#1
|
||||
|
||||
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เชิญรับฟังได้ที่ https://youtu.be/pAWKBS8Kd6o หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา เผลอคิดเรื่องอื่นขึ้นมาเมื่อไร รีบดึงเข้ามาอยู่กับลมหายใจเข้าออกเสียใหม่ เวลาเช้ามืดเป็นเวลาที่สำคัญที่สุดในการสร้างความดีของเรา เพราะว่าสภาพจิตที่ได้รับการพักผ่อนมาแล้ว มีความฟุ้งซ่านน้อยกว่าเวลาอื่น จึงต้องรีบวิ่งเข้ามาหาลมหายใจเข้าออก แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 15-06-2022 เมื่อ 17:20 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
การภาวนาจะใช้แบบไหนก็ได้ คำภาวนาจะใช้อะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
อย่าเปลี่ยนวิธีการ อย่าเปลี่ยนคำภาวนา เพราะว่าสภาพจิตที่เคยชินจะวิ่งไปหาของเดิม ถ้าเราเปลี่ยนใหม่ก็จะเกิดการยื้อแย่งกันระหว่างของใหม่กับของเก่า ทำให้ของเก่าก็ไม่ได้ ของใหม่ก็ไม่ดี หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา เมื่อรู้สึกว่ากำลังใจกับลมหายใจเข้าออกเริ่มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ก็ให้กำหนดภาพพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบมากที่สุดเอาไว้บนศีรษะของเรา หายใจเข้า..ให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจขึ้นไปอยู่บนศีรษะ เหมือนกับเราหายใจทางกระหม่อมแทน โดยไม่ต้องไปสนใจว่าลมที่แท้จริงเข้าออกด้านไหน |
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
หลักสำคัญก็คือ อย่าเอาความชัดเจนของภาพพระ แค่รู้สึกว่ามีภาพพระก็ใช้ได้แล้ว
ความชัดเจนจะมีขึ้นต่อเมื่อเราขยัน หมั่นฝึกฝนจนสมาธิทรงตัว ยิ่งสมาธิทรงตัวมากเท่าไร ภาพพระก็จะชัดเจนขึ้นมากเท่านั้น คราวนี้ความชัดเจนก็ต้องมาทำความเข้าใจกันอีกว่า เป็นความชัดเจนโดยความรู้สึก ไม่ใช่ตาเห็น เป็นความรู้สึกแบบเรานึกถึงคนอื่น นึกถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่เคยไปมา จะรู้สึกว่าชัดเจนเหมือนตาเห็น แต่ไม่ใช่ตาเห็น ดังนั้นอย่าใช้สายตาไปเพ่งเพื่อให้ภาพพระชัดเจน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 05-05-2022 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
กำหนดความรู้สึกว่ามีภาพพระอยู่เหนือศีรษะของเรา ไหลตามลมหายใจลงไปในท้อง ไหลตามลมหายใจขึ้นไปบนศีรษะ
จะหายใจเข้า..องค์พระเล็กลง เล็กลง ไปอยู่ในท้อง หายใจออก..องค์พระใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ไปอยู่บนศีรษะก็ได้ หรือจะหายใจเข้า..องค์พระใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนครอบเราไว้ทั้งตัว หายใจออก..องค์พระเล็กลง เล็กลง ไปอยู่บนศีรษะก็ได้ ท่านที่นึกถึงองค์พระที่เป็นวัตถุมงคล ก็เป็นการปลุกไปในตัว หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปอยู่บนศีรษะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 05-05-2022 เมื่อ 16:39 |
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระและลมหายใจ สามารถกลมกลืนไหลเข้าออกโดยคล่องตัวแล้ว ก็กำหนดใจให้ภาพพระนิ่งอยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ทำความรู้สึกว่าภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ทำความรู้สึกว่าภาพพระสว่างขึ้น ท่านที่รู้สึกว่าองค์พระใหญ่ ๆ ข้างบนมืดนั้น ความจริงแล้วองค์พระท่านสว่าง แต่กำลังสมาธิของเรามีน้อย จึงยังรู้สึกว่ามืดอยู่ ถ้าเคยฝึกมโนมยิทธิมา ให้น้อมจิตขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ภาพพระนี้สว่างไสวตามความเป็นจริง เต็มบุญเต็มบารมีของพระองค์ท่านด้วย ถ้าไม่เคยฝึกมา ก็แค่กำหนดใจ..รู้สึกว่าภาพพระนี้สว่างขึ้นตามลมหายใจเข้า สว่างขึ้นตามลมหายใจออก หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น จะมีคำภาวนาหรือไม่มีคำภาวนาก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีลมหายใจเข้าออก แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 05-05-2022 เมื่อ 16:39 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระสว่างไสวอยู่ในห้วงนึก ก็กำหนดให้ความสว่างนั้นค่อย ๆ คลุมตัวเราลงมา
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น ท่านที่ไม่ชำนาญก็จะรู้สึกว่าภาพพระสว่างขึ้นก่อน แล้วตัวเราสว่างตามไปทีหลัง ถ้ามีความชำนาญ มีความคล่องตัวแล้ว บางคนรู้สึกว่าตัวเรากับภาพพระกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราก็สว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราก็สว่างขึ้น แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 05-05-2022 เมื่อ 16:40 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
อย่าใช้สายตาเพ่ง..ไปใช้สายตาเพ่งแบบนั้น พอเลิกกรรมฐานบางทีจะปวดหัวไปเลย เพราะว่าไม่ใช่ตาเห็น
ให้กำหนดเป็นห้วงนึก..เหมือนกับเรามองขึ้นไปบนกระหม่อมตัวเอง แล้วก็โค้งลงไปในอก ลงไปในท้อง นึกว่ามีภาพพระสว่างไสวอยู่บนศีรษะของเรา สว่างขึ้นตามลมหายใจเข้า สว่างขึ้นตามลมหายใจออก เหมือนกับสายตาเรามองที่ศูนย์กลางกายที่ท้อง แต่ความรู้สึกทั้งหมดคือภาพพระที่สว่างอยู่บนศีรษะ ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะแยกไม่ออกว่า สายตาเห็นกับใจเห็นต่างกันตรงไหน เมื่อบังคับสายตาไม่ได้ ให้เอาสายตามองกึ่งกลางกายของเราไว้ เอาความรู้สึกจับภาพพระที่สว่างไสวอยู่บนศีรษะของเรา |
#8
|
||||
|
||||
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระสว่างไสวกลมกลืนดีแล้ว ก็กำหนดใจว่า..ความสว่างนี้คือพระเมตตาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แผ่ปกไปยังสรรพสัตว์ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า
หายใจเข้า..ให้ความสว่างแผ่กว้างออกไปรอบตัวของเรา หายใจออก..ให้ความสว่างแผ่กว้างออกไปรอบตัวของเรา แผ่กว้างออกไปเหมือนกับเราโยนหินลงน้ำ น้ำเกิดการกระเพื่อมเป็นวงกว้างออกไป ๆ ความสว่างไสวเต็มไปทั้งศาลาแห่งนี้ สว่างกว้างออกไปทั้งวัด กว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น สว่างออกไปทั้งตำบล สว่างออกไปทั้งอำเภอ สว่างออกไปทั้งจังหวัด |
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ให้กำหนดใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวกว้างออกไป ๆ กว้างไปทั้งจังหวัด กว้างไปทั้งภาค กว้างไปทั้งประเทศ กว้างออกไปทั้งโลก รู้สึกว่าตัวเราใหญ่โตเต็มแผ่นดินแผ่นฟ้า โลกเป็นวัตถุเล็ก ๆ นิดเดียว อยู่ภายใต้ร่างกายของเรา สามารถกำหนดใจครอบคลุมทั่วถึงได้โดยง่าย ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตกอยู่ในความทุกข์ยากเศร้าหมอง เดือดร้อนลำเค็ญ ทุกข์กายทุกข์ใจ เจ็บไข้ได้ป่วย พิกลพิการใด ๆ ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด |
#10
|
||||
|
||||
หายใจเข้า..พระรัศมีสีขาวสว่างไสวแผ่กว้างออกไป ๆ ครอบคลุมไปทั้งโลก
กว้างออกไปทั้งสุริยจักรวาล กว้างออกไปตลอดดาราจักรทางช้างเผือก กว้างออกไปสู่อนันตจักรวาลที่มีมนุษย์และสัตว์นับไม่ถ้วน ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด กำหนดใจแผ่กว้างออกไป ๆ .. เมื่อกว้างจนสุดเอกภพ ก็คือขอบเขตของเทวดาชั้นจาตุมหาราช ให้พระรัศมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครอบคลุมไปทั้งกามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น เบื้องล่างคือหมู่สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต สัตว์นรก ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
เมื่อแผ่เมตตาเสร็จสิ้นแล้ว ให้กำหนดนึกถึงลมหายใจเข้าออก พร้อมกับภาพพระของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวออกไปไม่มีประมาณ หายใจออก..กลับมาสว่างไสวอยู่บนศีรษะของเราตามเดิม หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวกว้างไกล กว้างออกไป ๆ จนสุดกำลังสมาธิของเรา หายใจออก..ภาพพระกลับมาสว่างไสวบนศีรษะของเราตามเดิม หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวกว้างออกไป ๆ ไม่มีประมาณ หายใจออก..กลับมาสว่างไสวบนศีรษะของเราตามเดิม |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
เมื่อรู้สึกว่ากำลังสมาธิทรงตัวแล้ว ภาพพระชัดเจนสว่างไสวดีแล้ว ก็น้อมจิตน้อมใจกราบลงไปตรงนั้น ว่านั่นคือพระพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์เสด็จมาโปรดเราจนถึงที่อยู่
ให้ตั้งใจว่า..วันนี้ถ้าหากเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ก็ตาม เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวอยู่ในห้วงนึกของเรา หายใจออก..ภาพพระสว่างไสวอยู่ในห้วงนึกของเรา |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ให้รักษาลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาเอาไว้ พร้อมกับภาพพระ..
ถ้าลมหายใจเบาลง กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป ถ้าลมหายใจหายไป กำหนดรู้ว่าลมหายใจหายไป เอาความรู้สึกจดจ่ออยู่เฉพาะภาพที่สว่างไสว ไม่ต้องสนใจลมหายใจหรือคำภาวนา ประคับประคองรักษาอารมณ์นี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
(สัญญาณบอกว่าหมดเวลา)
พุทโธ พุทโธ พุทโธ.. ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ.. ค่อย ๆ คลายสมาธิและลืมตาออกมาช้า ๆ ถ้าสมาธิทรงตัวมากแล้วคลายออกมาเร็ว หัวใจจะเต้นแรงมาก ดังนั้นต้องตั้งสติค่อย ๆ คลายสมาธิออกมา แล้วเมื่อเราจะขยับเขยื้อนเคลื่อนกายอย่างไร ให้กำหนดใจนิ่งอยู่จุดใดจุดหนึ่งเสียก่อน แล้วค่อยขยับ ค่อยเคลื่อนไหว ค่อยกราบพระ หรือว่าสวดมนต์ทำวัตร ไม่เช่นนั้นแล้วพอขยับ สมาธิก็จะหลุดจะลอยหายไปหมด เราต้องซักซ้อมในเรื่องการทรงสมาธิในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของเราให้ได้ ถึงเวลาจะทำอะไรก็ตั้งสติไว้ก่อน ถ้ารู้สึกว่าภาพพระหรือสมาธิจะหลุดลอยหายไป ก็หยุดงานไว้ชั่วคราว อย่างเช่นว่า หยุดการสวดมนต์ เมื่อสมาธิทรงตัวแล้วค่อยมาว่ากันต่อไป พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 15-06-2022 เมื่อ 17:20 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|