กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-10-2022, 19:58
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,621
ได้ให้อนุโมทนา: 216,917
ได้รับอนุโมทนา 747,518 ครั้ง ใน 36,403 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕

ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-10-2022, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,017
ได้รับอนุโมทนา 4,417,940 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ มีลูกศิษย์ของพระอาจารย์พระมหาธวัชชัย กลฺยาโณ ป.ธ.๙ เจ้าคณะอำเภอพนมทวน เจ้าอาวาสวัดพังตรุ ซึ่งท่านอาจารย์พระมหาธวัชชัยนั้น ติดต่อมาล่วงหน้าว่าจะนำเหรียญมาให้กระผม/อาตมภาพช่วยจารเพิ่มราคาให้หน่อย ถามว่ามากเท่าไร ? ท่านบอกว่า "๑๙ เหรียญเท่านั้น" ปรากฏว่าพอมาถึงกลายเป็น ๒๐ ลัง..! แล้วก็มาแบบมือเปล่า กระทั่งดอกไม้ธูปเทียนอะไรก็ไม่มี กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้กลับไป

อย่าลืมว่าการพุทธาภิเษกตามแบบสายของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น พวกเรากราบขอบารมีพระช่วยสงเคราะห์เป็นปกติ แล้วพระพุทธเจ้าเป็นใคร ? คุณเล่นจะมามือเปล่า แล้วก็ไปสะกิด "ช่วยทำให้ผมหน่อย" อย่างนั้นหรือ ? แม้กระทั่งการจารแผ่นชนวน เพื่อที่จะหล่อพระหรือว่าสร้างวัตถุมงคล ก็ยังต้องมีดอกไม้ธูปเทียนหรือบายศรีมาเลย

แล้วนี่งานพุทธาภิเษกใหญ่ขนาดนั้น ถ้าไม่มีบายศรีใหญ่ครบชุด กระผม/อาตมภาพก็ไม่บังอาจทำหรอก เพราะว่าถ้าใช้กำลังตัวเองไปก็ได้หน่อยเดียวเท่านั้น เนื่องเพราะว่าจำกัดด้วยระยะเวลา อายุความเป็นมนุษย์นั้นน้อยนัก แต่ถ้าหากว่าปลุกเสกโดยขอบารมีพระ ท่านให้พรหมเทวดาช่วยรักษาวัตถุมงคลเหล่านั้น ซึ่งอายุของพรหมเทวดาท่านยาวนานมาก เราตายไปหลายรอบแล้วท่านเองก็ยังอยู่ ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่น ๆ ก็ได้

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเตือนไปหลายท่านแล้วว่า "พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณ ถึงเวลานึกอยากทำรูปของท่านก็ทำ นึกอยากจะสร้างก็สร้าง..!"


ตัวอย่างชัดเจนที่สุดมีอยู่ ก็คือวัดแห่งหนึ่งที่อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง สร้างรูปสมเด็จองค์ปฐม ใหญ่มาก แต่เป็นการสร้างแบบที่รู้แค่ว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านเป็นพระพุทธเจ้าที่มีคนศรัทธามาก ตั้งใจสร้างประมาณว่าเอาไว้ดึงคนเข้าวัด..!

ช่างปั้นก็เป็นช่างคนเดียวกับที่ปั้นพระให้วัดท่าขนุน ช่างหล่อก็เป็นช่างหล่อทีมเดียวกับที่หล่อพระให้วัดท่าขนุน แต่ปรากฏว่าของท่าน แค่ยกหุ่นพระพุทธรูปเพื่อที่จะไปหล่อที่วัดก็รอกขาด หุ่นตกกระแทกพื้น เสียหายหมด จนช่างปั้นต้องปั้นให้ใหม่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2022 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-10-2022, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,017
ได้รับอนุโมทนา 4,417,940 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การหล่อพระก็ใช้ฤกษ์เดียวกันกับของวัดท่าขนุน ใช้ช่างชุดเดียวกัน แต่ของวัดท่าขนุนหล่อออกมาแล้ว หลวงพ่อทองคำแทบจะไม่ต้องแต่งเลย ตัดสายชนวนแล้วขัดเรียบก็ใช้ได้ แต่ทางด้านโน้นไปหล่อ ๔ ครั้ง ไม่เต็มสักครั้ง คำว่าไม่เต็ม ก็คือโลหะแล่นไม่ทั่ว จะเกิดรอยโบ๋รอยแหว่งใหญ่ ๆ มากมาย ต้องมาปะ มาอุด มาอะไรกัน ถ้าหากว่าเกินกำลังก็ต้องปั้นใหม่ หล่อใหม่

นั่นคือการสร้างพระโดยที่วัตถุประสงค์ตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นมาก็ใช้ไม่ได้แล้ว คือสร้างพระเพื่อดึงศรัทธาคนเข้าวัด ไม่ใช่สร้างเป็นพุทธบูชา ไม่ใช่สร้างเพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา แล้วการสร้างก็ไม่ทราบว่าได้ทำบวงสรวงขออนุญาตหรือเปล่า ? ถึงได้มีสารพัดอุปสรรคขนาดนั้น

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านสร้างพระคำข้าว ๑ องค์ โดยการที่ฉันอาหารไป คำไหนรู้สึกว่าอร่อยก็คายออกมา ก็คือตัดใจสละ..ไม่กินแล้ว เก็บเอามาตากแห้งไว้ แล้วก็บดทำผง ปั้นได้พระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ๑ องค์ จากนั้นทำพิธีบวงสรวงใหญ่เต็มพิธี เพื่อรับพระพุทธรูป

หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอนนั้นยังเป็นพระใหม่อยู่ สงสัยมาก ถามว่า "หลวงพ่อครับ พระพุทธรูปองค์แค่นี้ต้องใช้บายศรีชุดใหญ่เต็มชุดเลยหรือครับ ?" หลวงพ่อปานถามกลับว่า "พระพุทธเจ้ามีเล็กหรือ ?" เพราะมีบาลีว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้

หลวงปู่ปานท่านเห็นเป็นรูปพระพุทธเจ้า ท่านก็ทำเต็มพิธี เพราะว่านั่นคือพระพุทธเจ้า แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงเห็นเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กหน้าตักแค่ ๕ นิ้ว นั่นคือสิ่งที่มองต่างกัน แล้วสมัยนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ยังไม่เข้าใจในเรื่องของคุณพระรัตนตรัยมากมายเหมือนสมัยหลัง

อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะยกตัวอย่างให้ก็คือ มีลูกศิษย์รับพระของขวัญวัดปากน้ำไปจากหลวงปู่สด วัดปากน้ำ แล้วก็บ่นว่าพระองค์เล็กนิดเดียว แบบนี้จะช่วยคุ้มครองป้องกันได้จริงหรือ ? ปรากฏว่าคืนนั้นฝันเห็นองค์พระขยายใหญ่จนเต็มจักรวาล แล้วมีเสียงกระหึ่มลงมาว่า "ขนาดนี้พอที่จะรักษาไหม ?" ก็คือพอที่จะคุ้มครองแกได้ไหม ? ประมาณนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2022 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-10-2022, 01:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,017
ได้รับอนุโมทนา 4,417,940 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของพระพุทธเจ้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและยิ่งใหญ่มาก ไม่มีมนุษย์รูปไหน นามไหนที่จะมีบารมีเกินกว่าพระองค์ท่าน เพราะว่านอกนั้นก็คือพระปัจเจกพุทธเจ้าที่สร้างบารมีน้อยกว่า พระอรหันต์ก็สร้างบารมีน้อยกว่า พรหมเทวดายิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็แปลว่า คำว่าพระพุทธเจ้านั้นไม่มีคำว่า "เล็ก"

หลวงปู่ปานท่านบอกว่า ถ้ามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมา ๒ พระองค์ นั่งถามตอบถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าด้วยกัน ถามตอบกันเป็นปีก็ตอบไม่หมดว่าพระพุทธเจ้ามีคุณขนาดไหน ที่โบราณใช้คำว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" ก็คือเขียนใส่กระดาษแล้วกองสูงท่วมหลังช้าง ยังบรรยายคุณของพระพุทธเจ้าได้ไม่หมดเลย

พวกเราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติธรรมต้องเข้าใจด้วยว่า พุทธานุสติที่กระผม/อาตมภาพสอนทุกคน สอนทุกครั้ง สอนทุกเช้าที่ปฏิบัติธรรม บางคนอาจจะคิดว่าสอนอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยากจะถามคืนไปว่า ไอ้ที่สอนซ้ำซากนี่ ทำได้ดีแล้วหรือยัง ?

พุทธานุสติเป็นกองกรรมฐานที่ช่วยให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้ดีที่สุดและง่ายที่สุด เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลย นอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน คือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน

อยากจะบอกว่า ความรู้ที่กระผม/อาตมภาพศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรมมาทั้งหมด สรุปลงก็เหลือเท่าที่มาจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะให้ทุกเช้าที่มีการปฏิบัติธรรมนั่นแหละ ใครอยากจะเป็นพระอภิญญา ใครอยากจะเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ ทำไปเลย ทำได้เมื่อไร กำลังใจถึงระดับ ได้อย่างที่ต้องการแน่นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2022 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-10-2022, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,017
ได้รับอนุโมทนา 4,417,940 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะเป็นอภิญญา ๖ อย่างน้อยต้องเป็นพระโสดาบันขึ้นไป เพราะว่าข้อที่ ๖ ของอภิญญา ๖ ก็คืออาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดกิเลสให้สิ้นไป อย่างน้อย ๆ ต้องสิ้นไปในระดับโสดาบัน ถึงถือว่าได้ญาณตัวนี้

แต่ถ้าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ ๔ อย่างน้อยต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไป เพราะว่ากำลังของปฏิสัมภิทาญาณนั้นสูงมาก ถึงขนาดฝืนกฎของกรรมได้สบาย ถ้าหากว่าไม่ใช่บุคคลที่ยอมรับกฎของกรรมในระดับพระอนาคามีขึ้นไปแล้ว อาจจะไปสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับโลกสารพัดโลก สารพัดภพภูมิ ก็แปลว่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นอย่างที่คิดไม่ถึง จึงต้องมีกฎเกณฑ์กติกาบังคับเอาไว้แบบนี้

โดยเฉพาะนิโรธะสมาบัติ หรือนิโรธสมาบัติ อย่างที่พวกเราเรียกกัน ถ้าไม่ใช่พระอนาคามีปฏิสัมภิทาญาณขึ้นไป ไม่สามารถที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ อนาคามีธรรมดายังไม่พอ อนาคามีวิชชา ๓ อนาคามีอภิญญา ๖ ก็ไม่ได้ ต้องเป็นอนาคามีปฏิสัมภิทาญาณขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ
วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2022 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว