กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-03-2024, 19:03
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,642
ได้ให้อนุโมทนา: 216,856
ได้รับอนุโมทนา 747,268 ครั้ง ใน 36,400 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-03-2024, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,573 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพวิ่งไปธุดงค์สถาน กองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่เช้า เพื่อไปทำการบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคล ให้กับท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา)

แต่เมื่อไปถึง ปรากฏว่ามีรถกระบะบรรทุกวัตถุมงคลหลายคันไปจอดอยู่ข้างศาลามณฑลพิธี โยงสายสิญจน์มาที่รถเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว สอบถามได้ความว่า เป็นของหลวงพ่อชลอ (พระครูสาครสิทธิวิมล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ฝากนำมาเข้าพิธีด้วย

กระผม/อาตมภาพยังบ่นกับลูกศิษย์ว่า "คิดว่าปีนี้จะไปกินข้าวที่วัดพี่ชลอเสียหน่อย ปรากฏว่าอดอีกแล้ว..!" ซึ่งเรื่องนี้เป็นการบ่นเฉย ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวัดศาลพันท้ายนรสิงห์นั้น ก็คือพี่น้องที่บวชออกมาจากอุโบสถวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานีด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็เหลือให้เห็นหน้ากันแค่ไม่กี่รูปเท่านั้น

เมื่อได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็กราบขอบารมีพระ ทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งวัตถุมงคลของวันนี้นั้น ก็มีพระเนื้อยาจินดามณีของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านสร้างถวาย มีทั้งของท่านเอง มีทั้งในส่วนที่แบ่งให้ท่านอาจารย์ต้นเอาไว้จำหน่าย เพื่อซื้อที่ดินของกองทุนหลวงปู่ปานเพิ่มเติม และส่วนที่ถวายกระผม/อาตมภาพตามความตั้งใจของท่าน จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ เพื่อช่วยงานของวัดท่าขนุน โดยที่มีกำหนดการเข้าพิธีตามฤกษ์ตามยามอีก ๒ วาระด้วยกัน

กระผม/อาตมภาพก็รออยู่ว่าเมื่อไรจะเสร็จเรียบร้อย เนื่องเพราะว่าตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อพระครูสมุห์อภิสิทธิ์ อภิญาโณท่านยังอยู่ ท่านก็ได้เป็นผู้สอนในเรื่องของการวางฤกษ์วางยามต่าง ๆ ให้กับทั้งพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ และท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้กระทำ โดยเฉพาะวัตถุมงคลต่าง ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ "ทั้งดีนอกและดีใน"

ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใดรู้จักสังเกต ก็จะเห็นวัตถุมงคลบางอย่าง โดยเฉพาะตะกรุด ซึ่งเป็นวัตถุมงคลหลัก ๆ ที่ครูบาอาจารย์ทุกรูปจะต้องสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นการทดสอบวิชาของตนเอง ว่าสามารถที่จะใช้วิชาการต่าง ๆ นั้น ได้ผลอย่างแท้จริงหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2024 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-03-2024, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,573 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาแล้ว ก็มีการจารตะกรุดด้านหน้า แล้วก็จารปิด เป็นการประทับหลัง จึงมีหลายต่อหลายสำนักที่ม้วนตะกรุดแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้ถักเชือกพันให้ ก็จะมองเห็นรอยจารด้านนอกอย่างชัดเจน หรือไม่ก็จารจากด้านในทะลุมาด้านนอก แล้วใช้วิธี "กรึง" ก็คือการม้วนไปพร้อมกับว่าคาถากำกับ แทนการจารยันต์ประทับหลังไปด้วย

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความประณีตของหลวงปู่หลวงพ่อ โบราณาจารย์ต่าง ๆ ที่ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความยากลำบาก ก็เพื่อให้ลูกศิษย์ที่ท่านรักเอาไว้ป้องกันตัว เอาไว้บูชาแทนองค์ท่าน ยามที่ไม่อยู่แล้ว

บรรดาตะกรุดหลัก ๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในยุทธจักร เราก็จะเห็นว่ามีแค่ไม่กี่สำนักเท่านั้น อย่างเช่นว่าตะกรุดมหาโสฬส สำนักวัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี ตะกรุดคู่ชีวิต สำนักวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า สำนักวัดหนัง จังหวัดธนบุรีในสมัยนั้น หรือปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ตะกรุดจันทร์เพ็ญ สำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่า ตะกรุดมหาระงับ สำนักวัดบางกะพ้อม เป็นต้น

เรื่องพวกนี้ เราท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ายิ่งศึกษาไป ก็ยิ่งจะรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของครูบาอาจารย์ เนื่องเพราะว่าอย่างตะกรุดมหาโสฬส ถ้าหากว่าสร้างขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเสกด้วยโองการมหาทมื่นให้ได้อย่างน้อย ๑๐,๐๐๐ จบ ส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้เวลาในการสร้างและเสกประมาณ ๓ ปี..!

หรือถ้าหากว่าเป็นตะกรุดหนังหน้าผากเสือ สำนักวัดอรุณราชวราราม ของหลวงปู่นาค - พระพิมลธรรม (นาค สุมนนาโค ป.ธ. ๗) นั้นก็ต้องใช้เวลาในการเสกถึง "สามเสาร์ ๕" ด้วยกัน ก็แปลว่าเสกกันข้ามปีเช่นกัน เนื่องเพราะว่าปีที่บังเอิญมาก ๆ ก็จะมีวันเสาร์ ๕ สองครั้ง หรือว่าบางปีก็หาวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำไม่ได้เลย เป็นต้น หรือถ้าอย่างครูบาอาจารย์ที่ท่านเคร่งครัดหนัก ๆ ท่านก็ทำตะกรุดหนังหน้าผากเสือเฉพาะปีขาล วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ ซึ่งกว่าจะมีปีขาลแต่ละครั้งนั้น ก็ต้องรอถึง ๑๒ ปี ถึงจะมีปีขาลสักครั้งหนึ่ง..!

ดังนั้น..วัตถุมงคลพวกนี้จึงเป็นเรื่องยาก ที่เราจะเรียนให้ลึกซึ้งและรู้จริง กระผม/อาตมภาพเองก็ต้องบอกว่า "รู้เพียงผิวเผิน" เท่านั้น ที่ศึกษาตามตำราและได้รับการ "ครอบครู" ตามสายวิชาการมาโดยตรงนั้นมีน้อย ส่วนใหญ่ก็ใช้ "วิธีลัด" คือถึงเวลาก็ไปกราบขอบารมีพระ กราบขอบารมีครูบาอาจารย์ หรือว่ากราบขอบารมีของพรหม ของเทวดา ให้ท่านมาช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์เสกวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2024 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-03-2024, 01:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,573 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นวันนี้ เมื่อตอนแรกก็ได้กราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้พระองค์ท่านช่วยเมตตาสงเคราะห์เสกวัตถุมงคลในครั้งนี้ด้วย พระองค์ท่านมอบหมายให้หลวงปู่โต - สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามมา หลวงปู่โตท่านจึงเมตตาพาลูกศิษย์ตามสายมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นต้น ลงมาจนถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นั่งมองว่าครูบาอาจารย์ท่านทำอะไรบ้าง หรือว่าท่านจะสั่งให้ทำอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นการวางกำลังใจให้ถูกต้องตามที่ท่านสั่ง และภาวนาคาถาตามที่ท่านสั่ง ซึ่งบางอย่างนั้นก็ต้องรักษากำลังใจของเรา ให้อยู่ในระดับ "ไร้ตัวไร้ตน" เรียกว่าเข้าถึงความเป็น "อนัตตา" อย่างแท้จริง ในเมื่อไม่มีตัวตนแล้ว ผู้ใดจะมาทำร้ายเราได้ ? เป็นต้น

เคล็ดลับพวกนี้ กระผม/อาตมภาพบางทีก็ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ตอนที่ท่านมรณภาพละทิ้งสังขารไปแล้ว ครูบาอาจารย์บางท่านก็มรณภาพไปแล้วเป็นร้อยเป็นพันปีก็มี จึงทำให้บรรดาลูกศิษย์สายวัดท่าซุง ซึ่งถ้าได้ทิพจักขุญาณที่ชัดเจนแล้ว ก็ย่อมที่จะกระทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ทั้งที่ไม่ได้ศึกษามาตรงสายเลยก็มี

เมื่อปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็อธิษฐานจิตทำน้ำมนต์ พรมรอบมณฑลพิธี และพรมรถที่บรรทุกวัตถุมงคลมาทุกคัน

หลังจากนั้นก็ขอตัวกับหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณและคณะ พร้อมกับท่านอาจารย์ต้น วิ่งฝ่ารถติด ตรงไปยังศูนย์ปฏิบัติธรรมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม (แห่งที่ ๒) ถนนพุทธมณฑลสาย ๘ หมู่ที่ ๑ ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม "สองอำเภอ"

เนื่องจากว่าพื้นที่นั้นคร่อมอยู่บนอำเภอนครชัยศรี และอำเภอสามพราน โดยมีถนนกลางวัดเป็นเส้นแบ่ง ขออภัย..ที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "วัด" ตามภาษาชาวบ้าน เนื่องเพราะว่าที่ไหนมีพระอยู่ปฏิบัติธรรม ชาวบ้านก็มักจะเรียกว่า "วัด" กันไปหมด แต่ว่าปากทางเข้านั้น อยู่ทางเข้าหมู่บ้านออมไทย เมื่อส่งรายงานจึงต้องบอกว่าหมู่ที่ ๑ ตำบลขุนแก้ว

เมื่อไปถึง ปรากฏว่าบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์นั้น กำลังซักซ้อมภาคปฏิบัติ ก็คือการแสดงซึ่งอุปสมบทกรรมในภาคปฏิบัติอย่างแท้จริง บรรดาท่านที่จับสลากได้เป็นพระอันดับก็ดี ได้เป็นพ่อแม่ของเจ้านาคก็ดี ถือว่าโชคดีไป ท่านใดที่จับสลากได้พระอุปัชฌาย์ ก็จะต้องหนักใจที่สุด เพราะว่าต้องดูแลพิธีกรรมทั้งหมดให้เป็นไปโดยถูกต้องสมบูรณ์ ท่านใดที่จับสลากได้เป็นคู่สวด ก็จะต้องสวดกันมากสักหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2024 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-03-2024, 01:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,573 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนท่านที่จับสลากได้เป็นเจ้านาคนั้น ก็จะต้องกล่าวคำทั้งขอบรรพชา ขอศีล ขอนิสสัย ขออุปสมบท ต้องลุก ๆ นั่ง ๆ ตามหลักการอุปสมบทของฝ่ายมหานิกาย ซึ่งถือตามแบบโบราณว่าการยืนนั้นเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง

คราวนี้ก็เป็นเวรเป็นกรรมของบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ตรงที่ว่า เมื่อท่านสวด หรือว่าให้ศีล หรือว่าคำสอนผิดพลาด ก็จะมีเสียงทักท้วงมาจากคณะกรรมการรอบด้าน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า คำว่า "พระอุปัชฌาย์" นั้น แปลว่า "ผู้เพ่งดูโดยตระหนัก" ก็คือต้องตระหนักรู้ในทุกเรื่อง ว่ามีอะไรผิด อะไรถูก การอุปสมบทครั้งนี้สมบูรณ์บริบูรณ์ไปแล้วด้วยวัตถุสมบัติ สีมาสมบัติ กรรมวาจาสมบัติ และปริสสมบัติหรือไม่ ? บุคคลนี้สมควรจะได้รับการยกขึ้นสู่หมู่เป็นอุปสัมบัน คือผู้มีศีลและมีข้อวัตรปฏิบัติที่เสมอกันหรือไม่ ?

โดยเฉพาะการออกเสียงการสวดนั้น ส่วนใหญ่ว่าที่พระอุปัชฌาย์ ก็มักจะเลื่อนชั้นขึ้นมาจากการเป็นพระคู่สวดมาก่อน ด้วยความเคยชินในการสวดก็ดี ด้วยความที่ไม่ได้ยึดถือตามอักขระ ซึ่งเขียนเอาไว้ก็ตาม ก็มักจะสวดผิด อย่างเช่น "ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง" ก็มักจะออกเสียงเป็น "ยะถิ" เป็นต้น ก็จะทำให้กรรมวาจาวิบัติ ก็คือการสวดเพื่อยกอนุปสัมบันขึ้นเป็นอุปสัมบันนั้น มีความผิดเพี้ยน ไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

เรื่องนี้เมื่อเช้ากระผม/อาตมภาพ ก็ทักท้วงในไปกลุ่มไลน์ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน เนื่องเพราะว่าร้านทองโยะของน้องอร (นางสาวบังอร พิเภก) ผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลทองผาภูมิ ขออนุญาตปิดร้านเสาร์อาทิตย์นี้ เนื่องเพราะว่าถูกหมอจับเข้าโรงพยาบาล ตามศัพท์ที่เรียกกันว่า"แอดมิท" แต่น้องอรเขียนคำว่า "ทองโย๊ะ" โดยใส่ไม้ตรีมาด้วย

กระผม/อาตมภาพจึงต้องทักท้วงกลับไป ให้ตัดไม้ตรีออก เนื่องเพราะว่าอักษรต่ำ ถ้าหากว่าเข้ากับสระเสียงสั้น ก็จะออกเสียงเป็นเสียงตรีอยู่แล้ว ไม่สามารถหรือว่าไม่ต้องใส่ไม้ตรีกำกับเข้าไปอีก

เรื่องพวกนี้สมัยที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่นั้น ก็ต้องมีการท่องว่า อักษรสูงมีกี่ตัว อักษรกลางมีกี่ตัว อักษรต่ำมีกี่ตัว ในปัจจุบันนี้เด็ก ๆ ไม่สามารถที่จะแยกแยะแล้วว่า อักษรกลางกับอักษรต่ำต่างกันอย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2024 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 17-03-2024, 01:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,573 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วโดยเฉพาะในปัจจุบัน การอ่านบางอย่างก็อ่านผิดเพี้ยนไปจากสมัยที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ อย่างเช่นว่าอักษรสูงนำอักษรต่ำ ให้ออกเสียงจัตวา อย่างเช่นว่า อัจฉรา (อัด-ฉะ-หรา) ที่แปลว่านางฟ้า แต่ว่าปัจจุบันนี้อ่านกันว่า อัด-ฉะ-รา ตามแบบของบาลีกันหมด เพราะว่าคำว่า อัจฉรา มาจากภาษาบาลีแปลว่านางฟ้า ในเมื่อเปลี่ยนค่านิยมจากการอ่านภาษาไทยมาเป็นภาษาบาลี ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายบางทีก็สับสนกับชีวิต แต่ว่าเด็กรุ่นใหม่นั้นสามารถที่จะอ่านได้ถูกต้องทันที

อักษรสูงนำอักษรต่ำอย่างเช่นว่า สวิง (สะ-หวิง) สวาย (สะ-หวาย) ในเมื่อมี ส.เสือ ที่เป็นอักษรสูง นำ ว.แหวน ที่เป็นอักษรต่ำ ก็จะทำให้ออกเสียงจัตวา ก็คือเสียงที่กำกับด้วยไม้จัตวา ที่กระผม/อาตมภาพฟังแล้วเครียด เพราะเด็กสมัยนี้เรียกว่าเครื่องหมายบวก..! หรือว่า สลา (สะ-หลา) ที่แปลว่า หมาก เป็นต้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้คำว่า อัจฉรา (อัด-ฉะ-หรา) ปัจจุบันนี้อ่านว่า อัด-ฉะ-รา ก็ทำให้หลักภาษาไทยของเราผิดเพี้ยนกันไปหมด ทำไมถึงไม่อ่านให้ถูกต้องก็ไม่ทราบ ?

แล้วยิ่งมาในสมัยที่บรรดา "แช็ต" ต่าง ๆ เจริญรุ่งเรือง กระผม/อาตมภาพเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ของแต่ละท่านแล้ว ก็ยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ว่าถ้าเป็นครูสอนภาษาไทย พ่อจะฟาดให้ตูดลายเลย..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าแต่ละท่านล้วนแล้วแต่เขียนอักขระวิบัติ ภาษาวิบัติ อะไรพิลึกพิลั่นออกมามากมายไปหมด จนต้องมานึกถึงท่านศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต หรือว่าท่านอาจารย์แม่สุนีย์ (รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ) ถ้าหากว่ารุ่นนี้ไปเรียนกับท่าน มีหวังโดนบิดพุงเขียว หรือว่าดึงกันหูยานไปข้างหนึ่ง..! ก็ได้แต่ค่อย ๆ แก้ไขกันไป ในขอบเขตที่กระผม/อาตมภาพรับผิดชอบอยู่ นอกเหนือจากนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นภาระของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2024 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว