#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องออกเดินทางตั้งแต่ตี ๓ เพื่อขึ้นไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ตามการนิมนต์ของปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับการถวายที่ดินจากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาเอาไว้ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วท่านจะทำการบวงสรวงขออนุญาตในการจัดตั้งสำนักสงฆ์ และพัฒนาขึ้นเป็นวัดในภายหลัง
ความจริงกระผม/อาตมภาพเองนั้น มีญาติโยมแสดงความประสงค์หลายต่อหลายรายด้วยกันที่จะถวายที่ดิน แต่กระผม/อาตมภาพได้ปฏิเสธไป ไม่รับเอาไว้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ญาติโยมที่ถวายนั้นศรัทธากระผม/อาตมภาพเป็นการส่วนตัว เมื่อถวายที่ดินมาแล้ว ก็ต้องการให้ตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้าง เป็นสำนักสงฆ์บ้าง เป็นวัดบ้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ อยากให้กระผม/อาตมภาพไปอยู่จำพรรษา ณ ที่นั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้ปฏิเสธไป ให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาเหล่านั้นหาบุคคลที่เหมาะสม แล้วก็ถวายที่ดินเพื่อให้ท่านเหล่านั้นไปดำเนินการกันเอง เท่าที่ผ่านมาก็มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินให้แก่พระสมุห์นวย (พระสมุห์ฐิติ ฐิติโก) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ปัจจุบันก็คือประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์สุธรรมาราม ตำบลกุดน้อย อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แล้วก็มาที่ดินผืนนี้ ซึ่งอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนอื่น ๆ นั้น ก็ต้องแล้วแต่ว่าท่านจะไปเกลี้ยกล่อมพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนรูปใด ที่ยอมรับภารธุระให้แก่ท่าน แล้วก็ถวายที่ไปดำเนินการกันเอง กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เป็นกำลังใจ คอยเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ ดูการเจริญเติบโตของบรรดาลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วง เนื่องเพราะว่าหลายต่อหลายท่านกำลังใจก็ยังไม่มั่นคงทรงตัว ถ้าหากว่าอยู่ไปแล้วรับแรงกระทบมาก ๆ ก็จะมีปัญหาขึ้นมาได้ ปัญหาแรกก็คือความเครียดในตนเอง เพราะว่าการรับหน้าที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะคันถธุระในด้านสาธารณูปการ สร้าง ซ่อมวัดต่าง ๆ นั้น เป็นภาระที่หนักมาก โดยเฉพาะภาระในการหาปัจจัยสนับสนุน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2023 เมื่อ 11:17 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ประการที่สองก็คือ เมื่อกำลังใจไม่มั่นคง เมื่อถึงเวลา ถ้าหากว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามาถึง ก็อาจจะทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นแปรปรวนไป ไม่มั่นคงอยู่ในธรรมวินัย แทนที่จะกระทำเพื่อพระพุทธศาสนา ก็จะกระทำเพื่อชื่อเสียงลาภยศเฉพาะตน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเสียหายมาถึงครูบาอาจารย์อย่างกระผม/อาตมภาพด้วย แต่ในเมื่อท่านเหล่านั้นมั่นใจ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ห้าม ถ้าหากว่าพ้น ๕ พรรษาไปแล้ว ก็จะอนุญาตให้ไปตามแต่ท่านจะต้องการ พูดง่าย ๆ ว่า "โตแล้ว ต้องรู้จักเอาตัวรอดกันเอง"
ในระหว่างเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่นั้น ก็ยังคงมีงานที่จะต้องสั่งการและเข้าร่วมต่าง ๆ โดยเฉพาะการประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting Online ในการชี้แจงวิธีการขับเคลื่อนงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านบทบาทเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งกระผม/อาตมภาพมองแล้วแทบจะไม่เห็นอนาคตเลย..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบันทึกข้อตกลง หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า MOU ฉบับนี้ เกิดจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) ประธานฝ่ายการสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้เซ็นร่วมกับทางกระทรวงมหาดไทย และเซ็นไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี ๒๕๖๕ ก็คือปีกว่าผ่านมาแล้ว เพิ่งจะมีการประชุมอย่างเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรกในวันนี้..! ในขณะเดียวกัน บุคคลที่เข้าประชุมซึ่งเป็นประธานฝ่ายฆราวาสนั้น ก็ไม่ใช่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย หากแต่เป็นนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วปลัดกระทรวงนั้นเป็นข้าราชการประจำ สมควรที่จะเป็นประธานฝ่ายฆราวาสอยู่แล้ว แต่ว่าท่านที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเจ้าของงานแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือว่ารักษาการรัฐมนตรีก็ตาม จะไม่มีน้ำจิตน้ำใจให้กับงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนทั้งหมดเลยหรือ ? จึงทำให้งานต่าง ๆ เพิ่งจะมาเริ่มขยับเขยื้อนกันในตอนนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2023 เมื่อ 11:20 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
โดยเฉพาะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของกระทรวงมหาดไทยโดยตรง ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำก็ดี ข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านต้องตระหนักว่า ท่านเป็นเจ้าของงานโดยตรง ควรที่จะเป็นเจ้าของโครงการเองเสียด้วยซ้ำไป แต่ทำไมถึงต้องรอให้คณะสงฆ์มาขับเคลื่อนให้ก่อน แล้วยังมีทีท่าอยู่ในลักษณะที่ว่าไม่ค่อยจะรับลูก ทั้ง ๆ ที่งานออกมาเมื่อไร ก็เป็นผลงานของท่านโดยตรง ?
คนของท่านก็มีพร้อมครบถ้วนทุกหมู่บ้าน งบประมาณของท่านก็มีครบถ้วนสมบูรณ์ แต่กลับต้องให้ทางคณะสงฆ์ ซึ่งมีงบประมาณเพียงบริขาร ๘ และศรัทธาประชาชนเท่านั้น มาดำเนินการสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มาหลายสิบปีแล้ว โดยที่ท่านทั้งหลายไม่ได้คิดที่จะเข้ามามีส่วนร่วมหรือให้การสนับสนุนเลย นอกจากข้าราชการในพื้นที่หรือว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นดีเห็นงาม ก็เข้ามาร่วมกับแต่ละวัด ในลักษณะต่างคนต่างทำ ถ้าเปรียบเหมือนกับโซ่เส้นหนึ่ง ก็เป็นเพียงห่วงข้อที่กระจัดกระจาย ไม่ได้ร้อยรวมเป็นโซ่ที่จะใช้งานได้อย่างทรงพลัง..! โดยเฉพาะ MOU ฉบับนี้จะมีการหมดอายุหรือไม่ ? เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมานั้น มีการเซ็น MOU ระหว่างคณะสงฆ์และ สพฐ. ก็คือในการที่ให้ทุกโรงเรียนส่งนักเรียนเข้าทำการสอบธรรมศึกษา ถ้าหากว่าเจ้าของงานเป็นผู้เริ่ม ผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่งก็ต้องเต้นตาม ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะถือว่าเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมาโดยใช่เหตุ ก็จะไม่ยอมทำตาม ทั้ง ๆ ที่ผลงานทุกอย่างก็เป็นของผู้อำนวยการ ตลอดจนกระทั่งเจ้าของเขตพื้นที่การศึกษานั่นเอง แต่ว่ามาในช่วงระยะปีสองปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าทางคณะสงฆ์ "โดนลอยแพ" ต้องไปดิ้นรนขอความร่วมมือจากแต่ละโรงเรียน ให้ช่วยส่งนักเรียนเข้าสอบธรรมศึกษา โดยที่ทาง สพฐ. อ้างว่า MOU นั้นมีอายุแค่ปีงบประมาณปีเดียวเท่านั้น กระผม/อาตมภาพได้ฟังแล้วก็ยังรู้สึกสลดใจ ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านไม่ได้คิดถึงอนาคตของเยาวชนและประเทศชาติเลย จึงทำให้ใช้ข้ออ้างที่ว่า MOU มีการหมดอายุ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2023 เมื่อ 11:22 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพเคยเซ็น MOU ร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นหลายฉบับ ก็ไม่เห็นมีฉบับไหนที่ระบุว่ามีการหมดอายุ จึงทำให้เกิดระแวงขึ้นมาว่า MOU ฉบับนี้ กระทรวงมหาดไทยจะให้หมดอายุลงเมื่อไร ? คณะสงฆ์จะ "โดนลอยแพ" อีกหรือไม่ ? ก็ฝากเอาไว้ให้ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในแผ่นดินเป็นข้อคิด และเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติต่อไป เพราะว่าไม่ว่าจะมีความร่วมมือจากท่านทั้งหลายหรือไม่ คณะสงฆ์ไทยทุกจังหวัด ทุกวัด ก็ทำหน้าที่ทั้งหลายเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนในวันนี้ สิ่งที่กระผม/อาตมภาพอยากจะพูดถึงนั้นมีมาก แต่ว่าขอกล่าวถึงควันหลงที่ผ่านมา ก็คืองานสงกรานต์ เห็นญาติโยมทั้งหลายเล่นสงกรานต์ หรือว่าสรงน้ำพระแล้ว ก็รู้สึกสลดใจ ว่าบุคคลในสมัยนี้ทำไมจิตใจถึงได้หยาบกระด้างขนาดนั้น เป็นต้นว่าการสรงน้ำพระพุทธรูป ท่านก็เทราดตั้งแต่เศียรพระลงมาเลย กระผม/อาตมภาพเองที่เป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาแท้ ๆ ยังถวายน้ำสรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่พระหัตถ์บนหน้าตักเท่านั้น หรือว่าท่านที่ถวายพวงมาลัย ก็คล้องเสียจนเต็มพระศอของพระพุทธเจ้า ขอเถิด...ถ้าหากว่าท่านจะถวาย กรุณาหาภาชนะมาวางให้เหมาะสมแล้วถวายใส่พานอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ไปคล้องไว้ที่พระหัตถ์ ไม่ใช่ไปคล้องไว้ที่พระศอ ซึ่งท่านจะต้องข้ามแม้กระทั่งเศียรพระพุทธรูปด้วย ขอยืนยันให้ท่านทั้งหลายได้ทราบตรงนี้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่นักร้อง กรุณาอย่าได้ถวายพวงมาลัยด้วยการคล้องแบบคล้องคอนักร้องทั้งหลายเลย จะเกิดโทษในการปรามาสพระรัตนตรัยเสียเปล่า ๆ ส่วนการถวายน้ำสรงพระสงฆ์นั้น ท่านทั้งหลายจะราดถวายที่เท้า ที่ไหล่ หรือว่าที่มือก็แล้วแต่ความสะดวก แต่ไม่ใช่อย่างที่เห็น ก็คือบางท่านยกถังเทโครมลงไปตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า..! แล้วแถมยังรุมกันประแป้งพระภิกษุสามเณรอีกต่างหาก สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่งดงามตามแบบที่พุทธศาสนิกชนควรที่จะกระทำเลย เพราะว่าในเรื่องของพระรัตนตรัยนั้น ถ้าท่านทั้งหลายไม่เคารพ แล้วใครจะมาเคารพแทนท่าน !?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2023 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งก็คือ มีหลายวัดนำสามเณรออกไปเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ไม่ใช่ภาพที่งดงามอย่างแน่นอน สามเณรก็คือเด็ก โดยเฉพาะสามเณรภาคฤดูร้อนที่บวชเพียงชั่วครั้งชั่วคราว สำนึกในสมณสารูปของสามเณรเหล่านั้นยังไม่มีอยู่ในจิตในใจ
ขอให้ท่านเจ้าอาวาสก็ดี พระพี่เลี้ยง หรือว่าพระวิทยากรก็ตาม จะสนุกสนานกันขนาดไหน ก็กรุณาเล่นกันอยู่ในวัด หรือว่าจะปิดศาลาสาดน้ำกันให้สนุกสนานแค่ไหน ก็อย่าให้ญาติโยมเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะอย่าสิ้นสติถ่ายคลิปไปลงในโซเชียล เพราะว่าสามเณรคือเหล่ากอของสมณะ สิ่งที่ทำนั้น น้อยคนที่จะเห็นเป็นเรื่องน่าเอ็นดู บุคคลที่จ้องจะโจมตีก็ดี บุคคลที่ไม่เลื่อมใสพระพุทธศาสนาก็ตาม จะถือเอาเป็นข้อตำหนิได้ อีกส่วนหนึ่งก็เนื่องด้วยสงกรานต์ คืองานบังสุกุลอัฐิ ที่ทำให้มีพระภิกษุวางมวยใส่กัน ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า พระสงฆ์ก็คือลูกชาวบ้านที่เปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนกติกาการยึดถือในการดำเนินชีวิตไปเท่านั้น ถ้าหากว่าความสำนึกในสมณเพศไม่มีอยู่ในจิตในใจ รัก โลภ โกรธ หลงทั้งหลาย ฆราวาสมีเท่าไร พระภิกษุสามเณรก็มีเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะหักห้าม รัก โลภ โกรธ หลง ในใจได้ ก็จะก่อให้เกิดเหตุสลดใจอย่างที่เป็นข่าวเป็นคราวกันไป เรื่องเหล่านี้จึงเป็นเรื่องของเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์อาจารย์จะไปดำเนินการจัดการกันเอง แต่ว่าก่อนที่ท่านทั้งหลายจะจัดการนั้น พระศาสนาของเราก็บอบช้ำเศร้าหมองไปเสียแล้ว สำหรับเรื่องอื่น ๆ ถ้ามีโอกาสก็จะบอกกล่าวกันในวันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2023 เมื่อ 11:27 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|