#1
|
||||
|
||||
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ การปฏิบัติธรรมของเราวันนี้ ก็ยังคงอยู่ในบรรยากาศของการระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นความไม่ประมาท เป็นการยกเอาหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้อย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าเป็นความไม่ประมาทที่เกิดจากการกลัวตาย ต้องถือว่าทำให้หลักธรรมนั้นด้อยค่าลงไป ถ้าหากว่าความไม่ประมาทของเรา เกิดจากการมีปัญญา รู้เห็นว่าปกติสภาพร่างกายเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเรามาอาศัยร่างกายนี้อยู่ เพื่อกระทำคุณงามความดี โดยเฉพาะการชำระจิตของตนให้ผ่องใสปราศจากกิเลส จะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เราก็จำเป็นต้องดูแลรักษาร่างกายนี้ให้ดีที่สุด แต่มีสติอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ร่างกายนี้เป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกันขึ้นมาเป็นเรือนร่าง ให้เราได้อาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่ได้สร้างมา ถ้าหากว่าไม่สามารถจะหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกนับชาติไม่ถ้วน ก็ต้องมาประสบพบกับเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้อีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:26 |
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ในเมื่อเราเห็นมาถึงตรงนี้ ก็จะมีจิตที่เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่ปรารถนาในความมีร่างกายนี้ ในเมื่อเราไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของตน ก็ย่อมไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของคนอื่น ไม่ปรารถนาในความมีร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ปรารถนาการเกิดมาทุกข์ยากในโลกนี้ เราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างกฎเกณฑ์กติกาที่จะนำพาให้เราหลุดพ้นไป
ประการแรกคือ ต้องชำระศีลของตนเองทุกข้อให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และมีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราปรารถนาพระนิพพานที่เดียว ถ้าท่านสามารถรักษาอารมณ์นี้ให้มั่นคงได้ ก็แปลว่าโอกาสที่ท่านจะก้าวพ้นจากกองทุกข์ก็จะมีขึ้น แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายยังเห็นว่าอารมณ์เช่นนี้ยังไม่มั่นคงพอ เราก็ไปถือกฎเกณฑ์กติกาที่เพิ่มจากศีล ๕ คือ กรรมบถ ๑๐ ซึ่งจะมีในส่วนของวาจาเพิ่มขึ้นมา ส่วนของใจคิดเพิ่มขึ้นมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:27 |
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในส่วนของวาจานั้น นอกจากจะไม่โกหกแล้ว ยังไม่ส่อเสียดให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาที่ไร้ประโยชน์ ในส่วนของความคิดนั้นก็คือ มีความเป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นถูกในสิ่งที่ถูก เห็นผิดในสิ่งที่ผิด ไม่โกรธเกลียด อาฆาตพยาบาทผู้อื่น โกรธได้ก็ไม่ผูกโกรธ ไม่โลภอยากได้ของคนอื่นจนเกินพอดี อยากได้อะไรก็หามาให้ถูกต้องตามศีลตามธรรม
ถ้าสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็แปลว่าท่านควบคุม ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของตนเอง ถ้าสามารถควบคุมได้โดยไม่หนักใจ โอกาสที่เราจะก้าวล่วงจากกองทุกข์ก็จะมีมากยิ่งขึ้น แล้วในแต่ละวันก็ให้ตนเองสำรวจตรวจตราดู ว่าวันนี้เราได้ละเมิดกรรมบถ ๑๐ ข้อหนึ่งข้อใดบ้างหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเศร้าหมองหรือว่าขาดลงก็ให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีกรรมบถ ๑๐ สมบูรณ์บริบูรณ์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษากันต่อไป โดยที่จิตสุดท้ายของเราเกาะพระนิพพาน หรือเกาะภาพพระพุทธเจ้าเอาไว้เสมอ ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2020 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|