#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพสะสม "เสบียงบุญ" อย่างเป็นหลักเป็นฐานได้ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เนื่องเพราะว่านอกจากต้องนั่งรถระยะยาว ๆ ทำให้ภาวนาได้ตลอดทางแล้ว การเข้าพักที่โรงแรมเดอะ ชิลล์ โฮเทล ถนนถีนานนท์ ตำบลเกิ้ง อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม ยังรู้สึกว่าสะดวกสบายไปทุกอย่าง ทำให้นอนได้เต็มอิ่ม พักประมาณ ๔ ชั่วโมงก็รู้สึกพอเพียงแล้ว จึงลุกขึ้นมาเจริญกรรมฐานยาวไปเลย
ต้องบอกว่าโรงแรมแห่งนี้นั้นคุ้มค่าอย่างเหลือเชื่อ เนื่องเพราะว่าห้องพักนั้นเป็นลักษณะทาวน์เฮาส์ ๒ ชั้น ด้านล่างมีทั้งส่วนรับแขกและห้องครัว พร้อมกับห้องน้ำ ส่วนด้านบนเป็น ๒ ห้องนอน ๑ ห้องน้ำ เรียกง่าย ๆ ว่าสามารถมาพักกันได้ทั้งครอบครัว ราคาคืนละ ๘๕๐ บาทเท่านั้นเอง..! ได้ยินราคาแล้วกระผม/อาตมภาพออกอาการ "น้ำตาจิไหล..!" เนื่องเพราะว่าที่สังขละบุรี ซึ่งคนมักจะไปกราบสักการะสังขารหลวงพ่ออุตตะมะ และเที่ยวชมสะพานมอญนั้น ในวันธรรมดาห้องพักทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเตียงคู่ ก็คือเตียงใหญ่นอน ๒ คน คืนละ ๑,๕๐๐ บาท ถ้าเป็นวันหยุดราชการหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็คืนละ ๒,๐๐๐ บาท หรือว่า ๒,๕๐๐ บาท..! ทำให้รู้สึกว่าทางด้านจังหวัดมหาสารคามนี้ ทำไมที่พักถึงได้ถูกขนาดนี้ก็ไม่ทราบ ? หลังจากที่ฉันภัตตาหารเช้า ซึ่งน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ออกไปซื้อหามาแล้ว พวกเราก็เก็บข้าวของ คืนห้อง จากนั้นเดินทางไปยังพระบรมธาตุนาดูน พุทธมณฑลอีสาน เพื่อกราบสักการะพระบรมธาตุสำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน หรือพระบรมธาตุที่สำคัญที่สุดของจังหวัดมหาสารคาม พอไปถึงก็สามารถ "ตก" หมามาเฝ้ารถได้ ๑ ตัว เป็นหมาพันธุ์บีเกิ้ล น่าจะเป็นลูกผสม ๓/๔ ก็คือไม่ใช่ "ลูกครึ่ง" หรือว่า "ลูกเสี้ยว" เพราะว่ายังมีลักษณะของหมาบีเกิ้ลอยู่ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่กินขนมไปแล้วก็รับอาสาเฝ้ารถให้ พวกกระผม/อาตมภาพจึงเข้าไปซื้อหาดอกไม้ธูปเทียน กราบสักการะพระบรมธาตุนาดูน และถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ รอบด้าน เมื่อเดินกลับมาที่รถ ปรากฏว่าโลกกลมขนานแท้ เพราะว่าเจอท่านอาจารย์วิชัย (พระครูโกวิทชัยกิจ) เจ้าอาวาสวัดหัวเด่น เจ้าคณะตำบลบางขุด จังหวัดชัยนาท ซึ่งท่านเดินทางมาสักการะพระบรมธาตุนาดูนเช่นกัน และได้รับนิมนต์มาเพื่อไปปลุกเสกวัตถุมงคลในงานเดียวกัน ทักทายและถ่ายรูปหมู่กันแล้ว ก็นัดแนะกันว่าจะเข้าไปยังวัดป่าวังน้ำเย็นหลังเที่ยง เผื่อว่าทางเจ้าภาพเห็นใจคนทางไกล ก็จะได้เข้าไปทำการปลุกเสกก่อนเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2023 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็เอ้อระเหยลอยชาย เดินทางกลับจากอำเภอนาดูนไปยังอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม หาสถานที่ฉันภัตตาหารเพลไปด้วย มาได้ร้านอาหารเล็ก ๆ บริเวณปากทางเข้าวัดป่าวังน้ำเย็น ซึ่งทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นได้อร่อยมาก..!
เมื่อฉันแสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปยังวัดของเขา แม้ว่าจะยังไม่ใช่วันกฐิน แต่รถราแน่นขนัดไปหมด เมื่อส่งกระผม/อาตมภาพลงบริเวณที่พักของพระเถระแล้ว แดง (คุณมงคล ม่วงน้อยเจริญ) ก็ต้องเอารถไปจอดที่พระมหาเจดีย์ศรีสารคาม ซึ่งสร้างเลียนแบบพระมหาเจดีย์ชเวดากองของวัดพระพุทธบาทห้วยต้มไปเกือบจะทุกกระเบียดนิ้ว..! เมื่อเข้าไปที่พักสักครู่หนึ่ง หลวงพ่อเกาะ (พระครูวิสิฐชัยคุณ) วัดท่าสมอก็มาถึง ตามมาด้วยท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) แล้วบรรดาพระเถรานุเถระก็ค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามา กราบทักทายกันตามระเบียบ โดยเฉพาะบรรดาพระเกจิอาจารย์รุ่นใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอาจารย์ปืน (พระครูปลัดสราวุธ ปญฺญาวุโธ) วัดลาดชะโด หรือว่าพระอาจารย์เลี้ยง (พระครูปลัดจิระพงษ์ ธีรวโร) วัดจอมเกษ ซึ่งอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเช่นกัน แถมมีรูปร่างลักษณะอย่างกับพี่น้องกันก็ไม่ปาน เพียงแต่ว่าคนหนึ่งฉันหมาก ส่วนอีกคนหนึ่งมีลายสัก จึงทำให้สามารถที่จะแยกแยะออกได้ ไม่นานนัก หลวงพ่อแม้น (พระครูสมบูรณ์จริยธรรม) วัดหน้าต่างนอกก็ให้ลูกศิษย์เข็นเข้ามา กระผม/อาตมภาพกราบรายงานตัวแล้ว สักครู่ท่านเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) เศรษฐีเรือทอง เจ้าอาวาสวัดพุน้อย เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ก็เข้ามาด้วย หลังจากที่ได้ทักทายพูดคุยกันแล้วก็ต้องรอเวลา ซึ่งปรากฏว่าท่านเจ้าคุณสุริยัน (พระวชิรญาณวิศิษฏ์ วิ.) ประธานสงฆ์วัดป่าวังน้ำเย็น ได้เมตตาเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น จากเวลา ๑๔.๐๐ น. ขึ้นมาเป็นเวลา ๑๓.๓๙ น. โดยที่ได้นิมนต์หลวงปู่บุญมา ปุญฺญาภิรโต (พระเทพภาวนาวิกรม วิ.) วัดชัยภูมิพิทักษ์ ให้เป็นผู้จุดเทียนชัย ส่วนท่านเจ้าคุณสุริยันเอง จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กระผม/อาตมภาพเข้าที่ได้ก็ภาวนา จัดกระแสไปตามแต่จะเห็นว่าของใครเป็นของใคร โดยเฉพาะงานนี้เอามหาลาภทั้งหมดไว้นอกสุด เนื่องเพราะว่าท่านเจ้าคุณสุริยันจะสร้างพระพุทธรูปนั่งเมือง ความสูง ๑๖๘ เมตร เพื่อไว้เป็นที่สักการบูชาของประชาชนชาวพุทธทั่วโลก ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้นั้น ราคาประเมินในการก่อสร้างรวมพญานาคแล้วก็อยู่ที่ ๖๕๐ ล้านบาทโดยประมาณ ถ้าไม่เอามหาลาภไว้ด้านนอก ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีกว่าที่จะหาเงินมาสร้างเสร็จ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2023 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ท่านใดถ้าหากว่าต้องการพระด้านลาภผลโดยตรงอีกรุ่นหนึ่ง ก็ให้มาหาพระกริ่งนั่งเมือง รุ่นมหาเศรษฐีสมปรารถนา ของวัดป่าวังน้ำเย็นนี้ไปใช้งาน ถ้าไม่รู้ว่าจะภาวนาอย่างไร ก็ภาวนาควบกับพระคาถาเงินล้านไปเลย
กระผม/อาตมภาพเองนั่งอยู่จนกระทั่ง "พระ" ท่านบอกว่าทำน้ำมนต์ได้ ก็จัดแจงทำน้ำมนต์ พอดีกับพระมหานาคสวดพุทธาภิเษกจบลงพอดี จึงเป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่ลุกไปพรมน้ำมนต์ได้ตรงเวลาทุกประการ ทำให้กลายเป็นเป้าหมายของกล้องทีวีทุกกล้อง ที่หันมาจับอยู่คนเดียว ระหว่างที่พรมน้ำมนต์ก็มองเห็นบรรดาครูบาอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์มาร่วมงาน อย่างเช่นท่านอาจารย์ติ๋ว (พระครูวิมลญาณอุดม) วัดมณีชลขัณฑ์ ท่านอาจารย์อ๊อด (พระครูโสภณภัทรเวทย์) วัดสายไหม ท่านอาจารย์แป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ เป็นต้น รุ่นใหญ่อย่างหลวงพ่ออวยพร (พระครูปฐมวราจารย์) วัดดอนยายหอมก็มาด้วย หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อขวัญชัย (พระครูวิจิตรธรรมรัตน์) วัดนามะตูมก็มาเช่นกัน บรรดาพระเถรานุเถระสายภาคอีสานก็มาด้วยกันหลายต่อหลายรูป รวมแล้วถ้าจำไม่ผิดก็คือ ๗๑ รูปด้วยกัน ถือว่าเป็นงานพุทธาภิเษกที่ใช้พระเกจิอาจารย์ได้เปลืองมาก ๆ ทีเดียว..! หลังจากพรมน้ำมนต์ รับไทยธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพออกจากศาลามาก็ต้องรับการทำบุญจากญาติโยม FC วัดท่าขนุน ที่มาดักรออยู่หลายราย กว่าที่จะหารองเท้าของตนเองพบว่าไปซุกอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นก็หลบออกประตูข้างของวัดป่าวังน้ำเย็นมา ขณะที่ท่านอื่นไม่ทราบเหมือนกันว่าทำน้ำมนต์เสร็จแล้วหรือยัง ? โดยเฉพาะหลวงพ่อหนุน (พระครูวิชัยสารคุณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร เพิ่งจะเดินทางมาถึง แล้วยังถามกระผม/อาตมภาพอีกว่า "จะกลับแล้วหรือ ?" โดยที่ไม่ได้นึกเลยว่าตัวเองมาช้าอะไรได้ขนาดนั้น..! ในงานพุทธาภิเษกลักษณะแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่ติดขัดอยู่ที่การจัดกระแสต่าง ๆ แล้ว ต้องถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างจะสบาย เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาสงเคราะห์ด้วยพระองค์เอง เมื่อพระองค์ท่านประทับนั่งลงในพิธีเต็มองค์แล้ว ก็บอกว่าเสร็จเรียบร้อย ให้กระผม/อาตมภาพทำน้ำมนต์ได้ ก็ไม่คิดว่าจะตรงกับที่บรรดาพระมหานาคสวดพุทธาภิเษกเสร็จพอดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2023 เมื่อ 02:33 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
การสวดพุทธาภิเษกของพระมหานาคทางด้านภาคอีสานนี้ ค่อนข้างที่จะลากเสียง เพราะว่าคงจะเคยชิน เนื่องเพราะว่าบรรดาคนอีสานทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็จะมักจะ "ม่วน" กับบรรดากลอนลำต่าง ๆ มาตั้งแต่เกิด แม้กระทั่งการสวดมนต์ก็ยังใส่ทำนองเข้าไป จนกระทั่งคนที่ไม่มีพื้นฐานฟังไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำไป ว่าท่านทั้งหลายสวดอะไรบ้าง..!? ต้องบอกว่าแล้วแต่ภาคใครก็ภาคนั้น ความนิยมต่างกัน ก็ได้แต่ "แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง" เพื่อทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ..!
หลังจากที่ลาออกมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางเพื่อที่จะกลับสู่ที่พักคืนนี้เลย ถ้าหากว่าไปถึงตามเวลา ก็น่าจะก่อนเที่ยงคืน เชื่อว่าคงจะมีเวลาพักอีกไม่น้อย ระหว่างทางน่าจะสะสม "เสบียงบุญ" ได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วหลังจากนั้น รุ่งขึ้นก็ต้องไปงานต่ออีก ต้องบอกว่าระยะนี้งานต่อเนื่องกันจนแทบจะไม่มีเวลากลับวัดเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าญาติโยมที่ไปหาทางวัด อย่างเช่นท่านพลตรีศรชัย มนตริวัต จะบ่นไปกี่กระบุงโกย เพราะอุตส่าห์ขึ้นไปถึงทองผาภูมิแล้ว ปรากฏว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนหนีมาอยู่ที่ภาคอีสานเสียนี่..! ก็ต้องบอกว่าท่านทั้งหลายควรที่จะประสานงานไปล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าเดินทางขึ้นไปเอง โดยหวังว่าจะได้พบ โอกาสที่ผิดหวังมีเกินกว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสียอีก..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2023 เมื่อ 02:35 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|