เล่าสู่กันฟังภาค ๕

[เถรี]

เวลาหลวงพ่อเล็กจัดงานทำบุญวันแม่ ๑๒ สิงหาคม จะนิมนต์พระเถระมาเป็นเนื้อนาบุญให้แก่พวกเรา มีพระเถระอยู่รูปหนึ่งที่หลวงพ่อเล็กนิมนต์มา ก็คือ พระอาจารย์สายชล จิตฺตกาโร วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม

หลวงพ่อเล็กท่านเคยบอกว่า "หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง ท่านเก่งทางมหาลาภ อาจารย์สายชลท่านรับมาเกลี้ยงทุกวิชาเลย แต่ท่านบอกว่ากำลังค่อย ๆ เคี้ยวอยู่ ตอนนี้อมแก้มตุ่ยไปก่อน เพราะวิชาเยอะจัด..!"

[เถรี]

เคยมีคนถามเรื่องท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ว่าดูแลส่วนใดบ้าง ? หลวงพ่อเล็กท่านบอกว่า "ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ ดูแลโลกมนุษย์ในทิศทั้ง ๔ โดยเฉพาะการรักษาสถานที่และสิ่งสำคัญในทางพระพุทธศาสนา รักษาขุมทรัพย์ต่าง ๆ และคอยรับบัญชีความดีความชั่วของมนุษย์ไปส่งให้ปัญจสิกขเทพบุตร (เลขานุการของพระอินทร์) เพื่อนำไปประกาศที่เทวสภาในวันพระ"

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กท่านเคยบอกว่า "คนที่กำลังใจต่างกัน พอคบกันมักมีปัญหา บางทีรู้สึกรำคาญ ไม่อยากคบด้วยเลย"

[เถรี]

เคยได้ยินหลวงพ่อเล็กท่านกล่าวถึงหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "ผมอยู่กับหลวงพ่อมา ทั้งชีวิตฆราวาสและชีวิตความเป็นพระ ๑๘ ปีด้วยกัน ไม่เคยเห็นหลวงพ่อท่านแก้ข่าวอะไรเลย ยกเว้นเล่าสู่กันฟังในหมู่ลูกศิษย์เท่านั้น ใครอยากว่าอะไร ปล่อยเขาว่าไป เดี๋ยวเหนื่อยเขาก็เลิกเอง ถ้าไปนึกถึงที่เขาเขียนด่าอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า 'หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง ภูเขาทองจะรู้สึกอะไร ?' อาจารย์คึกฤทธิ์ว่าได้แสบมาก

การให้อภัยเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะว่าการตอบโต้ ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ตาม เป็นการสร้างกรรมต่อ ท้ายสุดกรรมนั้นก็จะย้อนมาสู่ตัวเอง ในเมื่อเขาสร้างกรรม เราไม่รับ ถึงวาระบรรจบครบรอบ คนสร้างก็รับไปเอง

แต่ถ้าหากเราไปรับแล้วตอบโต้ ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ต่อกรรมสืบเนื่องกันไป ไม่มีที่สิ้นสุด ก็แปลว่ายังยินดีที่จะเกิดต่อ"

[เถรี]

เคยสงสัยเกี่ยวกับคำนำหน้าชื่อพระที่เป็นฐานานุกรม เช่น พระครูปลัด พระครูใบฎีกา พระครูสังฆรักษ์ ฯลฯ ว่าหมายถึงอะไร ?

หลวงพ่อเล็กท่านอธิบายมาดังนี้ค่ะ

ปลัด...........=....ตัวแทนผู้ตั้งฐานานุกรม
สมุห์...........=....ดูแลด้านบัญชี
ใบฎีกา........=....ดูแลงานทั่วไป
สังฆรักษ์......=....ดูแลรักษาของสงฆ์

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กเคยบอกว่า มายา หรือ มารยา เกิดจากจิตที่ประกอบด้วย "โลภะเจตนา" ค่ะ

[เถรี]

เคยมีโยมคนหนึ่ง ถือพานธูปเทียนแพมากราบขอขมาหลวงพ่อเล็ก เขาสารภาพว่าได้ปรามาสท่านไป
ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดคือ "...ผมทำไปเพราะผมรู้น้อยครับ"

หลวงพ่อเล็กกล่าวกับโยมอย่างเมตตาว่า "ไม่มีหรอก..รู้น้อย มีแต่รู้มากขึ้น..."

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กเคยบอกในเรื่องโหงวเฮ้งว่า คนที่มุมปากมีลักษณะเชิดงอนขึ้น แสดงว่าเป็นคนรั้น ถ้าตัดสินใจทำอะไร คนอื่นยากที่จะเปลี่ยนใจได้

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กเคยกล่าวว่า บางครั้งการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน เวลาผลความดีกลับมา กลับมากกว่าที่ตัวเองต้องการเสียอีก

[เถรี]

มีโยมหลายท่าน เวลามาขอคำปรึกษากับหลวงพ่อเล็ก มักจะขอให้ท่านตัดสินใจให้ ว่าควรเลือกทำแบบไหนดีกว่า ? หลวงพ่อเล็กท่านกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ท่านเป็นคนไม่ตัดสินใจแทนใคร เพราะว่าถ้าตัดสินใจแทนเขา เขาก็จะตัดสินใจเองไม่ได้เสียที แล้วก็จะมาถามใหม่อยู่เรื่อย ๆ

[เถรี]

เวลามีคนมาด่า หาเรื่องไม่หยุด หลวงพ่อเล็กท่านยกคำกล่าวของคนโบราณมาเปรียบเปรยให้ฟังว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ถ้าน้ำร้อน ปลาไม่อยู่หรอก กระโดดหนีไปเลย ฉะนั้น..ถ้าเขาว่าอะไรเรามา เราก็ทำเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ ล่อให้ปลาอยู่นาน ๆ จนเปื่อยตายไปเอง..!

[เถรี]

หลังจากทำกรรมฐานที่บ้านอนุสาวรีย์ช่วงเย็นจบลง ญาติโยมเริ่มทยอยกลับ หลวงพ่อเล็กท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่า

"สมัยก่อนเวลาฟังหลวงพ่อท่านสอนกรรมฐาน ก็สงสัยว่าท่านเอาอะไรมาพูดไปได้เรื่อย ปรากฏว่าพอมาถึงสมัยนี้ก็สงสัยว่าตัวเองเอาอะไรมาพูด ไปเรื่อยได้เหมือนกัน สองวันมาแล้ว เราตั้งใจจะพูดอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดเสียที พอถึงเวลาก็มีเรื่องอื่นให้พูดไปเอง แสดงว่าเรื่องที่เหมาะกับกำลังใจคนยังมีอยู่"

โยมท่านหนึ่งจึงถามท่านว่าเนื้อหาที่ท่านพูดมาจากไหน หลวงพ่อเล็กท่านบอกว่า "ไหลไปเรื่อย ๆ ไปเฉพาะหน้า บางอย่างเป็นเนื้อหาที่เคยผ่านตา บางอย่างก็เป็นเนื้อหาที่ไม่เคยผ่านตา บางอย่างอาตมาเองก็ยังไม่เคยผ่านมาเลย ถ้าเป็นนักวิชาการคงจะบอกว่าเป็นอัตโนมติ เป็นความเห็นเฉพาะตน เพราะฉะนั้น..อย่าเพิ่งเชื่อถือ..!"

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กเคยบอกว่า ผู้หญิงเอวเล็ก สะโพกใหญ่ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอวใหญ่ สะโพกเล็ก โบราณเขาบอกว่ามักจะตายทั้งกลม ถ้าคนเขาดูเป็น เขาไม่ขอมาเป็นสะใภ้ สะโพกเล็ก คือ เชิงกรานไม่ขยาย มีสิทธิ์ที่จะคลอดลูกตาย

ต้องไปดูวิถีคนกล้าของมาลา คำจันทร์ เขาชมผู้หญิงว่า "ท้องสูใหญ่ นมสูหลวง สูเป็นแม่ที่ดีได้" ท้องโต หน้าอกโต แสดงว่าช่วงเอวต้องใหญ่ ชาวเขาคัดเลือกแม่ให้ลูกด้วยการดูแบบนี้

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กท่านเคยกล่าวว่า เวลาเรียนท่านพยายามลดบทบาทตัวเองลง เพื่อให้เพื่อนได้เก่งบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคอยแต่จะยันท่านให้ออกหน้า อย่างภาษาอังกฤษ จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่ต้องกลัว ในเมื่อไม่ใช่ภาษาของเรา เราพูดผิดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่อย่างว่า..สักกายทิฐิยังเยอะอยู่ เราก็เลยยังรักตัวกลัวจะอายเขา

[เถรี]

เมื่อครั้งไปงานหล่อพระที่วัดวีระโชติธรรมาราม ประมาณปี ๒๕๕๓ หลวงพ่อเล็กท่านเล่าให้พวกเราฟังว่า

"พออาตมาถามพระที่วัดท่าขนุนว่า มีใครจะไปงานหลวงพ่อมณฑลบ้าง เขายกมือไปกันทั้งวัด อาตมาแทบอยากจะร้องไห้ แทนที่เขาจะนึกว่า เราจะหาเวลาเพื่อปฏิบัติภาวนา กลับอยากไปงาน เพื่อไปเจอไปคุยกับคนอื่น

คนที่อยู่นิ่งไม่ได้ จะต้องคอยไปคุยกับคนอื่นตลอดเวลา จิตใจจะฟุ้งซ่าน ไม่สงบ อาตมาปฏิบัติมาตั้งแต่ตอนอายุ ๑๖ ไม่คุยกับใครเขาเลย พยายามรักษาอารมณ์ตัวเองตลอด จนกระทั่งอายุ ๒๕ จึงได้เริ่มคุย ขนาดปฏิบัติมา ๑๐ ปี ยังไม่คิดว่าตัวเองจะไหวเลย"

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กท่านสอนว่า เวลาเรียน..อย่าหนีของยาก ถ้าเราทำของยากที่สุดได้ ของอื่นก็ไม่มีอะไรยากแล้ว

[เถรี]

เคยได้ยินหลวงพ่อเล็กท่านพูดว่า "เรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเราจะพูดให้ดีก็พูดได้ แล้วจะไปพูดที่ไม่ดีทำไม ?"

[เถรี]

ถ้ามีการสร้างพระพุทธรูป ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก อย่าเขียนชื่อตัวเองลงบนองค์พระ โดยเฉพาะที่เม็ดพระศก (เส้นผมที่มีลักษณะเป็นก้นหอย) หลวงพ่อเล็กบอกว่าพวกนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง (เหมือนมีชื่อตัวเองอยู่บนหัวของพระพุทธเจ้า)

ถ่ายทอดโดยหลวงพี่ยี้ วัดท่าขนุนค่ะ

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กกล่าวกับเด็กนักเรียนที่มารับการฝึกอบรมที่วัดว่า วัตถุมงคลเป็นเครื่องส่งที่ดี ส่วนกาย วาจา ใจ ที่ดีนั้น เป็นเครื่องรับที่ดี

ถ่ายทอดโดยหลวงพี่ยี้ วัดท่าขนุนค่ะ

[เถรี]

หลวงพ่อเล็กเคยกล่าวสอนว่า "ถ้าอารมณ์ใจยังไม่มั่นคง อย่าเพิ่งไปชนกับใคร"