราะ โดยที่คุยกับไอ้ตัวเล็กว่า "รู้ไหมว่าของบางชิ้น หลวงพ่อเสียดายมาก แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับบุญของคนที่เข้ามาว่ารู้จักของหรือไม่ ? เพราะว่ากว่าจะหามาได้แต่ละชิ้น บางทีก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี" แต่ท่านทั้งหลายผู้มีบุญ เข้ามาชะโงกดู พอเห็นแล้วชอบใจก็คว้าติดมือไปแล้ว อาศัยว่ามีทรัพย์สินเงินทองสักหน่อยเดียว เรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-11-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นในวันนี้ ได้นำเอาแหวนพิรอดหัวพระปิดตา ของพ่อปู่หมอน้อย จังหวัดอ่างทอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นสุดยอดของแหวนพิรอดอันดับหนึ่งในประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่แหวนพิรอดที่เป็น ๑ ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดินนั้น เป็นแหวนพิรอดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ซึ่งก็คือชื่อในตำนานที่ว่า "แหวนอักขระวัดหนองบัว" นั่นเอง

ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือนำเอาผ้าซึ่งห่อศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร เมื่อชักบังสุกุลมาแล้ว ก็นำมาตัดเป็นเส้นยาว ๆ ลงอักขระแล้วถักขึ้นมาเป็นแหวน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อถักเสร็จแล้วก็โยนเข้ากองไฟเผาดูก่อน ถ้าไม่ไหม้แล้วค่อยนำออกมา เพื่อที่จะลงรักบ้าง เพื่อที่จะพันด้ายสาวพรหมจารีเพิ่มขึ้นบ้าง

ถ้าอย่างของพ่อปู่หมอน้อยนั้น ท่านปั้นรูปพระปิดตาไว้ที่หัวแหวนด้วย แล้วการมอบแหวนให้แก่ผู้ที่มาขอ ท่านให้ผู้ที่มาขอยืนอยู่บนฝั่ง ตัวของพ่อปู่หมอน้อยนั้นลอยเรืออยู่กลางน้ำ ตามประสาของฆราวาสร้อนวิชา โยนแหวนพิรอดไป ก็จะเข้าสวมนิ้วมือของผู้มาขอรับเอง

ที่สำคัญที่สุดก็คือพระปิดตาที่หัวแหวน เนื่องเพราะว่ามีบรรดาเซียนทั้งหลาย ซึ่งไม่ค่อยจะมีจรรยาบรรณ นำไปเลื่อยเอาพระปิดตาออกมา แล้วก็ขัดลบด้วยผ้า เพื่อที่จะไม่ให้เกิดรอยให้คนสังเกตเห็น เมื่อขัดลบเหลี่ยมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นำออกจำหน่ายเป็นพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ บางองค์จำหน่ายในราคาถึง ๘ ล้านบาท ๑๐ ล้านบาท..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าพ่อปู่หมอน้อยไปศึกษาวิชาทำพระปิดตา มาจากสำนักเดียวกับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์หรือเปล่า ?

ถ้าท่านทั้งหลายที่เล่นพระปิดตาสายนี้จะสังเกตว่า พระปิดตาหลวงปู่จีน วัดท่าลาดเหนือก็ดี พระปิดตาหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ก็ดี พระปิดตา พ่อปู่หมอน้อย จังหวัดอ่างทองก็ตาม เนื้อหาคล้ายคลึงกันหมด แสดงว่าต้องเป็นตำราเดียวกัน

อีกส่วนหนึ่งมีท่านที่สอบถามว่า "ทำไมหลวงพ่อเล็กถึงได้ชอบเครื่องรางของขลัง ?" กระผม/อาตมภาพให้คำตอบไปง่าย ๆ ว่า "เครื่องรางนั้นทำยากกว่าพระเครื่อง ถ้าไม่ใช่การลบผงวิเศษ ๕ ชนิดเพื่อสร้างพระเครื่องแล้ว เครื่องรางทั้งหมดทำยากกว่าพระเครื่องเกือบทั้งนั้น" โดยเฉพาะในการเสก ท่านทั้งหลายอาจจะเคยได้ยินกระผม/อาตมภาพบ่นมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า กว่าจะเสกของให้มีอานุภาพเหมือนกับพระ ก็ต้องใช้เวลาที่นานมาก เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 29-11-2023, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงแรกของการเสาะหาเครื่องรางของขลังนั้น เป้าหมายในชีวิตเลยก็คือตะกรุดมหาระงับ ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เนื่องเพราะว่าหายากมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เมื่อลูกศิษย์นำไปใช้แล้ว ก็มักจะไปเป็นโจรผู้ร้ายปล้นฆ่าคนอื่นเขา เมื่อทางตำรวจมาขอร้อง หลวงพ่อคงท่านเลยนำวัตถุมงคลของท่านไปถ่วงทิ้งน้ำกลางทะเลเสียหมด แล้วก็เลิกราในการที่จะสร้างต่อ

ถ้าถามว่าตะกรุดมหาระงับของท่านเด็ดขาดขนาดไหน ? ก็เด็ดขาดขนาดที่ว่า เมื่อถึงเวลางานศพของหลวงพ่อท่าน ซึ่งตรงกับช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเป็นประจำ ลูกศิษย์จัดการเอาธงมหาระงับ และตะกรุดมหาระงับไปติดไว้ที่ยอดเมรุ หลังจากนั้นก็เปิดเครื่องไฟจัดงานศพกันแบบเย้ยฟ้าท้าดิน เครื่องบินญี่ปุ่นบินผ่านมา เมื่อเห็นแสงสว่างตรงไหน ก็หย่อนระเบิดใส่ตรงนั้น เพราะคิดว่าเป็นสถานที่สำคัญของประเทศไทย แต่ว่าในช่วงงานศพหลายวันนั้น เครื่องบินญี่ปุ่นบินผ่านไปเฉย ๆ เหมือนกับมองไม่เห็นอะไรเลย..!

โดยเฉพาะหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สร้างเสื้อยันต์วิรุฬจำบัง ก็กลายเป็นเสื้อยันต์อันดับ ๑ ของประเทศไทย สร้างลูกอมมหากัน ก็ติด ๑ ใน ๕ สุดยอดลูกอมของประเทศไทย สร้างตะกรุดมหาระงับ ก็ติดอันดับ ๑ ใน ๕ สุดยอดตะกรุดของประเทศไทย สร้างเหรียญ ก็ติดอันดับ ๑ ใน ๕ เบญจภาคีเหรียญพระสงฆ์ของประเทศไทย

แต่เมื่อเสาะหาไปแล้วถึงได้ทราบว่า สิ่งที่เหนือกว่านั้นยังมีตะกรุดมหาโสฬส ของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง แต่เนื่องจากว่าของหลวงปู่เอี่ยมนั้นหายากมากประการหนึ่ง ของปลอมมีมากอีกประการหนึ่ง กว่าที่จะรู้ว่าต้องอาศัยจุดไหนในการชี้ขาด ก็แทบจะต้องหมดเนื้อหมดตัว เนื่องจากว่าเจอของปลอมเข้าไปมาก

หลายท่านก็มาเล่นของหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เอี่ยม หรือว่าของท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง ฆราวาสลูกศิษย์หลวงปู่เอี่ยม ตลอดจนกระทั่งของหลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง ตะกรุดและพระปิดตาของหลวงพ่อทองสุข ราคาก็สูงขึ้นไปทุกวัน หลายท่านก็หันมาเล่นของหลวงปู่วาส วัดสะพานสูงแทน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตะกรุดมหาโสฬสนั้น ต้องเสกด้วยโองการมหาทะมื่นถึง ๑๐,๐๐๐ จบ ถ้าหากว่าเสกวันละ ๓ จบ ก็ต้องใช้เวลาหลายปี เป็นต้น ก็แปลว่าตั้งแต่สร้างจนกว่าจะหลุดออกมาสู่มือลูกศิษย์ได้นั้น ต้องใช้เวลานานมาก..!

แต่ว่าที่ยิ่งไปกว่านั้น คือตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน ซึ่งหลวงพ่อกุน วัดพระนอนนั้น ไม่ว่าจะสร้างเหรียญหนุมานก็ดี สร้างยันต์กระดาษสาก็ตาม ล้วนแล้วแต่โด่งดังมีประสบการณ์อย่างยิ่งยวด ชนิดที่ไฟไหม้บ้านหมดทั้งหลัง ยันต์กระดาษสาของท่านก็ไม่เป็นที่ระคายจากเปลวไฟเลย นั่นแปลว่าวาระกรรมของเจ้าของบ้านหนักจริง ๆ จึงต้องสูญเสียทรัพย์สินส่วนนั้น แต่ว่าผ้ายันต์ไม่ยอมให้ไฟไหม้ตัวเอง ซึ่ง
ถ้าไม่ใช่วาระกรรมหนักจริง ๆ วัตถุมงคลก็จะช่วยจากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็จะเป็นหาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 29-11-2023, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ สมัยก่อนโจรผู้ร้ายคนใดมีอยู่ก็หากินสะดวก เพราะว่าแหย่เอาไว้ที่คานใต้บ้านเท่านั้น ก็เดินขึ้นบ้านได้เลย หมูหมามีกี่ตัวนอนหลับสนิท ชนิดลากหางรอบบ้านก็ไม่ตื่น..! เพียงแต่ว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ในชีวิตกระผม/อาตมภาพได้มาแค่ ๒ ดอกเท่านั้น ทำการสละออกไป ๑ ดอกแล้ว สมัยก่อนเขาจัดเป็นอันดับ ๑ ของตะกรุดเมืองไทย แต่ด้วยความที่ไม่มีหมุนเวียนในท้องตลาด เขาจึงมาจัดให้ตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เป็นอันดับ ๑ ของเมืองไทย

ต่อจากนั้นไปก็ยังมีตะกรุดคู่ชีวิต ซึ่งต้นตำรับเลยก็คือหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า ถ่ายทอดต่อมายังหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เจ้าของรูปหล่อราคาองค์ละเป็นสิบล้าน..! หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานถ่ายทอดต่อให้กับลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้างก็ดี หลวงพ่อพิธ วัดฆะมังก็ดี หลวงพ่อทบ วัดชนแดนก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ยิ่งใหญ่ทั้งนั้น

ทหารที่รบคอมมิวนิสต์ช่วงศึกเขาค้อ - ภูหินร่องกล้า ล้วนแล้วแต่ไปรอตะกรุดคู่ชีวิตจากหลวงพ่อทบ ที่ท่านต้องจารกันข้ามวันข้ามคืน เพราะว่าบางทีก็มาขอกันทั้งกองร้อย..! แล้วปลอดภัยกลับมาทุกคน หลวงพ่อทบท่านก็เมตตาจารให้ แต่ด้วยความที่ไม่มีไฟฟ้า ต้องอาศัยจุดเทียนจารตะกรุด แล้วเพ่งพลังจิตอยู่ทั้งวันทั้งคืน ท้ายสุดหลวงพ่อทบก็ต้องเสียดวงตาไปเลย..!

ส่วนของหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้างนั้น จะว่าไปแล้ว น่าที่จะโด่งดังมากกว่า เพราะว่าขนาดโจรปล้น กระชากตะกรุดหลุดไปจากเอว เจ้าของดึงกลับมาได้แค่สายคาดเอวที่เคยร้อยตะกรุด ปรากฏว่าโจรยิงด้วยปืน ๓ นัด ไม่ออก ทำให้ตกใจ
ต้องกระโดดหนีลงจากบ้านไป เพราะว่ากลัวเจ้าทรัพย์จะลุกขึ้นมาตอบโต้ แต่ว่ากลับไปดังที่หลวงพ่อพิธ วัดฆะมังแทน ดังเสียยิ่งกว่าครูบาอาจารย์ คือหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานเสียอีก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า หลวงพ่อพิธท่านเล่นกสิณไฟให้เห็น ๆ กันเลย จนได้ฉายาว่าหลวงพ่อพิธตาไฟ..!

อีกท่านหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์สายนี้ คือมีหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเอง สร้างเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรณ ด้านของท้าวเวสสุวรรณ อักขระเลขยันต์ทั้งหมด ก็ล้วนแล้วแต่ศึกษามาจากตำราหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อทั้งนั้น เพราะว่าท่านทิ้งตำราเอาไว้ให้ เป็นแผ่นกระดานชนวน จารมาด้วยลายมืองดงามมาก ๆ แต่ว่าบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมีหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อก็ดี หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้างก็ดี หรือว่าหลวงพ่อทบ วัดชนแดนก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องตะกรุดคู่ชีวิตแล้ว ดังสู้หลวงพ่อพิธ วัดฆะมังไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 29-11-2023, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนตะกรุดที่กระผม/อาตมภาพเสาะหาอยู่อีกหลายแบบ ก็มีตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช ซึ่งส่วนที่โด่งดังที่สุดนั้น เป็นของท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ครูบาอาจารย์ร้อนวิชาอีกท่านหนึ่ง ที่ต้องสึกหาลาเพศไปเช่นกัน กระผม/อาตมภาพเคยนำวัตถุมงคลของท่าน มาลงในกระทู้ไปหลายรอบแล้ว รองลงมาก็เป็นของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ซึ่งต้องเรียกว่าตะกรุดทูลเกล้าฯ เนื่องเพราะว่าได้ทูลเกล้าฯ ถวายตะกรุดนี้ แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ไปด้วย

ตำราสร้างตะกรุดมหาจักรพรรดินั้น กระผม/อาตมภาพสืบสายมาจากสายหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ซึ่งถ่ายทอดมายังหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี แล้วหลวงปู่สาย วัดท่าขนุนไปขอศึกษาจากหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณีมาอีกที ดังนั้น..ถ้าเป็นเรื่องของตะกรุดมหาจักรพรรดิ ถ้าได้เวลาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ว่าจะสร้างออกมาสักรุ่นหนึ่ง

อีกส่วนหนึ่งที่เสาะหากันในวงการเครื่องรางของขลัง คือตะกรุดคงคาวดี หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าต้องระเบิดน้ำลงไปจารใต้น้ำ โดยเฉพาะจารในวันเพ็ญเดือน ๑๒ ซึ่งอานุภาพตะกรุดนั้นครอบจักรวาลมาก

และมีปัญหาสำหรับผู้ที่ไม่แตกฉานในเครื่องราง เพราะว่าตะกรุดของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม มักจะถักลายจระเข้ขบฟันคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่ามีจุดสังเกตที่ง่ายมากก็คือ ถ้าทำด้วยตะกั่วเป็นของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ถ้าทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดง จะเป็นของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ส่วนในเรื่องของเชือกที่ถัก รักที่ลง ตลอดจนกระทั่งร่องรอยความเก่าใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละท่านเอง

ตะกรุดอีกประเภทหนึ่งก็คือตะกรุดมหาอำนาจ หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ซึ่งหายากเสียยิ่งกว่าเขี้ยวเสือของท่านอีก เพราะว่าทำน้อยมาก ในยามที่ท่านจารตะกรุด หรือว่าจารเขี้ยวเสือ ถ้าอยู่ในช่วงที่ธุดงค์ เมื่อหลวงปู่ปานท่านตั้งสมาธิ จรดเหล็กจารลงเท่านั้น ป่าทั้งป่าจะเงียบสงัดประหนึ่งจะผีหลอก แม้แต่เสียงสัตว์สักตัวก็ไม่มี..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเป็นเขี้ยวเสือหรือว่าตะกรุดที่หลวงปู่ปานท่านจารยามออกธุดงค์ ลายมือท่านจะค่อนข้างหวัด เนื่องเพราะว่าต้องรีบคลายสะกดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นตะกรุดที่จารในระหว่างพำนักอยู่ในวัดวาอาราม บางทีท่านก็ปั้นลายมือเสียสวยเช้งได้เหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 29-11-2023, 01:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,545 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันเอาไว้ว่า ถ้าหากตะกรุดลงรัก ยิ่งเก่าก็จะยิ่งเงาวาววามมาก ภาษาเซียนใช้คำว่า "รักมันมาก" เป็นต้น แล้วก็ดูความเก่าของโลหะ ดูความเก่าของตะกั่ว ตลอดจนกระทั่งความเก่าของเชือกที่ถัก เชือกที่ถักรุ่นเก่า ๆ นั้น ถ้าหากว่าเก่าจริง ระดับหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย หรือว่าหลวงปู่เงิน วัดบางคลาน ส่วนใหญ่จะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับรักที่ลง ถ้าหากว่ามีส่วนที่แตกหักออกมา ก็จะไม่มีเสี้ยน ลักษณะเหมือนอย่างกับแผ่นไม้หรือแผ่นพลาสติกไปเลย เพราะว่าเก่าจัดจนเสี้ยนหมดไปแล้ว

ตะกรุดอีกชนิดหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพมีโอกาสได้แค่เห็น แต่ว่ายังไม่ได้จับจองเป็นเจ้าของเลย เพราะว่าเจ้าของไม่ยอมใจอ่อน นั่นก็คือตะกรุดกันไฟ หลวงพ่อผุด วัดวังเวียน เนื่องเพราะว่านอกจากจะกันไฟแล้ว ยังแคล้วคลาดปลอดภัยสุด ๆ จารเสร็จแล้วเอาไปวางไว้ใต้ต้นพิกุล ดอกพิกุลที่ร่วงลงมาเหมือนฝนตกนั้น จะอยู่ห่างจากตะกรุดประมาณคืบหนึ่งเป็นวงกลมโดยรอบ เห็นถึงความแคล้วคลาดอย่างสุด ๆ จริง ๆ

สำหรับท่านที่เริ่มศึกษาเรียนรู้ อย่าเพิ่งเริ่มจากของแพง ถ้าจะเอาบรรดาตะกรุดในตำนานทั้งหลายเหล่านี้ ให้เริ่มจากตะกรุดมหาโสฬส หลวงพ่อทองสุข หรือหลวงปู่วาส วัดสะพานสูงก่อน โดยเฉพาะหลวงพ่อทองสุข เมื่อถ่ายทอดมาถึงหลวงปู่วาส จากหลวงปู่วาส กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบแล้วว่าเมื่อท่านสิ้นไปแล้วใครจะสืบต่อ เพราะว่าราคายังไม่แพงมากนัก เมื่อเรามีความชำนาญแล้วค่อย ๆ ขยับจับในส่วนที่ราคาสูงขึ้นไปเรื่อย แล้วค่อยแตกแขนงออกไปสู่ของที่เราไม่ชำนาญ

จำไว้ว่าอย่าใจร้อน ค่อย ๆ ศึกษาให้รู้จริงทีละอย่าง อย่าให้หูฟังนิทาน แต่ให้ใช้สายตาและความมั่นใจตัวเอง เนื่องเพราะว่าต่อให้ท่านมีของแท้แสนแท้ ถ้าเอาไป "แห่" ในวงการเมื่อไร เขาจะตีว่าปลอมทันที..! เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าบอกว่าแท้ ท่านก็จะไปซื้อจากบุคคลที่ขายให้กับท่าน ไม่ไปซื้อของบรรดาเซียนทั้งหลาย หรือไม่ก็เมื่อรู้ว่าแท้ ก็จะเอามาจำหน่ายแข่งกับเขา ทำให้เขาไม่ได้ลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่รู้กันว่า ในวงการเซียนนั้น เขี้ยวลากดินชนิดต้องเดินถอยหลังทุกคน อย่าเข้าไปยุ่งได้เป็นดีที่สุด..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2023 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว