กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-09-2018, 07:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๑

ให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เป็นการปฏิบัติธรรมวันสุดท้ายในต้นเดือนกันยายนของเรา

ส่วนที่อยากจะบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายในวันนี้ก็คือว่า พวกเราเดินทางมาไกลพอแล้ว คำว่า เดินทางไกลพอแล้ว คือ เราเวียนว่ายตายเกิดมามากพอแล้ว การแหวกว่ายในวัฏสงสารที่หาต้นหาปลายไม่ได้ของเรานั้น ความจริงแล้วเกิดจากการที่เราว่ายวน ถ้าเรารวบรัดตัดตรงก็ขึ้นฝั่งไปได้นานแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ว่าจะตัดทางตรงไปได้อย่างไร

สิ่งที่ท่านทั้งหลายสร้างสมมา ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา จะว่าไปแล้วก็เป็นเสบียงบุญ ช่วยให้การเดินทางในวัฏสงสารของเรานี้ไม่ลำบากจนเกินไป แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้เราสามารถก้าวล่วงพ้นจากห้วงวัฏฏะนี้ได้

คำว่า วัฏฏะ คือ วนเวียน หมุนวน ก็เพราะว่าเราวนเวียนหมุนวนอยู่ บางทีพื้นที่เล็ก ๆ เพียงนิดเดียว แต่พอเราไปวนเป็นวงกลมอยู่ ก็กลายเป็นการเดินทางที่ไม่รู้จบ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เราทั้งหลายเหมือนอย่างกับบุคคลที่อยู่บนบ้านซึ่งกำลังไฟไหม้ แต่แทนที่จะรีบหลีกหนีไปให้ห่าง เพื่อให้พ้นจากอันตราย เรากลับไปนอนสบายใจอยู่ โดยไม่รู้ว่าไฟกำลังไหม้บ้าน การดำเนินชีวิตของเราทุกวัน ทุกย่างก้าว เราเดินอยู่บนกองไฟ ก็คือไฟแห่งความทุกข์ที่เกิดจาก ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเผาลนเราอยู่ตลอดเวลา แต่เรากลับไม่รู้ตัวว่าเราเดินอยู่บนกองไฟ เราอยู่บนบ้านที่ไฟกำลังไหม้ เราจึงมีแต่ความประมาทเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2018 เมื่อ 19:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-09-2018, 19:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะตำหนิก็ไม่ได้ เพราะว่าปัญญาของเราไม่เพียงพอ วิธีที่จะหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารนี้มีทางเดียว ก็คือต้องเดินทางตรง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้แนะนำทางให้แก่พวกเรา คือ มรรค ๘ หนทาง ๘ ประการ ที่จะพาเราก้าวล่วงพ้นจากวัฏสงสาร ประกอบไปด้วย

สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ มีความเห็นถูก มีความดำริคือความคิดถูก ส่วนนี้เป็นปัญญา สัมมาวาจา พูดถูก สัมมากัมมันตะ ทำถูก สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพได้ถูก ส่วนนี้เป็นศีล

สัมมาวายามะ ความเพียรที่ถูกต้องถูกทาง สัมมาสติ ตั้งสติไว้ถูกทาง โดยเฉพาะในสติปัฏฐานทั้ง ๔ สัมมาสมาธิ ตั้งสมาธิไว้ถูกต้อง คือทรงฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ ได้ ส่วนนี้จัดเป็นสมาธิ

ก็แปลว่าถ้าหากเราจะเดินทางตรง คือเดินในทางของ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่เอง

ในส่วนของศีลนั้น ท่านให้เรารักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

ในส่วนของสมาธินั้น ท่านให้ใช้สมาธิไปในอนุสติอย่างน้อย ๓ ประการ ก็คือระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อเห็นคุณความดีชัดแจ้ง เราก็จะไม่ล่วงเกินพระรัตนตรัย ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2018 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-09-2018, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของปัญญานั้น คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าหากว่าเราตายลงไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะหมดอายุขัยก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียวเท่านั้น

นี่เป็นหนทางที่ตรงที่สุดซึ่งจะนำเราหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสาร ที่เวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน แล้วถ้าหากไม่รู้จักทางออก ก็ยังคงเวียนว่ายตายเกิดกันไม่รู้จบ มีแต่ความทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเราเดินทางวนเวียนอยู่มามากพอแล้ว ก็ควรที่จะพอเสียทีกับการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นนี้ ให้มุ่งไปตามทางตรงคือมรรค ๘ ย่อลงมาเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว พยายามตั้งหน้าตั้งตาทำจริง ๆ ซ้อมแล้วซ้อมอีก ย้ำแล้วย้ำอีกอยู่ทุกวันทุกเวลาโดยไม่เบื่อไม่หน่าย ถ้าหากว่ากำลังความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราสมบูรณ์พร้อม เราก็จะก้าวล่วงจากวัฏสงสาร ซึ่งประกอบไปด้วยความทุกข์อันเอนกอนันต์นี้ เข้าสู่พระนิพพานซึ่งเป็นที่พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2018 เมื่อ 08:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว