|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
มารเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา
ถาม : อยากถามเรื่องเกี่ยวกับมาร มีตัวตนจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : มีจริง ๆ เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักเขาไหม ? เราจะเห็นเขาได้ไหม ? คนรอบข้างของเรา เขาสามารถอาศัยเป็นเครื่องมือได้หมด ตอนแรก ๆ อาตมายังเข้าใจว่า มารนี่เป็นกำลังใจที่ไม่ดีของเรา แต่ไม่ใช่ เขามีตัวตนจริง ๆ คอยชักนำให้เราคิดผิด ทำผิด พูดผิด อยู่เสมอ ขณะเดียวกัน คนรอบข้างเรานี่ เขาสามารถที่จะดลใจให้คน ๆ นั้น ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไรก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิดโทสะ ให้เราเกิดราคะ ให้เราเกิดโลภะได้อยู่ตลอดเวลา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้ว เขาก็ทำหน้าที่ของเขา เขามีหน้าที่ขวาง เขาก็ขวางของเขาไป เราก็ทำหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่หนี เราก็หนีของเราไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร ฟังให้ดี ๆ นะ ตรงจุดนี้ เมื่อถึงวาระ เมื่อถึงเวลา โอกาสเปิดให้เขาขวางเรา ก็เป็นเรื่องของเขา จริง ๆ แล้วเขาเป็นครูที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราสามารถก้าวข้ามการที่เขาทดสอบเราได้ ตรงจุดนั้นเราก็จะไม่แพ้เขาอีก หากว่าเราก้าวข้ามไม่ได้ เราไปติด ไปสะดุดหรือไปหยุดอยู่ เขาถึงได้เรียกว่า มาร คือเป็นผู้ขวาง หรือผู้ฆ่าเราจากความดี เพียงแต่ว่าเขาเป็นครูที่ขยันไปหน่อย ข้อสอบมาได้ทุกวินาทีเลย เผลอเมื่อไรเป็นโดน ถาม : แล้วอยากถามว่า มารนี่อยู่ภพภูมิไหน ? ตอบ : มารนี่อยู่ภพภูมิที่สูงกว่าเทวดาอีก พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสเอาไว้ว่า เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมมุนา วา เพราะฉะนั้น เทวดาก็ดี มารก็ดี พรหมก็ดี ท่านจะเอ่ยชื่อมารในลักษณะสูงกว่าเทวดาอยู่ตลอด เพราะว่ามารจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๖ เรียกว่า ปรนิมมิตวสวัสตี จะแบ่งเป็นสองเขต เขตหนึ่งเป็นเขตของเทวดา อีกเขตหนึ่งเป็นเขตของมารเขา ถาม : มีหน้าที่คอยขวาง ? ตอบ : นั่นเป็นงานเขา เหมือนอย่างกับงานของนักการเมือง แต่ไม่ใช่งานที่สร้างความเจริญ เป็นงานที่สร้างความล่มจม ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างว่า อันไหนคือมาร ? ตอบ : สร้างสติ สมาธิ ให้มาก ๆ ถ้าสติ สมาธิ ทรงตัว ปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีล ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากกรอบของศีล ตราบนั้นเขาจะชักจูงเราได้ยาก ศีล ๕ ก็พอ ถ้าหากว่าเรามีศีล ๕ อยู่ ถึงเวลาเขาทำให้เราบันดาลโทสะ เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีล เราก็ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฆ่าใคร ถ้าหากว่าเขาทำให้เราเกิดความโลภ เราอยากได้ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็หามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมโดยไม่ผิดศีล ถึงเวลาเขาตั้งใจให้เราไปแย่งคนรักคนอื่นเขา เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ทำ ถ้าเรามีศีลเป็นเกราะ มารจะชักนำเราได้น้อยมาก อย่างดีเขาก็ให้เราคิดได้ บังคับให้เราพูดได้ แต่บังคับให้เราทำไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่าคำพูดที่เป็นตัวมุสาวาท คือ โกหก เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีลอยู่ เราจะไม่พูดโกหก เขาก็จะบังคับเราไม่ได้ด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง พอไปถึงจุดหนึ่ง เราจะเห็นคุณค่าของเขาเองว่า เขามีคุณูปการอย่างมหาศาลเลย คุณูปการนั้นก็คือว่า ถ้าไม่มีการทดสอบจากเขา กำลังใจของเราก็จะไม่มั่นคงเร็ว จะไม่แข็งแกร่งเร็ว ดังนั้น..อาตมาถึงได้บอกว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุดของเรา เพียงแต่ว่าเราจะสามารถทำข้อสอบของครูคนนี้ไหวไหม ? พอก้าวข้ามตรงจุดนี้ไป ก็เหมือนกับว่าโลกนี้ตีลังกากลับ ก็คือว่าสิ่งที่เราไม่เคยเห็นความดี ก็จะเห็นความดีของเขา ทุกอย่างรอบข้างเป็นครูของเราได้หมด คนทำให้เราโกรธก็เป็นครูที่ดีของเรา เพราะทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วอารมณ์ใจของเรายังห่วยแตก ยังใช้ไม่ได้ คนที่ทำให้เราเกิดความโลภ ก็ทำให้เรารู้ว่า กำลังใจของเรายังใช้ไม่ได้ ยังต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เดือนตุลาคม ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2016 เมื่อ 17:09 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
Tags |
มาร |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|