กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-09-2015, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๘

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้เฉพาะหน้าที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้อยากจะบอกกล่าวกับพวกเราว่า การปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหวังความหลุดพ้น เพราะถ้าไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้ เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานอยู่ไม่รู้จบ ใน ๓๑ ภพภูมินั้น ไม่มีภพไหนภูมิไหนที่มีความสุขโดยส่วนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิที่อยู่เบื้องต่ำ ก็ยิ่งมีความทุกข์มากเป็นพิเศษ

ถ้าเรามาดู ๕ ภพภูมิในส่วนของเหฏฐิมสงสาร ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์ สัตว์นรกนั้นประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ โดนไฟแผดเผา โดนสรรพาวุธสับฟัน ทุกข์ทรมานเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่ตาย พอสิ้นใจลงไป โดนลมกัมมชวาตพัดมาก็เกิดมีกายขึ้นมาใหม่ โดนไฟแผดเผา โดนสรรพาวุธสับฟันต่อไป ไม่มีความสุขแม้แต่วินาทีเดียว มีแต่ความทุกข์ยาก เจ็บปวด เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา

ในส่วนของเปรตซึ่งมีกรรมเบาบางลง มาชดใช้ในส่วนของเศษกรรม ก็ต้องทนอดอยาก หิวโหย ไม่สามารถที่จะหาอะไรกินให้อิ่มปากอิ่มท้องได้ เราอดข้าวแค่มื้อสองมื้อก็รู้สึกว่าหิวแย่แล้ว แต่เหล่าเปรตทั้งหลายนั้น ต้องอดอยากทุกข์ทรมานอยู่เป็นกัป ๆ

ในส่วนของอสุรกาย ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว กินแต่เศษอาหารที่เขาทิ้งแล้ว หรือซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย ในส่วนของสัตว์เดรัจฉานนั้นก็อยู่ในสภาพของผู้แข็งแรงข่มเหงผู้อ่อนแอ ไม่สามารถที่จะหากินให้ได้ดั่งใจของตน ได้อาหารมาก็ต้องรีบกิน เพราะอาจจะโดนเขาแย่งไปเมื่อไรก็ได้ หรือตนเองอาจจะกลายเป็นเหยื่อ เป็นอาหารของสัตว์ที่แข็งแรงกว่าก็ได้

ในส่วนของมนุษย์นั้น ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะมีความปรารถนาไม่สมหวังเป็นปกติ ดังนั้น..ในส่วนของภพภูมิเบื้องต้นทั้ง ๕ ภูมินี้ ก็ถือว่าเป็นส่วนของการที่ต้องได้รับการทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งต่ำลงไปมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2020 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-09-2015, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของมัชฌิมสงสาร ประกอบไปด้วย ๖ ภพภูมิของอากาศเทวดา ไล่ตั้งแต่จาตุมหาราชิกา ไปสิ้นสุดที่ปรนิมมิตวสวัตตี ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความสุขเพียงชั่วคราว ถ้าผู้ใดเพลิดเพลินอยู่ในทิพยสมบัติ ไม่รู้จักสร้างบุญสร้างกุศลเพิ่มเติม พ้นจากสภาพไปเมื่อไร โอกาสที่จะลงอยู่ภพภูมิเบื้องต่ำก็มีสูงมาก ก็อาจจะตกลงไปสู่อบายภูมิ ได้รับความทุกข์ทรมานไม่รู้จบอีก ท่านใดรู้จักสร้างกุศลผลบุญเพิ่มเติม ก็ต้องทุกข์ยากในการขวนขวายหาแหล่งสร้างบุญสร้างกุศลของตน หรือพยายามประกอบกองบุญกองกุศลด้วยตนเอง ก็แปลว่าดำรงชีวิตอยู่ในความทุกข์เช่นกัน

ในส่วนของปุริมสงสารคือภพเบื้องสูง ได้แก่รูปพรหม ๑๖ และอรูปพรหม ๔ นั้น ในส่วนของอรูปพรหมปราศจากอายตนะอื่น นอกจากสภาพของดวงจิต เมื่อเสวยความสุขที่เกิดจากการสร้างความดีมาหมดแล้ว ก็ต้องลงไปเสวยความทุกข์ทันที ในส่วนของรูปพรหมนั้นเสวยความสุขอยู่ก็จริง แต่ถ้าคล้อยเคลื่อนเลื่อนลงไปสู่ภูมิที่ต่ำกว่า ก็ต้องไปทุกข์ยากเดือดร้อนกันต่อ ในส่วนของสุทธาวาสพรหม ๕ ชั้น ตั้งแต่ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และ อกนิฏฐพรหม ก็ยังต้องมีความลำบากในการขวนขวายเพื่อความหลุดพ้น ต้องพากเพียรพยายามอย่างยิ่ง

นับตั้งแต่เหล่าท่านทั้งหลายในอันตราปรินิพพายี เป็นพรหมที่จะต้องเข้าสู่พระนิพพานในระหว่างอายุของตน อุปหัจจปรินิพพานยี เป็นพรหมที่จะต้องเข้าสู่พระนิพพานในกึ่งอายุของตน สสังขาราปรินิพพานยี ลำบากมากเพราะต้องใช้ความขวนขวาย ความเพียรพยายามมากเป็นพิเศษเพื่อการเข้าสู่พระนิพพาน อสังขาราปรินิพพานยี แม้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้จะไม่ลำบากเท่ากับอีกชั้นหนึ่ง แต่ก็ต้องใช้ความพยายามในการปฏิบัติเพื่อล่วงพ้นจากกองทุกข์เช่นกัน จนถึงอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ยังมีอวิชชาหลงเหลืออยู่อย่างบางเบา จำเป็นที่จะต้องตัด ต้องละ ต้องสละออกไปจากใจของตนให้ได้

ก็แปลว่าทุกท่าน ทุกภูมิ ก็ดำเนินอยู่ในกองทุกข์ ทุกข์ของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย บ้าง ทุกข์ของการที่ต้องย้อนกลับไปสู่ภูมิต่ำบ้าง ทุกข์ของการขวนขวายเพื่อความหลุดพ้นบ้าง ทั้ง ๓๑ ภพภูมินี้ ไม่มีภูมิใดภูมิหนึ่งเลยที่ปราศจากความทุกข์ ล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ทั้งสิ้น ยิ่งอยู่ในภูมิต่ำก็ยิ่งมีความทุกข์มากขึ้น

ดังนั้น..ในการที่เราจะเกิดมาอยู่ในภพภูมิทั้งหลายเหล่านี้ ก็แปลว่าจะต้องพบกับความทุกข์เหล่านี้เป็นปกติ จึงควรที่จะตั้งกำลังใจว่าขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์ใน ๓๑ ภพภูมินี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย ถ้าตายลงไปเมื่อไรเราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว แล้วเอากำลังใจเกาะพระนิพพานหรือเกาะภาพพระของเราไว้ กำหนดการภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2020 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว