#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งไปยังวัดโพธิ์ผักไห่ หมู่ที่ ๔ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่
เนื่องจากว่าไปถึงเร็วจนเขาจัดเครื่องบวงสรวงไม่ทัน ท่านพระครูปลัดพิจารย์จึงได้นิมนต์ไป เพื่อรับการถวายพระเครื่องและวัตถุมงคลมานับ ๑๐ ชิ้น โดยเฉพาะพระสมเด็จวัดเกศไชโย เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ตั้งใจอยู่แล้วว่า ในเมื่อเป็นสิ่งของของท่าน ถึงจะถวายให้กับกระผม/อาตมภาพแล้วก็ตาม ตั้งใจว่าจะเอาลงให้ท่านทั้งหลายบูชาในกระทู้กฐินปลดหนี้วัดโพธิ์ผักไห่ เพื่อที่จะได้เพิ่มยอดเงินกฐินให้กับท่านบ้าง การปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นนี้ โดยเฉพาะพระกำแพงศอก ท่านทำเพื่อที่จะสร้างหลังคาทางเดินจากอาคารเรียน ไปยังโดมซึ่งอยู่กลางแจ้ง ถ้าหากว่าเป็นหน้าฝน เด็ก ๆ จะเข้าโดมก็ต้องวิ่งฝ่าฝนไปก่อน ทางโรงเรียนเมื่อขอความร่วมมือมา หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์จึงได้รับปากว่าจะทำให้ โดยสร้างวัตถุมงคลคือพระกำแพงศอกชุดนี้ขึ้นมา เมื่อกระผม/อาตมภาพทำพิธีบวงสรวง ก็โดนท้าวมหาราชท่านทักท้วง เนื่องเพราะว่าตอนแรกมองคร่าว ๆ แล้วว่าเครื่องบวงสรวงถูกต้อง แต่ปรากฏว่าทิศมีการผิดพลาดเล็กน้อย เมื่อทำการบวงสรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้บอกให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยกันย้ายข้าวตอกดอกไม้ ให้ตรงกับมุมและสีประจำทิศของท้าวจาตุมหาราช ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของบายศรีบวงสรวง ขอให้จดจำไว้ว่า บายศรีพานของทิศเหนือนั้น จะล้อมรอบด้วยข้าวตอกและดอกไม้สีแดง
ทางทิศใต้ จะล้อมด้วยข้าวตอกและดอกไม้สีม่วง ทางทิศตะวันออก จะล้อมด้วยข้าวตอกและดอกไม้สีเหลือง ทางทิศตะวันตก จะล้อมด้วยข้าวตอกและดอกไม้สีขาว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2023 เมื่อ 01:40 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถ้าหากว่าตั้งโต๊ะบวงสรวงตรงทิศไม่ได้ ก็ขอให้เป็นทิศที่ใกล้เคียงที่สุด โดยเฉพาะบายศรีต้น ซึ่งเป็นบายศรีหลักนั้น อย่างน้อยให้มีดอกไม้แดง หรือว่าพวงมาลัยสีแดงติดเอาไว้สักนิดหนึ่ง เพราะว่าท้าวมหาราชท่านได้ขอเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ ว่าถ้ามีในลักษณะนั้น ท่านจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าท่านใดตั้งสัปทน ก็ให้ตั้งตามสีดังที่ได้ว่าไปแล้ว ก็คือ ทิศเหนือสีแดง ทิศใต้สีม่วง ทิศตะวันออกสีเหลือง ทิศตะวันตกสีขาว
เรื่องของเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ นั้น ในปัจจุบันนี้ก็เป็นที่น่าหนักใจ เนื่องเพราะว่ามีส่วนเกินขึ้นมาเยอะมาก แต่กระผม/อาตมภาพก็ถือว่าเกินดีกว่าขาด แต่ถ้าท่านทั้งหลายรู้แล้วทำได้ถูกต้อง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า คือว่า ปลาช่อนแป๊ะซะนั้น เขามีเอาไว้สำหรับการตั้งศาลพระภูมิหรือว่าศาลเจ้าที่ ปัจจุบันนี้เห็นมีปลาช่อนแป๊ะซะขึ้นโต๊ะบวงสรวงกันเป็นประจำ เรื่องของทองหยิบ ฝอยทอง เอาไว้แก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาขึ้นโต๊ะบวงสรวง ถ้าเราไม่ได้แก้บนท่าน เรื่องของถั่วเขียวแกะเปลือกคั่ว ก็เอาไว้ในการตั้งศาลพระภูมิเช่นกัน เขาเรียกว่าถั่วลาชมาศ คำว่า ลาชมาศ แปลว่า ข้าวตอกทอง โดยการเอาถั่วเขียวแกะเปลือก เห็นสีเหลือง ๆ แล้วก็นำไปคั่วสุก สมมติเป็นข้าวตอกสีทอง เป็นต้น โดยเฉพาะบางแห่ง กระผม/อาตมภาพเห็นตั้งน้ำ หมาก ยานัตถุ์เอาไว้ ๔ ทิศเลย นั่นเป็นเรื่องที่เกินไปเสียเปล่า ๆ ถ้าหากว่าจะมี ก็มีหมากและยานัตถุ์เอาไว้อย่างละเล็กน้อย ก็คืออย่างเช่นว่า หมาก ๓ คำ ๕ คำ หรือว่ายานัตถุ์สักขวดสองขวด แต่ว่าควรที่จะเป็นยานัตถุ์ลูกสาวหมอมี ไม่ใช่ยานัตถุ์หมอมี หรือว่ายานัตถุ์หมอชิต ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ ไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ ส่วนในเรื่องของน้ำสะอาดนั้น ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าไม่ตักเตือนเอาไว้ ก็จะเกินมากขึ้น ๆ แล้วท้ายที่สุดก็เหมือนอย่างกับสัทธรรมปฏิรูป ที่ปะปนเข้ามาในพระพุทธศาสนา ก็คือจะทำให้วิปริตผิดเพี้ยนกันไปหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2023 เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รีบวิ่งกลับมายังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เพื่อร่วมในการตรวจข้อสอบของว่าที่พระอุปัชฌาย์ ซึ่งในช่วงเช้านั้นจะเป็นการสอบข้อเขียน แต่เนื่องจากว่าวันนี้ข้อสอบค่อนข้างที่จะยากถึงยากมาก จึงทำให้หลวงพ่อเจ้าคุณดิเรก (พระมงคลพัฒนาภรณ์) เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ให้เวลาเพิ่มเติมอีก ๑๕ นาที จึงทำให้พวกเราต้องไปฉันเพลก่อน แล้วค่อยกลับมาตรวจข้อสอบ
ขนาดนั้นก็ตาม ว่าที่พระอุปัชฌาย์ซึ่งส่งข้อสอบมาแล้ว ผ่านการตรวจของกระผม/อาตมภาพประมาณ ๗ รูป ปรากฏว่าตกไปเสีย ๒ รูป เนื่องเพราะว่าข้อสอบที่บังคับคือการคิดอายุ มีบางท่านคิดอายุตามหลักการของเขาไม่เป็น ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าหากว่าสามารถงอนิ้วนับอายุได้ถูกต้องครบถ้วน ๒๐ ปีหรือเกิน ๒๐ ปี ก็สามารถที่จะเป็นพระอุปัชฌาย์บวชได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องการหลักการและวิธีการ ที่เป็นวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ก็คือมีหลักฐานชัดเจนว่าท่านคิดเลขได้ถูกต้อง จึงมีวิธีการทั้งบวกและลบ แต่ปรากฏว่าหลายท่านทำผิด เนื่องเพราะว่าถ้าวันไม่พอ ต้องไปยืมเดือนมา ท่านก็มักจะเผลอคิดว่าเป็นแค่หนึ่งเดียว แบบเดียวกับหลักการคณิตศาสตร์ทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าวันไปยืมเดือนมา เขากำหนดไว้ว่า คุณยืมมา ๓๐ ก็คือเดือนหนึ่งมี ๓๐ วัน ถ้าหากว่าเดือนไปยืมปีมา ก็แปลว่ายืมมา ๑๒ ก็คือ ๑ ปี มี ๑๒ เดือน แต่ด้วยความเคยชินท่านทั้งหลายก็จะทำผิด เพราะว่ายืมมาก็กลายเป็น ๑ เท่านั้น เป็นต้น อีกอย่างหนึ่ง วันนี้การสวดกรรมวาจาอุปสมบทเป็นภาษาบาลีนั้น ทางด้านผู้ออกข้อสอบออกได้ค่อนข้างจะโหดร้าย เพราะว่าพระอุปัชฌาย์ชื่อธัมมัญญู นาคทั้งสองชื่อจันทสิริและกิตติเมธี ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าต้องเข้าวิภัตติ ในส่วนของการันต์ คือเสียงสระ ทั้งเสียงอู เสียงอิ และเสียงอี ท่านที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านบาลีมาก่อนก็ตายสนิท..! จึงทำให้เป็นที่น่าเสียดาย เพราะว่าเป็นข้อสอบบังคับทำ ถ้าหากว่าทำผิดก็คือศูนย์เลย ข้อสอบข้ออื่นที่ให้เราเลือกเอง ถ้าหากว่ามีส่วนถูกบ้าง ยังพอที่จะหาคะแนนให้กับท่านทั้งหลายได้ แต่ว่าการที่เราทำของยากเสียก่อน ทำให้ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ามีนิสัยเหมือนกระผม/อาตมภาพ ก็คือถ้าผิดก็จะรีบแก้ไข แล้วเราก็จะได้รู้ว่าการเข้าวิภัตติของพระอุปัชฌาย์ ที่เป็นธัมมัญญุสสะ เป็นธัมมัญเญนะ หรือเป็นธัมมัญญุนา ในแต่ละขั้นตอนของการสวดกรรมวาจานั้น ต่อไปท่านก็จะได้มีความคล่องตัวขึ้น ถนัดขึ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2023 เมื่อ 01:46 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อเสร็จจากการตรวจข้อสอบและเข้าถึงการสอบภาคปฏิบัติ กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวกับทุกท่าน เพราะว่ามีฎีกานิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคล เหรียญเจ้าสัวย้อนยุค รุ่นที่ ๖ ของวัดกลางบางแก้ว
เพื่อน ๆ หลายท่านที่ต้องไปด้วยก็ทักท้วงว่า "จะรีบไปไหน ? เวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว วัดกลางบางแก้วอยู่ใกล้แค่นี้เอง" ก็เป็นเรื่องจริง แต่กระผม/อาตมภาพนั้นเอาปลอดภัยไว้ก่อน ก็คือถ้าหากว่าไปถึงก่อน เราจะเลือกที่จอดรถได้ ที่จอดรถที่กระผม/อาตมภาพเลือกนั้น ก็คืออันดับแรก..ใกล้ทางออก อันดับที่สอง..ทางหนีทีไล่ต้องมี ก็คือต้องไม่โดนรถคันอื่นบัง ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อถึงเวลาที่บรรดาพระเถระเลิกงานพร้อม ๆ กันออกมา บางทีเราก็ไปไหนไม่ได้ เพราะว่าจะติดอยู่ช้างในนั้น เมื่อถึงเวลาเข้าประจำที่ในการปลุกเสกวัตถุมงคล กระผม/อาตมภาพก็นั่งเซ็งในอารมณ์ เนื่องเพราะว่าเหมือน ๆ กันกับหลาย ๆ แห่ง ก็คือท่านเอามหาลาภขึ้นหน้าเพราะว่าเป็นเหรียญเจ้าสัว แต่ดันไปปิดท้ายด้วยคลาดแคล้ว มหาอุด ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงต้องทนนั่งจนกระทั่งเสร็จพิธีโดยเด็ดขาดไปเลย เพื่อที่ว่าจะได้ทำการปรับแก้กระแสต่าง ๆ ให้ในเรื่องของคงกระพันมหาอุด แคล้วคลาด ปลอดภัย ไปซุกอยู่ข้างใน ในเรื่องของเมตตามหานิยม มหาลาภ เอาไว้ข้างนอก จะได้สมกับที่เป็นเหรียญเจ้าสัว เสร็จสรรพจากพิธีแล้ว กลายเป็นว่ารถติดบรรลัยวายวอด เนื่องเพราะว่าเวลาเย็นมากแล้ว กว่าที่จะฝ่ารถติดมาจนกระทั่งถึงที่พัก กว่าที่จะได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก็เกือบจะ ๖ โมงเย็น..! เรื่องพวกนี้บางทีก็เป็นเรื่องที่พวกเรา "หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้" เพราะว่าท่านจะไปบอกท่านอื่น ท่านอื่นก็อาจจะไม่รับรู้ด้วย หรือว่าถึงมีความสามารถที่จะรับรู้ได้ แต่ว่าความสามารถในการที่จะแก้ไขจัดกระแสในเรื่องของธาตุ ในเรื่องของคาถาต่าง ๆ ก็มีไม่ถึง กระผม/อาตมภาพเองนั้น พอถึงเวลาแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านบอกอะไรมา การแก้ไข ถ้าหากว่าไม่อาศัยครูบาอาจารย์ ก็อาศัยพรหม อาศัยเทวดา ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราไม่ออกปาก ท่านก็ไม่ช่วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องทนนั่งจนเสร็จพิธี เมื่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) ดับเทียนชัยแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้มาทำน้ำมนต์ แล้วรับไทยธรรม แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปพรมน้ำมนต์ในพิธีด้านบนได้ จึงปล่อยภาระการพรมน้ำมนต์ให้แก่หลวงพ่อหลวงปู่ต่าง ๆ แล้วลากลับเลย เพื่อที่จะบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก่อนที่จะค่ำไปกว่านี้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2023 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|