กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-10-2009, 14:17
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default พระธรรมอันเป็นหัวใจที่ต้องการให้รู้เพื่อปฏิบัติให้เกิดผล

วันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๕

ครบ ๕๐ วันงานหลวงพ่อ หลวงพ่อสมเด็จพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธาน ท่านเทศน์ ๑ กัณฑ์ ท่านยกย่องหลวงพ่อเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับผลงานในพระพุทธศาสนา มีรายละเอียดทั้งในเทปและในธัมมวิโมกข์ โปรดช่วยตนเอง

ขอสรุปธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเมตตาสอนในระหว่าง ๕๐ วันแรก
เท่าที่ผมเห็นว่าควรจะมีประโยชน์กับผู้อ่าน ดังนี้

๑. ทรงเน้นเรื่องการตัดสังโยชน์ ๓ ข้อแรก เป็นสำคัญ ด้วยอุบายต่าง ๆ เพื่อปิดนรกให้ได้เร็วที่สุด เพราะความตายเป็นของเที่ยงแต่ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ไม่ขอเขียนรายละเอียด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 02-11-2009 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-10-2009, 14:59
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒. สังโยชน์ ๓ ข้อแรก ทรงเน้นเรื่องศีลเป็นสำคัญ คือ สีลัพพตปรามาส (สีลัพพตปรามาส ซึ่งแปลเอาความหมายทางธรรมว่า รักษาศีลให้บริสุทธิ์ จนเป็นอธิศีล)

๓. "มีเหตุจึงจักมีผล" พิจารณาได้หลายระดับ หลายวิธีตามบารมีธรรมของแต่ละคน ซึ่งไม่เสมอกัน เช่น
  • ๓.๑ ศีลเป็นรากฐาน หรือเป็นพื้นฐานของพระธรรม ผู้ใดไม่มีศีลอยู่กับจิต จิตผู้นั้นก็ไม่สามารถจะรองรับพระธรรมในพระพุทธศาสนา ได้ตามความเป็นจริง
  • ๓.๒ ศีลบริสุทธิ์เป็นเหตุ จึงมีผลทำให้จิตบริสุทธิ์ หรืออธิศีลเป็นเหตุ มีผลให้เกิดอธิจิต อธิจิตเป็นเหตุ มีผลให้เกิดอธิปัญญาตามลำดับ หรือศีลบริสุทธิ์เพียงใด จิตก็บริสุทธิ์เพียงนั้น จิตบริสุทธิ์เพียงใดก็เกิดปัญญาในการตัดกิเลสได้มากเพียงนั้น ศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นธรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน แยกกันไม่ได้ในการปฏิบัติ จำเป็นต้องปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งจบกิจ จิตดวงนั้นก็มีอัตโนมัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ตลอดเวลา เป็นอกาลิโก ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมาจากอริยมรรค ๘ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อตัดกิเลสให้ขาดหรือตายได้อย่างถาวร เป็นข้อปฏิบัติในอริยสัจ ๔ ซึ่งเป็นตัวปัญญาสูงสุดในพระพุทธศาสนา และมีแต่ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่น ๆ ไม่มี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 28-10-2009 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-11-2009, 10:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

  • ๓.๓ ศีลจะขาดได้ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ คือ
ก) มีเจตนาที่จะทำชั่ว
ข) ทำตามเจตนาที่ตนคิดชั่วไว้
ค) ทำแล้วก็สมตามเจตนา

หากมีกรรม (การกระทำ) ครบ ๓ ข้อนี้ ศีลขาด ๑๐๐% หากเพียงแค่คิดชั่ว แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ศีลก็ยังไม่ขาด แต่ศีลก็ด่าง เป็นความชั่วระดับมโนกรรม หากลงมือกระทำชั่วตามที่คิด แต่ไม่สำเร็จตามที่คิด ศีลก็ยังไม่ขาด ศีลทะลุเป็นรู ๆ ยังไม่ถึงขาด เช่น วางแผนคิดจะโกหกเขา โดยเจตนาเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตน แล้วก็ทำตามแผนคือพูดโกหก พูดไม่ตรงกับความเป็นจริง เพื่อหวังผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่บังเอิญผู้รับฟังไม่เชื่อ ศีลก็ยังไม่ขาด แต่ทะลุเป็นรูแล้ว เป็นความชั่วขั้นวจีกรรม โดยมีมโนกรรมเป็นหัวหน้า ขอให้ผู้อ่านเอาไปคิดพิจารณาต่อเอง ปัญญาจึงจะเกิดขึ้นจริง ๆ หมายความว่า จริงที่เรา จริงที่ผลของการปฏิบัติของเราเองเท่านั้น การพูด การสนทนาธรรม การอ่านหนังสือธรรมะมาก ๆ ยังไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงแค่แนวทาง เป็นเพียงแค่หนทางของการปฏิบัติเท่านั้น ของจริงอยู่ที่ผล ซึ่งไม่สามารถจะทำแทนกันได้ โมทนากันไม่ได้ ของใครก็ของมันหรือกรรมใครกรรมมันทั้งสิ้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-11-2009, 11:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

  • ๓.๔ พระโสดาบันท่านตัดสังโยชน์ ๓ ข้อแรกได้แล้ว
ความสำคัญอยู่ที่ศีล แต่ศีลก็ยังแยกออกเป็น ๓ ระดับ คือ ศีลไม่ขาด แต่จิตยังหยาบอยู่เป็นเหตุ มีผลทำให้ต้องมาเกิดอีก ๗ ชาติ, ศีลไม่ขาด แต่วจีกรรมยังไม่สมบูรณ์เป็นเหตุ มีผลทำให้ต้องมาเกิดอีก ๓ ชาติ, ศีลไม่ขาด แต่มโนกรรมยังไม่สมบูรณ์เป็นเหตุ มีผลทำให้ต้องมาเกิดอีก ๑ ชาติ

สรุปในข้อนี้ก็คือ จะต้องใช้กรรมบท ๑๐ เป็นหลักในการปฏิบัติร่วมด้วย จึงจะทำให้ศีลบริสุทธิ์ขึ้น (กรรมบท ๑๐ แบ่งเป็น ๓ หมวด มีกายกรรม ๓ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม, วจีกรรม ๔ มีไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเรื่องไร้สาระ, มโนกรรม ๓ มีไม่คิดอยากได้ของผู้อื่นโดยไม่ชอบ ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่น ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า) ในข้อนี้ทรงตรัสไว้ย่อ ๆ มีความว่า “ไม่ทำ ไม่พูด ไม่คิด (ชั่ว)” หมายความว่า ไม่เอากายไปทำชั่ว ๕ ประการ ก็คือศีล ๕ นั่นเองไม่พูดก็คือ ระวังกรรมบท ๑๐ หมวดวาจา ๔ นั่นเอง ไม่คิดก็คือระวังมโนกรรม ๓ เกี่ยวกับอารมณ์ โลภ โกรธ หลง นั่นเอง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-11-2009, 11:01
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หมายเหตุ จากหนังสือธรรมะหลวงพ่อ รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน เล่ม ๑

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 02-11-2012 เมื่อ 17:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว