#1
|
||||
|
||||
เก็บตกงานสวดมนต์ข้ามปี วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
ความจริงกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเป็นสิ่งที่พระทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะวัดหลวงต่าง ๆ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเขาจะนับเวลาเที่ยงคืนตรง ทุกวัดโดยเฉพาะวัดหลวงจะต้องตีระฆังเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อความเป็นสิริมงคลและต้อนรับปีใหม่
จนกระทั่งหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเป็นประธานการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งถือเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของพระพุทธศาสนาเรา ได้มีการประชุมและมีมติมหาเถรสมาคมออกมา ให้จัดการต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ข้ามปี จำได้ว่าปีแรกที่มีการเจริญพระพุทธมนต์ข้ามปี ญาติโยมเดินกันอานเลย เนื่องเพราะว่ามีการปิดพื้นที่รอบสนามหลวง แล้วก็เลยพาลทำให้วัดวาอารามหลายแห่ง ซึ่งปกติแล้วจะมีขนส่งมวลชนวิ่งผ่านก็ไม่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดสระเกศฯ เอง และญาติโยมจำนวนมากจากฝั่งธนบุรี ต้องเดินข้ามสะพานพุทธฯ ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อไปวัดสวดมนต์ข้ามปีแล้วก็เดินกลับ ก็มีรายการญาติโยม “ชยันโต” แทนพระ ชยันโตของพระนี่คือการเจริญชัยมงคลคาถา คราวนี้พระชวนสวดมนต์ กทม. ดันปิดถนน ญาติโยมก็เลยเจริญชัยมงคลคาถาแทน คือชยันโต กทม...! ก็ต้องบอกว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็มีการแก้ไขกันมาเรื่อย ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2019 เมื่อ 15:50 |
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ในเรื่องของการทำความดี โดยเฉพาะการสวดมนต์ไหว้พระ ก็เหมือนกับการสะสมแต้มบุญ เป็นเรื่องที่ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ ยินดีในการกระทำของคนอื่นได้ แต่ถ้าหวังบุญด้วยการยินดีจากการกระทำของคนอื่นก็ต้องรอ รอตรงที่ว่าถ้าเจ้าของบุญยังไม่ได้รับผลตอบแทนเมื่อไร เราก็จะยังไม่ได้บุญเมื่อนั้น สรุปก็คือต้องให้คนทำเองได้รับก่อน เราผู้ยินดีในผลบุญของคนอื่นที่เรียกว่าอนุโมทนา ถึงจะได้รับผลตามนั้น ดังนั้น..ยินดีในความดีของคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่เพื่อความแน่นอนและปลอดภัยให้ทำเองดีกว่า
พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นภาษาบาลีว่า “สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธเย” ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของจำเพาะตน บุคคลหนึ่งจักทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ ก็คือในเรื่องของการทำความดีเป็นเรื่องของใครของมัน ไม่มีใครสามารถที่จะดลบันดาลแทนกันได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2019 เมื่อ 15:51 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีบางท่านที่เข้าใจผิด อย่างเช่นว่าลูกทำ พ่อแม่จะได้บุญด้วย ถ้าลูกทำแล้วพ่อแม่ไม่ยินดี ก็ไม่ได้บุญ แปลว่าการจะเอาบุญจากคนอื่นเป็นการยาก เพราะต้องวางกำลังใจให้ถูก โดยเฉพาะตัวปัตตานุโมทนามัย การยินดีในการทำความดีของผู้อื่น เป็นบุญที่ได้ยากมาก เหตุที่ได้ยากมากเพราะว่า จะต้องเป็นความยินดีออกจากใจจริง คือมีความรู้สึกว่า ในขณะที่เราไม่มีโอกาสสร้างบุญนั้น ๆ บุคคลอื่นกลับมีโอกาส เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ หนอ เป็นกำลังใจที่ประกอบไปด้วยมุทิตาอย่างเต็มที่
แต่ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ของพวกเรานั้นวางกำลังใจผิด เห็นคนอื่นทำความดีก็ยกมือสาธุ แต่สาธุของเรามีความหมายว่า “กูจะเอาของมึง” ไม่ใช่การยินดีในความดีของคนอื่น แต่เป็นโลภเจตนา ก็คือโลภจะเอาของเขา ในเมื่อวางกำลังใจผิดตั้งแต่แรก ก็เหมือนกับกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อ ๆ ไปก็จะผิดไปด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2019 เมื่อ 15:52 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เห็นท้ายรถบางคันติดสติ๊กเกอร์ไว้ ก็ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่คนอ่านบางคนก็หมั่นไส้ เพราะเขาเขียนว่า “ความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเอง”
เรื่องนี้มีมาในธรรมบทของนายอันนภาระ ชายเกี่ยวหญ้า มีหน้าที่เกี่ยวหญ้าไปขายให้มหาเศรษฐีเอาไว้เลี้ยงม้าเลี้ยงวัว พอดีได้มีโอกาสทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า เทวดาที่รักษาฉัตรเศรษฐีมีความเป็นทิพย์ รู้ว่านายอันนภาระได้สร้างบุญใหญ่ ก็อนุโมทนาเสียงดังว่า “สาธุ สาธุ สาธุ” มหาเศรษฐีก็งง ปกติตนเองก็ทำบุญออกจะบ่อย ไม่เห็นเทวดาจะอนุโมทนาสาธุการ ครั้งนี้ไม่ได้ทำบุญ ทำไมอยู่ ๆ เทวดาสาธุการ ? เมื่อสอบถาม เทวดาก็บอกว่า ยินดีกับนายอันนภาระ ชายเกี่ยวหญ้า ที่ได้มีโอกาสทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า เศรษฐีได้ยินก็ให้คนรับใช้ไปเอาตัวนายอันนภาระมาสอบถาม ว่าเจ้าได้ทำบุญกับพระคุณเจ้าที่เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจริงหรือ ? นายอันนภาระก็บอกว่า ได้ทำจริง ๆ กำลังเกี่ยวหญ้าอยู่ พระปัจเจกพุทธเจ้าบิณฑบาตผ่านมา ก็เลยสละอาหารของตนที่มีอยู่ถวายพระคุณเจ้าไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:08 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
มหาเศรษฐีก็บอกว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงแบ่งบุญให้เราด้วย แล้วเราจะให้กหาปณะแก่เจ้า นายอันนภาระก็บอกว่า ไม่ได้หรอก โอกาสตนที่สร้างบุญมีน้อยมาก มหาเศรษฐีมีโอกาสทำบุญได้ทุกวันตามปรารถนา แต่ว่าตนเองนั้นทั้งชีวิตที่ผ่านมา อยากจะทำบุญก็ไม่มีทรัพย์สิน เมื่อมีทรัพย์สินก็ไม่มีที่ให้ทำบุญ วันนี้ทุกอย่างประจวบกัน ก็คือมีข้าวปลาอาหารพร้อม พระปัจเจกพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาพอดี ในเมื่อกระทำได้โดยยากก็ไม่ขอแบ่งให้
เศรษฐีก็ตั้งราคาเป็นเงินตามแบบของคนรวย ตั้งใจมอบเงินให้ ๑๐๐ กหาปณะ ก็ไม่ยอมให้ ๒๐๐ กหาปณะ ก็ไม่ยอมให้ ขึ้นไปเรื่อย...จนถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลในยุคนั้น นายอันนภาระก็ประมาณว่า ไม่มีใครซื้อกูได้ ถ้าจำนวนไม่มากพอ..! ก็บอกว่า “ถ้าเช่นนั้นขอไปถามพระคุณเจ้าก่อน” จึงวิ่งกลับไป ปรากฏว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้ไปไหน รับภัตตาหารแล้วก็หาที่เหมาะสมปูผ้าลง กระทำภัตกิจอยู่แถวนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:09 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
นายอันนภาระก็ถามพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ผลบุญที่ได้กระทำเมื่อเช้านี้กับพระคุณท่าน นายของข้าพเจ้าขอแบ่ง สามารถแบ่งให้เขาได้หรือไม่ ?” พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า “ได้..ขอเพียงนายของท่านยินดีในความดีนี้ของท่านจากใจจริง ก็มีส่วนในผลบุญนี้ด้วย” นายอันนภาระกล่าวว่า “เมื่อให้ไปแล้ว ผลบุญของข้าพเจ้าจะพร่องลงหรือไม่ ?” พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าให้แล้วแหว่งก็ไม่อยากจะให้
พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า “เปรียบเสมือนบุคคลหนึ่งก่อไฟขึ้นมาหนึ่งกอง แล้วอนุญาตให้ผู้อื่นต่อไฟไปใช้ ไฟของตนเองก็ไม่ได้บกพร่องลง ซ้ำยังได้ความสว่างมากขึ้นจากการที่คนอื่นก่อไฟเพิ่ม” นายอันนภาระบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าพเจ้าก็จะแบ่งบุญให้แก่นาย” ก็กลับไปบอกแก่เศรษฐี “ข้าแต่ท่านเศรษฐี พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราบอกว่าสามารถแบ่งปันได้ ดังนั้น..ขอท่านจงรับเอาส่วนบุญนี้ไปเถิด” เศรษฐีก็ยินดีและอนุโมทนา แล้วก็มอบทรัพย์สินเงินทองต่าง ๆ ให้นายอันนภาระครึ่งหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:10 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
บุคคลที่จะเป็นเศรษฐี สมัยนั้นจะต้องมีทรัพย์สินอย่างน้อย ๘๐ โกฏิ ตีเสียว่า ๘๐๐ ล้านบาทของสมัยนี้ จะได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าแผ่นดินให้เป็นเศรษฐี มีการมอบฉัตรเครื่องยศให้ ๓ ชั้น นายอันนภาระก็เลยกลายเป็นอนุเศรษฐี เมื่อข่าวไปถึงพระมหากษัตริย์ก็อยากได้บุญด้วย ก็ขอส่วนบุญจากนายอันนภาระ และมอบบ้านส่วยให้ ๓ แห่งเพื่อให้นายอันนภาระเก็บภาษีไว้ใช้เอง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงให้ไปประมาณ ๓ หมู่บ้าน นายอันนภาระก็เลยกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมา จากผลบุญที่ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า
แต่ว่าเป้าหมายตรงจุดนี้ที่กล่าวก็คือว่า เรื่องของบุญนั้นสามารถแบ่งปันกันได้ เพียงแต่ว่าต้องวางกำลังใจให้ถูกต้อง คือในขณะที่เราไม่มีโอกาสทำบุญ แล้วคนอื่นเขามีโอกาส เป็นเรื่องที่น่ายินดี น่าอนุโมทนา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:10 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
สำหรับงวดนี้ญาติโยมจะเห็นว่าไม่มีกระดาษสวดมนต์แจกให้ เพราะว่าโหลดเป็นข้อมูลส่งผ่านเว็บไซต์ของทางวัดแทน ญาติโยมก็คงจะส่งผ่านไลน์กัน เห็นชอบก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์มือถือกันมาก เพราะฉะนั้น..จงดูให้พอ..! ก็ถือว่าเป็นการสวดมนต์ผ่านแอพพลิเคชันอย่างหนึ่งก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:11 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ญาติโยมทั้งหลายก็ได้เจริญพระพุทธมนต์ข้ามปีรับปีใหม่ไปแล้ว เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๒ อาตมภาพในฐานะตัวแทนคณะสงฆ์วัดท่าขนุน กราบขออาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงปู่สาย อคฺควํโส เป็นที่สุด
ขอได้โปรดเมตตาดลบันดาลให้พุทธบริษัทชายหญิงทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ที่บ้านก็ดี อยู่ยังสถานที่นี้ก็ดี เป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังทุกประการ แม้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัยแล้วไซร้ ขอความประสงค์ทั้งหลายของท่านเหล่านั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานสวดมนต์ข้ามปี วันจันทร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดยนายกระรอก)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2019 เมื่อ 12:12 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|