กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-07-2014, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,491 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ขอให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามใจเราถนัด ถ้าเผลอสติไปคิดเรื่องอื่นเมื่อไร เมื่อรู้ตัวก็ให้ดึงสติของเรากลับมาที่ลมหายใจเข้าออกเสียใหม่

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อครู่นี้มีผู้ถามว่า การจะพิจารณาโครงกระดูกเป็นวิปัสสนาญาณทำอย่างไร ซึ่งความจริงถ้าจะพิจารณาตามแบบที่อาตมาทำอยู่ ก็จะมีการสืบเนื่องมาก่อนหน้านั้นยาวนาน คือตั้งแต่ดูร่างกายของเราเป็นธาตุ ๔ ประกอบไปด้วยเครื่องจักรกล ถึงเวลาก็ตายก็พัง ก็อืดก็พอง มีแต่ความเน่าเหม็นเป็นปกติ จนกระทั่งเนื้อหนังมังสาทั้งหลายสลายไปหมดสิ้น เหลือแต่โครงกระดูกที่ยังมีเส้นเอ็นยึดโยงอยู่

เมื่อถึงเวลาผ่านการชะของฝน ผ่านการแผดเผาของแดด ผ่านการพัดโกรกของลม เส้นเอ็นก็เปื่อยสลายไปหมด กระดูกก็หลุดเรี่ยราดกระจายไป กะโหลกศีรษะกลิ้งไปทางหนึ่ง กระดูกกรามกลิ้งไปทางหนึ่ง กระดูกฟันกระจัดกระจายไปด้านหนึ่ง กระดูกต้นคอหลุดกระจายไป กระดูกไหปลาร้า กระดูกหัวไหล่ กระดูกต้นแขน กระดูกข้อศอก กระดูกปลายแขน กระดูกข้อมือ กระดูกฝ่ามือ กระดูกนิ้วมือเป็นข้อ ๆ แล้วก็เล็บมือ กระดูกสันหลังที่มีซี่โครงยึดโยงกับกระดูกหน้าอก แล้วก็มีกระดูกที่เป็นหมอนรองซ้อนอยู่เป็นชั้น ๆ หลุดสลายเกลือกกลิ้งเป็นวง ๆ ไป

กระดูกบั้นเอวที่เป็นข้อ ๆ ให้เรางอพับตัวเองได้ กระดูกก้นกบที่ติดกันค่อนข้างจะแน่นหนา มีปลายแหลม ๆ อยู่ กระดูกเชิงกรานที่เป็นเบ้ากลวง ๆ สองข้างสำหรับเป็นที่ให้เราให้นั่ง กระดูกต้นขา กระดูกหัวเข่า กระดูกหน้าแข้ง กระดูกข้อเท้า กระดูกส้นเท้า กระดูกฝ่าเท้า กระดูกนิ้วเท้า แล้วก็เล็บเท้า หลุดกระจัดกระจายไป โดนแดดเผา โดนฝนชะ โดนลมโกรกก็ค่อย ๆ เก่าลง ๆ เปื่อย ผุพังจมดิน ไม่มีอะไรเหลืออยู่แม้แต่น้อยหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2014 เมื่อ 15:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-08-2014, 14:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,491 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสภาพร่างกายของเรา ซึ่งไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร มีกระดูกเป็นโครง มีเนื้อพอกอยู่ มีอวัยวะเป็นเครื่องจักรกล ให้เราอาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ระหว่างที่ทรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป ไม่สามารถที่จะยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่หาแก่นสารไม่ได้เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้เราไม่ต้องการอีก เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน

ถ้าพิจารณามาถึงตรงจุดนี้ เราก็น้อมจิตน้อมใจของเรา นึกถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุดก็ได้ ตั้งใจว่าพระองค์ท่านอยู่บนพระนิพพาน ถ้าเราหมดอายุขัยตายไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปก็ดี เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้นก็มาดูลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดคำภาวนา ถ้าคำภาวนาเบาลงหรือว่าหายไป ลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป เราก็กำหนดดูกำหนดรู้เอาไว้เท่านั้น ประคับประคองรักษาอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้ระยะเวลาที่เราพอใจ

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2014 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว