กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-07-2009, 07:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,416,962 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ยอมแลกชีวิตได้เพื่อธรรมะ

ในอดีตพระพาหิยะกับเพื่อนพระอีก ๔ รูป ตั้งใจว่าจะปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ ชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ก็เลยทำบันไดขึ้นไปบนหน้าผา พอไปถึงถ้ำใหญ่กลางภูเขา ก็ถีบบันไดทิ้ง ตั้งใจว่า ถ้าไม่สำเร็จพระอรหันต์ก็ยอมอดตายที่นี่แหละ..!

วันแรกเพื่อนคนหนึ่งสำเร็จพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ จึงเหาะไปบิณฑบาต เอาอาหารมาเผื่อ แต่อีก ๔ รูปท่านไม่ยอมฉัน เพราะตั้งใจว่า ถ้าไม่ได้มาด้วยความสามารถของตัวเองก็ให้ตายไปเลย ตัดใจได้ขนาดนั้น..!

วันที่สองวันที่สาม เพื่อนอีกสองรูปได้เป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ บิณฑบาตอาหารมาเผื่อ เพื่อนที่เหลือก็ไม่ยอมฉัน วันที่สี่เพื่อนอีกท่านหนึ่งทำได้แค่พระอนาคามี ไปเกิดเป็นพรหม สงสัยว่าจะเป็นลมตาย เหลือแต่พระพาหิยะ ทำไปจนหมดลมหายใจ ก็ยังไม่ได้อะไรเลย

ในชาตินี้ท่านมาเกิดในตระกูลพ่อค้า ในบาลีบอกว่านำเรือสินค้าไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ สุวรรณภูมินี่ดังตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลอีก เพราะในพระมหาชนกก็ไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ

พระพาหิยะไปเจอคลื่นลมปะทะ ทำให้เรือแตก โดนน้ำซัดไปติดบนชายหาด ผ้าผ่อนหายหมด ท่านก็เลยเอาสาหร่ายมาพันตัว พวกชาวบ้านเห็นเป็นของแปลก คิดว่าบุคคลที่งมักน้อยขนาดนี้ ผ้าก็ไม่ใส่ น่าจะเป็นพระอรหันต์แน่ ก็เลยเอาพวกปัจจัย พวกอาหารมาถวาย พระพาหิยะรู้สึกว่า แต่งตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มีคนเคารพนับถือ ให้การบำรุงเลี้ยงดู ท่านก็เลยทำตัวแบบนั้นมาเรื่อย ๆ

เมื่อเขาสรรเสริญว่าท่านเป็นพระอรหันต์มากเข้า ๆ ท่านก็ลืมตัว นึกว่าตัวเองเป็นแล้วจริง ๆ เพื่อนที่ไปเป็นพรหมมองลงมาเห็นเข้า กลัวว่าท่านจะสูญประโยชน์ใหญ่ในชีวิต ก็เลยลงมาเตือน บอกให้นึกถึงชาติก่อนที่ตนเองอดตายอยู่บนหน้าผา โดยไม่ได้ความดีอะไรเลย แล้วชาตินี้อยู่ ๆ จะเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร

พระพาหิยะก็สลดใจขึ้นมา จึงถามว่า "ถ้าอยากจะเป็นพระอรหันต์ จะต้องทำอย่างไร ?"

เพื่อนที่เป็นพรหมบอกว่า ขณะนี้พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก ให้เดินทางไปในทิศนั้น ๆ เป็นระยะทางกี่โยชน์ ๆ แล้วจะได้เจอ

ด้วยความที่ท่านอยากจะพ้นทุกข์ อยากเป็นพระอรหันต์ ท่านเดินทางคืนเดียว ๑๒๐ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร) เป็นสมัยนี้คงต้องเหยียบรถแข่งทั้งคืนกว่าจะถึง

เมื่อไปถึงก็พบพระพุทธเจ้ากำลังบิณฑบาตอยู่ ท่านก็ไปกราบ ขอฟังธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ใช่เวลาอันควร พระพาหิยะกราบทูลว่า ท่านเดินทางมาทั้งคืน ไม่มั่นใจว่าจะมีชีวิตอยู่รอดจนได้ฟังธรรมหรือไม่ ขอให้พระพุทธองค์เทศน์โปรดเถิด พระพุทธเจ้าทรงห้ามถึงสองวาระ พอวาระที่สามพระพุทธองค์จึงเทศน์สั้น ๆ ว่า พาหิยะ เธอจงอย่าสนใจในรูป ท่านได้ฟังแล้วก็บรรลุมรรคผล

แต่คราวนี้ในอดีตท่านไม่เคยได้ถวายผ้าไตรจีวรในพระพุทธศาสนา จึงไม่สามารถจะบวชเป็นเอหิภิกขุได้ เพราะว่าถ้าเคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ เวลาพระพุทธเจ้าตรัสเอหิภิกขุ จะมีเครื่องอัฐบริขารสำเร็จด้วยฤทธิ์ลอยมา

พระพุทธเจ้าจึงให้ท่านไปหาผ้ามาทำจีวร ด้วยความที่ท่านบรรลุมรรคผลแล้วยังเป็นฆราวาส จึงมีกรรมมาตัดรอน อรรถกถาบอกว่ายักษิณีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนมาขวิดตาย แต่ตายแบบนั้นก็ดี เพราะว่าพระพุทธเจ้าทำการฌาปนกิจศพให้เลย สั่งให้สร้างสถูปขึ้นมาเพื่อบรรจุอัฐิท่านไว้บูชา เป็นเครื่องยืนยันว่าท่านเป็นพระอรหันต์แน่

พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระพาหิยะที่ไปพระนิพพานแล้ว ไว้ในฐานะที่เลิศกว่าผู้อื่น คือ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว

เรามาดูตรงที่ว่าเร็วนั้น เป็นความเร็วในชาติปัจจุบัน ชาติก่อนถึงขนาดอดตายที่หน้าผา แต่ก็แปลว่าความดีที่ท่านสั่งสมมาสมบูรณ์พร้อมแล้ว ดูตรงวิริยะ ความพากเพียร เดินทางคืนเดียว ๑๒๐ โยชน์เพื่อไปฟังธรรม แค่ความเพียรระดับนี้เราก็สู้ไม่ได้แล้ว ความเพียรความมุ่งมั่นเกินร้อย ในชาติก่อนกระทั่งชีวิตก็ไม่อาลัยเพื่อแลกกับธรรมะ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วกำลังใจของท่านใกล้เคียงมากเลย เพียงแต่ว่าไปอดตายเสียก่อน ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจุดสุดท้าย ได้เป็นเอตะทัคคะทางขิปปาภิญญา คือ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว ฟังธรรมแค่หัวข้อสั้น ๆ เท่านั้นก็บรรลุแล้ว

อรรถกถาเขาอธิบายว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามท่านก่อน เพราะว่ากำลังใจของท่านตอนนั้นมากเกินไป กำลังใจในการที่จะเข้าถึงธรรม รู้ธรรม จะต้องพอเหมาะพอดี ของท่านมาด้วยความอยากบรรลุสุด ๆ พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ถึงสองวาระ พอห้ามเข้ากำลังใจลดลงไปหน่อย พอห้ามอีกทีลดลงไปอีกหน่อย พอดีได้ที่เลย ถ้าเทศน์ตั้งแต่แรกจะไม่มีผล เพราะมีความอยากมากเกินไป

พวกเราหลายคนปฏิบัติธรรม เราก็อยากบรรลุมรรคผล ต้องพยายามหน่อย พยายามตรงที่ว่าทำอย่างไรอย่าให้อยากมากจนเกินไป เราอยากที่จะบรรลุธรรม เกิดฉันทะขึ้นมา ก็ตั้งหน้าตั้งตาพากเพียรปฏิบัติไป แต่ว่าดูให้พอเหมาะพอดี เกินก็ไม่ได้ ขาดก็ไม่ได้ ในส่วนของมัชฌิมาปฏิปทานั้นพูดยาก เพราะว่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน


เทศน์(ช่วงสาย) ณ บ้านอนุสาวรีย์
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2016 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:39



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว