#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อช่วงบ่ายพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต พฺรหมฺคุตฺตมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม มรณภาพ
แต่ส่วนที่กระผม/อาตมภาพหายไปเมื่อวานนั้น ไปงานศพเพื่อนก็คือท่านพระครูสุตาภรณ์พิสุทธิ์ (ชลอ เตชพโล ป.ธ.๔) ต้องบอกว่าเป็นเพื่อนที่คบหากันมายาวนานมาก ตั้งแต่ท่านยังเป็นพระครูปลัดชลออยู่ สมัยนั้นต้องบอกว่าเป็น "มือปืนรับจ้าง" ด้วยกัน คำว่า "มือปืนรับจ้าง" ในที่นี้ก็คือ เวลามีงานอบรมสัมมนาอะไรก็ตาม เจ้านายท่านก็จะมองว่าใครเคยไป แล้วก็มักจะส่งไปแต่คนนั้น คราวนี้ทางจังหวัดสุพรรณบุรีก็มักจะส่งท่านอาจารย์ชลอ ที่พวกเรามักจะเรียกกันว่า "ป๋าลอ" ไป กาญจนบุรีก็มักจะส่งกระผม/อาตมภาพไป ที่เรียกกันว่า "ป๋าลอ" จนกระทั่งติดปาก ก็เพราะว่าสมัยนั้นพันตำรวจโทชลอ เกิดเทศ ดังมาก จนกระทั่งเป็นพันตำรวจเอก พลตำรวจตรี พลตำรวจโท คนเขาเรียก "ป๋า" กันทั้งบ้านทั้งเมือง พวกเราก็เลยเรียก "ป๋าลอ" ไปด้วย เพราะว่าชื่อตรงกัน คราวนี้ในงานอบรม ถ้าหากว่าจับคู่กับป๋าลอเมื่อไรก็เป็นอันว่าคนอื่นหนาว เพราะว่าโดน "คู่นรกแตก" ไล่ทุบเละคาเวทีมาเยอะแล้ว..! ต้องบอกว่าป๋าลอเป็นพระที่ปฏิภาณไหวพริบดีมาก ๆ ส่งลูกรับลูกอะไรให้ ท่านรับได้หมด ไม่เคยพลาดเลย ดังนั้น...ไม่ว่าจะมีลูกเล่นอะไรในเวลาอบรมสัมมนาก็ตาม ถ้าจับคู่กับป๋าลอขึ้นไป ก็เป็นอันว่ารายอื่นเตรียมตัวได้..โดนแน่นอน..! หลังจากนั้น พอมีการเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์รุ่นแรกที่วัดไร่ขิง ก็ไปเรียนด้วยกัน จนกระทั่งปริญญาตรี ปริญญาโท เรียนด้วยกันมา แต่ป๋าลอจบปริญญาโทพร้อม ๆ กับอาการป่วยหนักปางตาย เหตุเพราะว่าตั้งแต่ตอนเรียนบาลีเมื่อยังเป็นสามเณร ป๋าลอก็สูบบุหรี่ แบบเดียวกับท่านเจ้าคุณอาจารย์มีชัย (พระธรรมวชิรเมธี) เจ้าคณะภาค ๑ ก็คือ คนเรียนบาลีมักจะเครียด แล้วยิ่งถ้ามีพื้นฐานสูบบุหรี่อยู่แล้วก็ยิ่งสูบหนักเข้าไปใหญ่ อย่างท่านเจ้าคุณอาจารย์มีชัย ท่านบอกว่า "ผมสูบบุหรี่วันละ ๒ ซองครึ่ง" ใคร ๆ ก็บอกว่า "มหามีชัย..มะเร็งกินตายแน่นอน" แต่พอจบประโยค ๙ ภายใน ๘ ปี ท่านเจ้าคุณอาจารย์มีชัยก็เลิกบุหรี่ อาศัยวุฒิปริญญาตรีของเปรียญธรรม ๙ ประโยคมาเรียนปริญญาโท แล้วต่อปริญญาเอก ท่านเป็นอาจารย์แต่จบปริญญาเอกทีหลัง กระผม/อาตมภาพเป็นลูกศิษย์จบก่อน คือเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยจะไว้หน้าอาจารย์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2022 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อย่างท่านเจ้าคุณอาจารย์เฉลา (พระเทพวิสุทธิโสภณ ป.ธ.๙, ดร.) วัดราชคฤห์ ท่านเรียนปริญญาเอกอยู่ ๕ ปี ส่วนกระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ ๒ ปีกว่า ก็เลยไปจบพร้อมกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนเรียนปริญญาเอกท่านเจ้าคุณอาจารย์เฉลาเป็นอาจารย์สอนวิชากรรมฐานให้ ก็คือท่านสอนไปพร้อมกับเรียนปริญญาเอกไปด้วย แล้วก็จบพร้อมกับลูกศิษย์
คราวนี้ที่ป๋าลอสูบบุหรี่หนัก ก็เลยเป็นมะเร็งกล่องเสียง ต้องผ่าตัดกล่องเสียงทิ้ง ซึ่งโดยปกติแล้วก็คือหมดอนาคต แต่ป๋าลอเป็นคนที่มีความเพียรพยายามมาก ไม่มีกล่องเสียง แต่พยายามจนออกเสียงเป็นภาษาพูดได้ ดังนั้น..ถ้าใครเคยสนทนากับป๋าลอ จะรู้สึกว่าเสียงพูดของท่านแปลก ๆ เพราะไม่ใช่เสียงที่เกิดจากเส้นเสียงปกติ คล้าย ๆ กับเป็นเสียงที่เปล่งจากท้อง จากอกมาแทน แต่ก็ฟังรู้เรื่องดี แล้วเป็นพระที่อารมณ์ดีมาก ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำให้เพื่อนฝูง "เฮฮาปาร์ตี้" ได้ตลอด แต่คราวนี้พอเรียนปริญญาโทแล้วทำวิทยานิพนธ์กันเครียดมาก ป๋าลอก็เลยอาการป่วยกำเริบ พวกเราหลายคน โดยเฉพาะอาจารย์ชิตวัฒน์ วัดทุ่งน้อย ช่วยป๋าลอทำวิทยานิพนธ์กัน โดยที่ป๋าลอจะนอนยาวอยู่บนพื้น แล้วก็บอกว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร เพื่อนก็ช่วยกันพิมพ์ให้ มีความอดทนสุด ๆ เอาจบปริญญาโทจนได้ แล้วท่านก็บอกว่า "พี่เล็ก..ไปเรียนเอกเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนไปเรียนเอก ผมเอาชีวิตไปทิ้งแน่นอน..!" หลังจากนั้นท่านก็ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าจัด จากวัดท่าจัดมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์อ้น แล้วก็ลาออก เพราะว่าพระครูอนุกูลปัญญากร หรือที่พวกกระผม/อาตมภาพเรียกกันว่า "พี่สุชิน" เจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัว แบกภาระวัดใหญ่ขนาดนั้นไม่ไหว ก็ขอร้องเพื่อนก็คือป๋าลอ "ลาออกมาเป็นผู้ช่วยผมทีเถอะ..!" คนทั่ว ๆ ไป ถ้าไม่รักเพื่อนจริง ๆ ตัวเองเป็นเจ้าอาวาสอยู่ แล้วให้ลาออกไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ก็คงไม่มีใครเขาทำกัน แต่ป๋าลอทำ ด้วยความรักเพื่อน เสียสละไปช่วยงาน ดูแลวัดไผ่โรงวัว จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต จะว่าไปแล้วท่านก็เกิดปีเดียวกัน ปีกุน พ.ศ. ๒๕๐๒ แต่ป๋าลออ่อนเดือนกว่า ท่านเกิดเดือนกันยายน เมื่อวานนี้ตอนไปงานศพก็เจอคุณแม่ช้วน ปิ่นวิเศษ โยมแม่ของป๋าลอ อายุ ๘๔ ปี แล้วยังแข็งแรงมาก กระผม/อาตมภาพเข้าไปทักทาย พยายามพูดให้คลายกำลังใจว่า "โยมแม่ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ชลอท่านไปดีแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2022 เมื่อ 01:39 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เพราะว่าตอนที่เลี้ยวเข้าไปในวัดป่าเลไลยก์ กระผม/อาตมภาพไม่รู้ว่าเขาตั้งศพไว้ที่ศาลาไหน ป๋าลอมายืนกวักมือเรียก บอก "พี่เล็ก..ทางนี้" ก็เลยให้น้องเล็ก (จิราพร ซื่อตรงต่อการ) ขับรถตามที่ป๋าแกกวักมือเรียกไป เข้าจอดหน้าศาลาพอดีเลย วัดใหญ่ ๆ นี่ บางทีการตั้งศพ เราหาไม่เจอว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่รู้เป้าหมายมาก่อน
แค่นั้นยังไม่พอ วันนี้ตอนเดินทางกลับ หลังจากเอารถเข้าศูนย์ ไม่ต้องสงสัยนะ..ระยะนี้เป็นระยะของการซ่อมรถ หายไปครึ่งวัน ไม่ต้องทำมาหากินอะไร เพราะว่าเอารถไปเข้าศูนย์ วิ่งกลับมาถึงแถว ๆ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ป๋าลอก็โผล่หน้ามาบอกว่า "เขาเผาผมวันนี้" "เออ..เผาก็เผาไปเหอะ ผมไม่ไปหรอก จะกลับวัดแล้ว" ปรากฏว่ากลับมาถึงวัด ทำงานทำการอะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย เพื่อนฝูงก็ส่งข่าวในกลุ่มไลน์ว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต พฺรหฺมคุตฺตมหาเถระ วัดบวรนิเวศวิหาร มรณภาพด้วยอายุ ๘๕ ปี จะบอกว่าสมควรแก่เวลาก็ใช่ที่ เพราะว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาที่กระผม/อาตมภาพรู้จักท่านตั้งแต่ยังเป็นพระราชสุมนต์มุนี ท่านเป็นพระที่แข็งแรงมาก แม้กระทั่งตอนเป็นสมเด็จแล้ว เวลาไปวัดบวรนิเวศวิหารก็เหมือนกัน เจอหน้าท่านก็ยังคงเดินฉับ ๆ อยู่ ก็ไม่น่าเชื่อว่าแข็งแรงขนาดนั้น แล้วอยู่ ๆ เข้าโรงพยาบาลได้ไม่นานก็มรณภาพ ต้องบอกว่าการที่ประเทศชาติของเราสูญเสียพระผู้ใหญ่ระดับนั้น นอกจากจะผ่อนเรื่องร้าย ๆ ทั้งหลายในประเทศให้เบาลงได้แล้ว ยังเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ร้าย ๆ ของโลกให้เบาลงได้เช่นกัน เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกต จะเห็นว่าเวลาบุคคลสำคัญ ถ้าหากว่ามรณภาพหรือว่าสิ้นชีวิต หรือถึงแก่ทิวงคต หรือสวรรคตลง สถานการณ์หนักหนาสาหัสในบ้านในเมืองของเราช่วงนั้นจะเบาลงทันตา แล้วท่านทั้งหลายอย่าลืมว่า เราสูญเสียสมเด็จพระราชาคณะมา ๓ รูปติด ๆ กันแล้ว ก็คือพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จพระญาณวชิโรดม วัดธรรมมงคล หลวงปู่อาจารย์ของกระผม/อาตมภาพเอง แล้วก็มาพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ แล้วนี่ก็มาพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร เราจะเห็นว่าสถานการณ์ของประเทศชาติและของโลกนั้น ไม่ได้เบาลงสักเท่าไรเลย เพราะว่าวาระกรรมใหญ่ของคนส่วนมากเกิดขึ้น ดังที่กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายไปตั้งแต่ปีก่อนว่า เทเงินดอลล่าร์ทุกเซ็นต์จนหมดเกลี้ยง ตอนนั้นท่านทั้งหลายก็สงสัยว่าเททิ้งทำไม ? ระยะนี้ก็คงเริ่มเห็นแล้ว และคาดว่าอีกไม่นานก็จะเห็นชัดกว่านี้อีก..! ซึ่งบางเรื่องที่พูดหรือกระทำไป เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก จนกว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ นั้นจะเกิดขึ้นเอง เรื่องพวกนี้เราต้องถือหลักในเกสปุตตสูตร คือการอย่าเชื่อ ๑๐ ประการ ถ้าจะเชื่อก็ให้เชื่อคุณพระศรีรัตนตรัย เชื่อกรรม แต่ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แม้แต่บุคคลผู้เป็นครูของเราบอกกล่าวมาก็ยังไม่ควรที่จะเชื่อ จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านั้นเป็นจริง วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2022 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|