กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-02-2010, 14:25
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default หลักพระพุทธศาสนา

หลักพระพุทธศาสนา

สำหรับนักศึกษาผู้ไม่เคยสนใจมาก่อน
โดย : หลวงปู่ไวย จตฺตาลโย


ผมขอย่อให้เป็นหัวข้อสั้น ๆ เพื่อสะดวกแก่การจดจำดังนี้

๑. มีบางคนที่ยังไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาดีพอ หรือรู้ยังไม่จริง แต่งหนังสือเรื่องกรรมและเรื่องเกิดใหม่ โดยอาศัยหลักจากลัทธิอื่นมาใส่ทั้งดุ้น แล้วให้ชื่อว่าเป็นหนังสือพระพุทธศาสนาที่แท้จริง เอาสิ่งที่ไม่ใช่พุทธมาเป็นพุทธ จึงเป็นอันตรายกับผู้อ่าน โดยเฉพาะชาวยุโรป อ่านแล้วหลงเข้าใจผิดเรื่องของพระพุทธศาสนา

๒. เรื่องกรรม หลักที่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และบุคคลผู้ทำย่อมเป็นผู้ได้รับกรรมนั้น เป็นหลักที่มีมาก่อนพุทธกาล มีอยู่ในทุกศาสนาใหญ่ ๆ จึงจะถือหลักข้อนี้ข้อเดียวเท่านั้น เป็นหลักของพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะพุทธศาสนามีพฤติกรรมที่สามารถลบล้างกรรมดีและกรรมชั่วได้โดยเด็ดขาด และเป็นผู้อยู่เหนือกรรมได้ เมื่อปฏิบัติจนบรรลุมรรค ผล นิพพาน (รู้วิธีปฏิบัติอย่างไรจึงจะพ้นกรรมได้ตลอดกาล พ้นกฎของกรรม พ้นไตรลักษณ์ พ้นโลกทั้งสาม คือ ยมโลก มนุษยโลก และเทวโลกได้อย่างถาวร จุดนี้ต่างหากที่ศาสนาอื่น ๆ ไม่มี มีแต่พุทธศาสนา)

๓. พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาพร้อมทั้งวิธีปฏิบัติ ให้ผู้ปฏิบัติรู้-เห็นความจริงว่า คน สัตว์ วัตถุธาตุใด ๆ ในโลกเป็นไตรลักษณ์ ยึดถืออะไรไม่ได้ หมายความว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ รู้อยู่ สัมผัสอยู่นั้น มันไม่ทรงตัว เป็นเพียงแค่สภาวธรรมเท่านั้น มันเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แต่อุปาทานคิดว่ายึดว่าเป็นตัวเป็นตน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 24-03-2010 เมื่อ 11:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-02-2010, 14:34
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. จุดที่ยากที่สุดของพระพุทธศาสนา คือ เรื่องไม่มีคน ไม่มีสัตว์ มีแต่ตัวกรรมหรือสภาวธรรม (กรรม) ที่เคลื่อนไปเป็นไตรลักษณ์ จึงมีผู้สงสัยกันมากว่า เมื่อไม่มีคนแล้ว จะมีการเกิดหรือการตายได้อย่างไรกัน

๕. ชาวต่างชาติจึงเขียนตำรา โดยอาศัยหลักพุทธศาสนาที่ได้รับมาผิด ๆ (เป็นมิจฉาทิฏฐิ) จึงมาเขียนผิด ๆ ตู่คำสอนของพระพุทธองค์ หรือสงสัยทำให้ปฏิบัติไปสู่สีลพตปรามาส เช่น ยึดประเพณี ธรรมเนียม กิริยาท่าทาง โดยการวางแบบไว้ตายตัว จนกลายเป็นพิธีหมด ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่มีในพุทธกาลเลย

๖. ชาวยุโรปบางคนถูกยกย่องเป็นศาสตราจารย์ฝ่ายพระพุทธศาสนา ยกว่าเขาเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริง เพราะเป็นนักเสพผัก (vegetarian) หรือพวกถือมังสวิรัติ ภรรยาเป็นไม่ได้เพราะเสพผัก พวกอาซิ้มกินเจไม่กินเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นแรงหลายชนิด บริโภคแต่ผักต้มหรือดองแล้วเป็นส่วนใหญ่ พวกไม่กินเนื้อสัตว์ (vegetarian) แต่กินไข่ กินนม กินผักสด ผักดิบทุกชนิดต่างยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบพิธีต่าง ๆ แต่ในพุทธกาลไม่มีพิธีโดยสิ้นเชิง

๗. ชาวต่างประเทศและชาวไทยบางคน ยึดคัมภีร์เป็นหลักใหญ่ ไม่เชื่อไม่ไว้วางใจพุทธบริษัทชาวเอเชีย จึงต้องอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดด้วยตนเองก่อน จึงจะรู้พุทธศาสนา ก็ยิ่งไม่ถูกขึ้นไปอีกเพราะธรรมะแท้จริงนั้นถ่ายทอดกันไม่ได้ทางเสียงหรือทางตัวหนังสือ พวกติดตำราจึงเมาตำรา ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ปริยัติกลายเป็นงูพิษตามอลคัททูปมสูตร

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 16:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-02-2010, 10:09
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๘. เรื่องที่เราควรขวนขวายมีเรื่องเดียว คือ เรื่องความดับทุกข์อย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร สมัยพุทธกาลศึกษาปริยัติกันไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วัน พระพุทธเจ้าทรงแนะหัวข้อธรรมให้ไปปฏิบัติก็เข้าป่าหรือนำไปปฏิบัติให้เกิดมรรคผล บางท่านก็สามารถบรรลุธรรมในทันทีในที่นั่งนั้นเอง หรือเฉพาะพระพักตร์นั่นเอง

๙. การบวชมี ๓ อย่าง (ในปัจจุบัน)
ก) บวชแต่กาย ใจไม่ได้บวชด้วย
ข) บวชแต่ใจ กายไม่ได้บวชด้วย
ค) บวชทั้งกายและทั้งใจ
ในพุทธกาล เขาบวชเพื่อความหลุดพ้นอย่างเดียว

๑๐. อนัตตากับสุญญตา เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ยากที่บุคคลทั่วไปจะพึงเข้าใจได้ถูกและตรง

๑๑. อมิตาภะ แปลว่า สิ่งที่มีแสงสว่างอันคำนวณไม่ได้หรือบางทีเรียกอมิตายุ แปลว่า สิ่งที่มีอายุคำนวณไม่ได้

๑๒. แต่พวกนิกายเซ็น แปลอมิตาภะว่า เป็นจิตเดิมแท้อย่างที่เว่ยหล่างเรียก และฮวงโปเรียกว่าความว่าง นิกายเซ็นถือว่าสิ่งที่มีแสงสว่างไม่มีประมาณ หรือสิ่งที่มีอายุคำนวณไม่ได้นั้นไม่มี มีแต่ความว่าง

๑๓. ความจริงพุทธศาสนาสอนให้คนเห็นทุกข์ เพราะตราบใดที่คนยังไม่เห็นทุกข์ ก็พ้นทุกข์หรือดับทุกข์ไม่ได้ และสอนให้หาต้นเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ แล้วดับที่ต้นเหตุนั้น ๆ เสีย สรุปว่าให้คนอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ได้ โดยที่ใจไม่ทุกข์ตามโลก

๑๔. สันติภาพมีในโลกของสัตว์เดียรัจฉานทั่วไป มากกว่าในหมู่มนุษย์

๑๕. ความเบียดเบียนที่น่ากลัวที่สุด คือ ความเบียดเบียนตนเอง อารมณ์จิตของเรานั่นแหละ เบียดเบียนตนเองมากที่สุด ร้ายกาจที่สุด (หากคิดดีบุญก็เกิด หากคิดไม่ดีบาปก็เกิด) (อหิงสาเท่ากับความไม่เบียดเบียน)

๑๖. ความกลัวของพุทธบริษัทที่แท้จริง คือ กลัวทุกข์หรือกลัวข้าศึกภายใน (อารมณ์จิตตนเองทำร้ายตนเอง-เบียดเบียนตนเอง อันเป็นภัยใหญ่ยิ่งกว่าภัยใด ๆ ทั้งหมด) โดยเฉพาะก่อนจะตาย หากจิตเบียดเบียนตนเองก็ไปสู่ทุคติ เพราะมีจิตเศร้าหมองหรือมีกิเลส
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-02-2010, 14:44
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๗. ชาวต่างชาติบางคนวิจารณ์ไว้ว่า พุทธศาสนาเป็น negative จึงเท่ากับตู่พุทธศาสนาเพราะเขายังมีอารมณ์ยึดถูกและผิด (positive และ negative) ยึดดี ยึดเลว หรือยึดสมมุติทางโลกอยู่ จิตจึงมีอคติ ๔ (ความลำเอียง ๔) จึงมองไม่เห็นตัวอัพยากตธรรมหรือสายกลาง หรืออุเบกขา หรืออทุกขมสุขเวทนา

๑๘. บางคนแปลสุญตาว่า ความว่างเปล่า เลยจัดพุทธศาสนาเป็นมิจฉาทิฏฐิไป คือ พวกจัดพุทธศาสนาเป็น negative ความจริงแล้ว positive หรือ negative ถูก-ผิดนั้นเป็นอุปาทานชนิดหนึ่ง ซึ่งทางพุทธให้ละเสีย จึงจะหลุดพ้นได้

๑๙. พวกนิกายเซ็นของมหายาน จึงสอนเรื่องจิตว่างห้ามคิด ห้ามปรุง ถือยึดความว่างเป็นของวิเศษ มองกิเลสก็เป็นอนัตตาเพราะจิตว่าง ไม่ใช้ศีล-สมาธิ-ปัญญาฆ่ากิเลส คิดเอาเองว่าความว่างฆ่ากิเลสได้ (**)

๒๐. หมวดธรรมที่สำคัญ ๆ ในพุทธศาสนา เช่น หมวดอริยสัจ, หมวดอริยมรรคมีองค์ ๘, หมวดสิกขาสาม, หมวดไตรลักษณ์, หมวดปฏิจสมุปบาท, หมวดหัวใจพุทธศาสนา (โอวาทปาฎิโมกข์) หมวดเหล่านี้ก็ยังมองกันคนละแง่ละมุม ไม่ลงรอยกันเป็นเพราะ

ก) ถือเอาความหมายของคำนั้น ๆ ผิด
ข) ถือเอาความหมายบางคำผิด ทำให้ผิดจุดประสงค์เดิมไปเลย (ขาวเป็นดำ-ดำเป็นขาว)
ค) พวกฉงน สงสัย ยิ่งมีมากเท่าไร ยิ่งเขียนคำอธิบายเพิมเติมมาก ก็ยิ่งไกลความจริงออกไป
ง) พวกหลงผิด เข้าป่าไปเลย
จ) แม้อภิธรรมก็เช่นกัน ตัวอย่างหมวดปฏิจสมุปบาท

เพราะเขาจับหลักยังไม่ได้ (มีภูมิจิต มีภูมิธรรม หรือบารมีแค่ไหนก็รู้ได้แค่นั้น)

๒๑. หลวงปู่ไวยสรุปว่า ไม่ต้องไปศึกษาเรื่องอะไร นอกจากเรื่องตัวกู-ของกู (ท่านหมายถึงให้พิจารณาขันธ์ ๕ หรือร่างกายหรือสักกายทิฐิข้อเดียวพอ แต่ข้อนี้พระพุทธเจ้าเลือกสอนแต่เฉพาะพวกพุทธจริต พวกดอกบัวพ้นน้ำแล้วหรืออุคติตัญญูเท่านั้น)

หมายเหตุ : ผมได้รับหนังสือเล่มนี้ในงานวันเกิดของหลวงปู่ไวย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้อ่านแล้ว ๓ จบ เห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับพุทธบริษัท จึงได้บันทึกย่อไว้ เมื่อนำมาอ่านใหม่เมื่อวันที่ ๒ มิ.ย. ๒๕๔๙ เห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ขี้เกียจอ่านหนังสือ และผู้ที่ยังมีพื้นฐานของพระธรรมในพุทธศาสนาน้อย มีโมหะจริตและศรัทธาจริตสูง คือ เชื่อง่ายโดยขาดปัญญาทางพุทธ สนใจแต่ปริยัติแต่ไม่ค่อยจะปฏิบัติ จึงยังรู้ไม่จริง-รู้ไม่ตรงตามความเป็นจริง ในคำสั่งสอนของพระองค์ของจริงอยู่ที่ผล มิใช่อยู่ที่ตำรา จึงขอให้ท่านผู้อ่านกรุณาอ่าน แล้วใช้ปัญญาคิด-พิจารณาตามธรรมะที่หลวงปู่ไวยท่านเขียนไว้ ผมย่อเอาความสำคัญแยกออกเป็นหัวข้อไว้ ๒๑ ข้อ เมื่อท่านได้ศึกษาตามหลักฐานที่หลวงปู่ไวยท่านเขียนไว้เข้าใจแล้ว

ท่านก็จะแยกได้ว่า สิ่งใดเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า และสิ่งใดเป็นคำสอนของท่านอื่น (**) หรือสิ่งไหนเป็นพุทธ สิ่งไหนเป็นเซ็น อันไหนเป็นสัมมาทิฏฐิ อันไหนเป็นมิจฉาทิฏฐิ ให้ท่านพิจารณาใคร่ครวญด้วยตัวของท่านเอง ขอให้ผู้อ่านทุกท่านจงโชคดี



หมายเหตุ (**) มีการแก้ไขตามความเห็นสมควรของผู้พิมพ์

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2010 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-02-2010, 14:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น (เล่ม ๓)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว