กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-08-2021, 21:20
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-08-2021, 22:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตรงกับวันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีฉลู ซึ่งในช่วงเช้าทางวัดท่าขนุนของเรา ก็จัดให้มีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ และเจริญพระพุทธมนต์ไปแล้ว ช่วงค่ำก็จะมีการแสดงพระธรรมเทศนาอีก ๑ กัณฑ์

คราวนี้ในส่วนของวันพระ ทำไมตั้งแต่ก่อนพุทธกาล หรือว่าในสมัยพุทธกาล ถึงได้กำหนดว่า ต้องเป็นวันขึ้นหรือแรม ๑๕ ค่ำหรือ ๑๔ ค่ำ ? ทำไมต้องเป็นวันขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำ ? เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง

เอาแค่สมัยพุทธกาล ก็มีศาสดาเจ้าลัทธิอยู่ถึง ๖๒ ลัทธิ ซึ่งลัทธิทั้งหลายเหล่านี้เชื่อว่าตายแล้วเกิดบ้าง เชื่อว่าตายแล้วสูญบ้างให้ยุ่งไปหมด ตอนแรกตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็คิดว่า ทำไมลัทธิเฮงซวยห่วยแตกแบบนี้ ยังมีคนนับถือกันมากมายนักขนาดนั้น ? แต่พอศึกษาลึกซึ้งเข้าไปจริง ๆ แล้ว ถึงได้ทราบว่าเจ้าลัทธิเหล่านี้ทั้งหลายเป็นของจริงทั้งสิ้น

๖๒ ลัทธิที่ว่านั้นแบ่งออกเป็น ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิอยู่ ๑๘ ลัทธิ อปรันตกัปปิกทิฏฐิอีก ๔๔ ลัทธิ บรรดาปุพพันตกัปปิกทิฏฐินั้น สามารถระลึกชาติย้อนอดีตได้ ในพระไตรปิฎกบอกว่าร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ครึ่งกัปบ้าง หนึ่งกัปบ้าง ของเราแค่ระลึกได้เป็นพันชาติก็แย่แล้ว นั่นระลึกย้อนหลังได้เป็นกัป กัปหนึ่งนี่เราเกิดเป็นล้าน ๆ ชาติเลย..!

ส่วนอปรันตกัปปิกทิฏฐินั้น สามารถที่จะเห็นอนาคตได้ ว่าคนเราตายแล้วไปเป็นสัตว์นรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นมนุษย์บ้าง เป็นเทวดานางฟ้าบ้าง เป็นพรหมบ้าง เป็นอรูปพรหมบ้าง ก็ลักษณะเดียวกัน คือ สามารถมองล่วงหน้าไปได้มากน้อยต่างกันตามกำลังของตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-08-2021 เมื่อ 23:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-08-2021, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเห็นไม่เหมือนกัน จึงบัญญัติลัทธิขึ้นมาต่างกันไปตามความเห็นของตน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงกลายเป็นของจริง ของแท้ แต่ยังไม่ใช่เพชรยอดมงกุฎ

เพราะว่าบางศาสดาอย่างท่านอารกะ ตรงนี้มาจากสัตตกนิบาต อังคุตตรนิกาย อรกสูตร ท่านเปรียบเอาไว้ว่า
ชีวิตเหมือนกับต่อมน้ำ ก็คือฟองน้ำที่ผุดขึ้นมาตอนฝนตกหยดลงไป ก็จะแตกหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
ชีวิตเหมือนกับน้ำค้าง โดนแดดเผา ก็ระเหยหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
ชีวิตเหมือนก้อนน้ำลายที่ติดอยู่ปลายลิ้นบุรุษผู้มีกำลัง จะโดนถ่มทิ้งเมื่อไรก็ได้
ชีวิตเหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟ รังแต่จะถูกเผาหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว
ชีวิตเหมือนลำธารไหลลงจากภูเขา พรวดเดียวก็ผ่านหน้าไปแล้ว
ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า ต้องตายแน่นอน


นั่นแค่ศาสดานอกศาสนาเท่านั้น เขาสามารถเห็นอนิจจังได้ แต่ตัวทุกขังเห็นไม่ชัด และไม่มีตัวอนัตตา ก็คือไม่เห็นทุกข์ กับไม่เห็นความไม่มีตัวตนเราเขา ในเมื่อท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความรู้จริงอยู่ในระดับหนึ่ง ถึงจะไม่ใช่ระดับเพชรยอดมงกุฎ แต่ว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปแล้ว ความรู้ความสามารถของท่านใช้ได้เลย

ดังนั้น...ที่บรรดาท่านทั้งหลายกำหนดให้สาวกของตนมีวันธรรมสวนะ คือวันฟังธรรม โดยกำหนดว่าเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำ ถ้าเดือนขาด แล้วก็เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ และแรม ๘ ค่ำ

สาเหตุนี้ ถ้าจะว่าไปแล้วก็เกี่ยวกับดวงดาวทั้งหลายที่โคจรอยู่ในห้วงอวกาศ โดยเฉพาะส่วนที่ใกล้โลกที่สุด ก็คือดวงจันทร์ เราจะเห็นว่าความเชื่อนี้ผูกพันกับจันทรคติ คือการโคจรของดวงจันทร์ น้ำจะขึ้นลงสูงสุดในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำ ผู้หญิงจะมีรอบเดือนอยู่ในช่วงมาตรฐาน ๒๘ วันโดยประมาณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-08-2021 เมื่อ 23:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-08-2021, 22:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเกี่ยวข้องกันดังนี้ อานุภาพของดวงดาวต่าง ๆ ก็จะสร้างความปั่นป่วนให้แก่เลือดลมและฮอร์โมนในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือธาตุน้ำ ธาตุลม ซึ่งจะขึ้นสูงสุด ต่ำสุด หรือว่าเคลื่อนขวางสุด ในช่วงขึ้นแรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำ หรือว่าขึ้นแรม ๘ ค่ำ คนเราก็จะหงุดหงิด กลัดกลุ้ม วางกำลังใจไม่ค่อยจะถูก บางทีก็ทะเลาะเบาะแว้งกันไปทั่ว

ถ้าอย่างของทางด้านตะวันตก เขาก็เชื่อว่าพวกบรรดาไสยศาสตร์ต่าง ๆ ถ้าอาศัยวันขึ้นแรมของพระจันทร์ จะทำให้เกิดอานุภาพมากขึ้น แล้วอย่างบรรดาผีดูดเลือด หรือว่ามนุษย์หมาป่า ก็เกี่ยวพันกับดวงจันทร์อย่างแนบแน่น

บรรดาโบราณาจารย์ต่าง ๆ ถึงได้กำหนดให้วันขึ้นแรม ๑๕ ค่ำ หรือว่าแรม ๑๔ ค่ำเดือนขาด และวันขึ้นแรม ๘ ค่ำ เป็นวันถือศีล ฟังเทศน์ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม นอนอยู่วัด รักษาศีล ๘ เพราะว่าถ้าหากว่าเรามีศีลเป็นกรอบ มีสมาธิทรงตัว ผลกระทบจากธรรมชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะพลังของดวงดาว ก็จะส่งผลกับเราน้อยมาก ถ้าท่านที่กำลังใจเข้มแข็งทรงตัว ก็ไม่เกิดผล ถ้าหากว่ารู้จักรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ก็เกิดผลน้อย สามารถควบคุมอยู่ในขอบเขตที่ตนเองรับได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องที่มาที่ไปของวันพระ ไม่ใช่แค่สักแต่กำหนดขึ้นมาว่าให้เป็นวันทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม หรือว่าอยู่วัดรักษาอุโบสถศีลเฉย ๆ แต่ว่ามีที่มาด้วยความลึกซึ้ง ที่บางทีพวกท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร หรือว่าญาติโยมก็ตาม อาจจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน วันนี้ก็เลยนำมากล่าวถึง เพื่อให้ได้ทราบอย่างชัดเจน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2021 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 01-08-2021, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ขณะเดียวกัน ถ้าจะนำไปอ้างต่อ ตัวเองต้องเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่ามีที่มาจากไหน ? มีที่ไปอย่างไร ? ไม่อย่างนั้นพอเขาซักถามแล้ว ไปไม่เป็น ก็จะโดนคนปรามาส ซึ่งจะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็เป็นโลกจินไตย คือความเป็นไปของโลก ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่าเป็น ๑ ใน ๔ อย่างที่ไม่บังควรคิด บุคคลที่คิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า แต่ว่าหลายท่านก็อาจจะสงสัย เพียงแต่ไม่ชัดเจน

วันนี้กระผม/อาตมภาพก็เลยนำมาบอกกล่าวกันให้ชัดเจน ว่าทำไมวัดท่าขนุนจึงมีการทำบุญวันพระทั้งเช้าและค่ำ ? ก็เพื่อให้บุคคลที่เห็นประโยชน์ ได้มีโอกาสในการเสริมสร้างบุญกุศล ในทาน ในศีล ในภาวนาให้กับตัวเอง โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ รักษาใจของตนเอาไว้ ไม่ให้ส่งส่ายวุ่นวายไปตามอานุภาพของดวงดาวต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งแจ้งให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2021 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว