|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
หลวงตาเล่าถึงหลวงปู่คำแสนใหญ่
พระครูสุคันธศีล (หลวงปู่คำแสน อินทจักโก) วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว งานฉลองวัดหรือว่างานครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิดของหลวงปู่ปานเริ่มขึ้น ผู้เขียนกับผู้ร่วมงานแผนกต้อนรับพระสุปฏิปันโน ก็คอยจ้องดูว่า พระคุณหลวงปู่องค์ใดมา ตอนนั้นผู้เขียนจัดอะไรเพลินอยู่จำไม่ได้ รู้สึกว่าใจตัวเองมีความเยือกเย็นสว่างไสวขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันเป็นสุขอย่างบอกไม่ได้เอาเสียเลย และรู้สึกว่ากระแสแห่งความสุขสว่างไสวนั้นมาจากอีกด้านหนึ่งของพระอุโบสถ วิ่งอ้อมไปดูก็เห็นพระภิกษุชราภาพรูปหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่ แต่เดินหลังค้อมลงมาบ้างแล้ว ท่านผู้อ่านเอ๋ย เพียงเห็นท่าเดิน เห็นอิริยาบถคนแก่ของท่าน ใจผู้เขียนมันมีปีติล้นหลามออกมา ซ้ำเห็นยิ้มของท่าน ใจเราก็อาบชุ่มด้วยความสุข เห็นโยมผู้หญิงศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่ง กำลังกราบแนบหน้ากับพื้นฝุ่นลูกรัง น้ำตาแกไหล ปากก็บ่นว่า "หลวงปู่เจ้าขา หลวงปู่เจ้าขา..." หลวงปู่องค์นั้นก็หันมายิ้ม ยิ้มสวยจริงๆ สวยออกมาจากใจเลย ท่านบอกว่า "เออ...เออ...เป็นสุขเน้อ" ท่านเอ๋ย ผู้เขียนไม่ทราบว่าหลวงปู่คำแสนใหญ่องค์นั้น(พระครูสุคันธศีล แห่งวัดสวนดอก เชียงใหม่) จะมีจิตตานุภาพเป็นอย่างไร แต่ผู้เขียนยอมคุกเข่าลงกราบ กราบด้วยความสุขใจ น้ำตาคงจะไหลออกมาด้วย ช่างเป็นบุญของเราจริงหนอ ที่ได้ประคองพระคุณท่านเข้ากุฏิรับรอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-04-2009 เมื่อ 22:17 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
คืนนั้น ที่หลวงปู่เพิ่งมาถึงนั่นเอง ก็มีผู้ปฏิบัติพระด้วยกันท่านหนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้าหลวงปู่คำแสนใหญ่ด้วยกันกับผู้เขียน ท่านผู้นั้นก็ชวนหลวงปู่สนทนาขึ้นมาว่า
"เขาลือกันว่าหลวงปู่ยิ้มสวย จนเรียกว่ารอยยิ้มพระอรหันต์ ทำอย่างไรจึงจะยิ้มได้เหมือนหลวงปู่ครับ?" เขาพูดลอยๆ ออกมา ท่าทางก็ไม่ค่อยจะนุ่มนวลนัก ใจผู้เขียนก็ขุ่นขึ้นมาตามแบบน้ำใจของเราเอง แต่ว่าน้ำใจท่านไม่เหมือนเรา ท่านยิ้มจนหางตาย่นมากๆ แต่ว่าริมฝีปากกับดวงตาท่านมีอะไรหนอ...มีประกาย มีความงาม มีความสุขฉายออกมาพร้อมกับคำตอบ "เอ้อ..ถ้าใจมันไม่มีราคะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ มันก็ยิ้มสวยเองแหละเน้อ" ท่านผู้อ่านที่รัก ผู้เขียนได้ยินเสียง ได้เห็นกระแสสายตา ความงามของมุมปากยิ้มขำๆ ปนใจดีมีสุข มันบอกไม่ถูกว่าเป็นสุขอย่างไร รู้แก่ใจตัวว่า "ท่านเอาใจของท่านออกมาพูด" ผู้เขียนเลยลืมขุ่นใจท่านผู้นั้นไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-04-2009 เมื่อ 22:19 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พอท่านผู้นั้นลุกออกจากกุฏิไปแล้ว ผู้เขียนก็ได้ใจจะเอาบ้าง กระหย่งเท้ากราบลงแทบเท้าหลวงปู่คำแสนใหญ่ ละล่ำละลักประจบประแจง
"หลวงปู่ครับ ผมอยากบวช" "เอ้อ..อยากบวชจริง ก็ได้บวชเน้อ" แหม..มันไม่หายคันหัวใจ "บวชแล้ว ผมจะได้เป็นพระอรหันต์ไหมครับ?" (เอาเข้านั่น) "เอ้อ...ถ้าปฏิบัติถูกต้อง ปฏิบัติให้มันดี ปฏิบัติให้มันตรงทาง พอถึงปลายทางก็เป็นพระอรหันต์เองแหละเน้อ" โอย..ไม่เอาใจกันบ้างเลย มันจะหายโรคคันได้อย่างไร "หลวงปู่ครับ ผมขอฝากตัวเป็นศิษย์ ขอประทานโอวาทไว้ปฏิบัติครับ" เท่านั้นแหละท่านผู้อ่านเอ๋ย หน้าที่ยิ้มสวยๆ เสียงที่อ่อนโยนเนิบนาบก็เปลี่ยนไป..เปลี่ยนแบบฟ้าร้องไม่ทันอุดหู "ไอ้คนจัญไรนี่ พูดเอาอัปปรีย์เข้าตัวนี่" ชี้หน้าตาลุกเลย !
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
"อย่าไปพูดจัญไรอย่างนี้กับพระองค์ไหนอีกเลย ครูบาอาจารย์ของตัวเองนะ เป็นพระอรหันต์องค์เอกของโลกในปลายศาสนา ๕,๐๐๐ ปี นี่จะหาใครมาเหมือนท่านได้ นี่ยังจะมีกะใจแส่หาอาจารย์อื่นอีกหรือ ไม่มีใครเขาจะสอนเราได้เหมือนอาจารย์เราสอนหรอก จำไว้นะ อย่าพูดอย่างนี้อีก ตัวเองนี่รีบไปกราบเท้าขอขมาท่านเสีย แล้วมงคลจึงจะเข้าถึงตัวได้ ไปรักษาศีล ๕ ให้ดี เอาไว้รับความดีที่ท่านมอบให้เถิด จำไว้นาลูกเอ๊ย"
ประโยคสุดท้ายเปล่งออกมา ประกายแววตารอยปากก็เปล่งความในใจออกมาอีก ผู้เขียนร้องไห้อยู่นาน ท่านลองเดาดู..ร้องทำไม ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-03-2009 เมื่อ 09:52 |
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
นับแต่เวลานาทีนั้น ใจผู้เขียนก็มีความปลื้มใจ ภูมิใจและสลดใจปะปนกันทุกครั้งที่นึกถึงพ่อและตัวเอง และสำหรับหลวงปู่คำแสนใหญ่ (ผู้ไม่พูดเอาใจเสียเลย) ผู้เขียนขอเทิดไว้ในความทรงจำด้วยความเคารพและขอบพระคุณสุดจะประมาณได้
รุ่งขึ้นก็สงบเสงี่ยมเจียมวาจาปรนนิบัติบูชาหลวงปู่ ตอนนี้หายคันแล้ว ชักไม่อยากกินข้าวกินน้ำ แต่ก็นึกได้ทันว่ามือพ่อมักจะถือตะพดหัวเลี่ยมเงินอยู่เสมอ แล้วก็ตีแรงด้วย แม่นยำด้วย..ก็เลยหยุด พอถวายอาหารเช้าหลวงปู่เสร็จ ถ้าท่านประสงค์จะเจริญศรัทธาญาติโยมที่มาในงาน ก็จะประคองท่านออกไปนั่งอาสนะที่จัดไว้นอกกุฏิ ท่านจะพักก็พากลับ เป็นอย่างนี้จนถึงวันที่สอง...วันรองสุดท้ายของงาน พอถึงตีสาม ลูกศิษย์ของท่านที่มาด้วยกันก็มาปลุกผู้เขียน บอกว่าหลวงปู่ให้ขึ้นไปพบ ก็ขึ้นไปหาเข้าใจว่าท่านจะต้องการใช้สอย เห็นท่านนั่งขัดสมาธิสบายๆ อยู่ กวักมือเรียกให้เข้าไปใกล้แล้วบอกว่า "หลวงปู่จะกลับก่อนตอนตีสี่เน้อ ทางวัดสวนดอก มีธุระให้คนมาแจ้งเมื่อตอนดึกนี่ บอกหลวงพ่อด้วยว่า อยู่ลาไม่ทันแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
แล้วท่านก็ดึงหัวผู้เขียนไปที่หน้าตักท่าน เอาดินสอมาเขียนขยุกขยิกลงบนกระหม่อมแล้วให้พรให้สมปรารถนา ดาราเจ้าน้ำตาก็แสดงบทถนัดอีกครั้ง ท่านจะลงอะไรบนหัวเรา เราคิดอย่างเดียวว่า ท่านได้สลักโอวาทและรอยยิ้มพระอรหันต์ลงในกระดูกศีรษะ ทะลุผ่านเข้าไปติดตรึงในดวงใจเราไม่มีวันจะลบออกได้ แล้วท่านก็ลงมาคอยรถ เขาถอยมารับที่หน้ากุฏิ
ตอนนั้นตีสี่พอได้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะได้เห็นพ่อเดินแกว่งไม้เท้าเข้ามาหา "..(เรียกชื่อผู้เขียน) เอ๊ย !...เรียบร้อยดีไหมหว่าทางนี้ อ้าว นั่น ! พระอะไรมานั่งอยู่นี่ ข้าวของนี่จะเอาของเขาไปไหน เอ้า..ช่วยกันค้น ! หลวงปู่ขโมยอะไรเราไปบ้างหว่า..." แล้วท่านก็แหวกย่ามหลวงปู่ เอาซองหนาปึ๊กยัดเข้าไป ทรุดกายลงกราบที่ตักหลวงปู่คำแสนใหญ่ ๑ ครั้ง "ขอบคุณหลวงปู่ที่เมตตามางานผม ยังไม่ได้คุยกันเลยจะกลับเสียแล้ว นี่ผมนอนไม่หลับเดินเรื่อยเปื่อยมาพบพอดี ปีหน้าเมตตามาใหม่นะขอรับ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-04-2009 เมื่อ 22:19 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ท่านผู้อ่านเอ๋ย...ภาพนั้น..หลวงปู่ยิ้มแบบเดิม พึมพำรับปากพ่อว่าจะมาอีกในปีหน้า พ่อหัวเราะเสียงดังตามแบบของพ่อ ดวงตาผู้เขียนพิมพ์ภาพนั้นไว้ แต่ใจคิดเตลิดไม่หยุด
พ่อกูเอ๋ย พ่อผู้รู้จบ พ่อผู้ปิดบังตัวเองไว้ ลูกผู้ตาบอดใจจัญไร ต้องให้พระคุณหลวงปู่คำแสนใหญ่มาชำระล้าง ให้มองเห็นพ่อชัดเจนเด่นกระจ่าง จนบัดนี้ลูกเดินอย่างมั่นใจไปบนเส้นทางพระโยคาวจร ตามรอยเท้าพ่อไป..จนตราบรอยเท้าสุดท้าย จากหนังสือ บนเส้นทางพระโยคาวจร วัดเขาวง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถ้าใครมาเห็นผมตอนนี้ ต้องหาว่าผมกำลังอ่านนิยายรักโรแมนติกอยู่แน่ ๆ (ยิ้มไปน้ำตาไหลไป อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์)
|
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ต้อมบางพูน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
ซึ้งจนน้ำตาไหลอีกคน ประเสริฐที่สุดหาประมาณมิได้ ขอน้อมคำนับและตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อตลอดไปชั่วนิรันดร์
|
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ศิษย์หลวงพ่อ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
หนังสือ บนเส้นทางพระโยคาวจร ของหลวงตาวัชรชัย วัดเขาวง
เป็นหนังสือแห่งคุณค่าที่ประมาณมิได้ที่ทุกคนควรมีอย่างยิ่ง ใครที่ว่าใจแข็งมากมายขนาดไหน ลองได้หยิบอ่านแล้วจะวางไม่ลง ที่สำคัญน้ำตาแห่งความปีติสามารถหลั่งไหลออกมาชะล้างความเลวในจิตใจได้ง่าย ๆโดยไม่รู้ตัว!
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐ ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
อ่านหนังสือเล่มนี้บนรถเมล์มาแล้วค่ะ
ขอบอกว่า อายโคตร ๆ (ขออภัยในความหยาบคาย) อ่านแล้วน้ำตาไหลพราก ซึ้งจนสุดพรรณนา บางครั้งแอบมีสะอื้น จนคนที่นั่งข้าง ๆ หันมามอง เป็นระยะ ๆ คงระแวงว่าเราจะกระโดดงับหัวเขาตอนไหน ล่าสุดที่อ่านที่น้องเถรี Post ก็ยังคงซาบซึ้งใจอยู่ จนอดใจยกมือไหว้รูปหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่ติดไว้ข้าง ๆ หน้าจอไม่ได้ กราบในความดีงามของหลวงพ่อ กราบในความดีงามของหลวงปู่คำแสนใหญ่ กราบในความดีของหลวงตาวัชรชัย พระผู้เป็นเนื้อนาบุญ ดีแท้ให้แก่ลูก ขอบคุณนะคะน้องเถรี ที่ทำให้พี่เกิดปีติอีกครั้ง |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
|||
|
|||
อนุโมทนาครับ
ไม่ทราบว่าหนังสือ เล่มละกี่บาท ? โทรไปที่วัดเขาวงแล้ว หลวงพี่ที่วัดบอกว่า สามารถส่งซองเปล่า มาที่วัด แล้วทางวัดจะจัดส่งไปให้ ไม่กล้าถามราคากับหลวงพี่ แต่อยากทำบุญกับทางวัดนะครับ |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
เล่มละ ๑๐๐ บาทค่ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
กระผมเพิ่งจะได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายนนี้เองครับ สุดจะบรรยายจริง ๆ ครับ "ซาบซึ้งกินใจ ได้ข้อธรรม หัวเราะพร้อมกับร้องไห้ในเวลาเดียวกัน" (ไม่ได้โม้นะครับ เพราะคนห่ามอย่างผมโดนมาแล้ว)
|
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ต้อมบางพูน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|