กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-01-2023, 18:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,648
ได้ให้อนุโมทนา: 216,888
ได้รับอนุโมทนา 747,546 ครั้ง ใน 36,418 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-01-2023, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,137 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้าถ้าหากว่าเกี่ยวกับงานอย่างเป็นทางการแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นับว่าเป็นเวลาว่าง เพราะว่าจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบของปี ๒๕๖๖ ในช่วงบ่าย ดังนั้น...จึงเป็นเวลาที่กระผม/อาตมภาพรีบทำสรุปยอดเกี่ยวกับกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน

การทำสรุปยอดนั้น ในช่วงหลังนี้ก็ง่ายขึ้นมาก เพราะว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้ทำ Excel ซึ่งเป็นระบบของ Word ในการลงตัวเลขแล้วสามารถที่จะบวกเองเสร็จสรรพ แค่ไปนำเอาตัวเลขบรรทัดสุดท้ายมาลงให้เรียบร้อย ก็เป็นอันว่าแต่ละกองทุนจะมียอดที่เริ่มมาตั้งแต่การตั้งทุน และเพิ่มทุนมาจนถึงปัจจุบัน เป็นยอดรวมเท่าไรก็จะปรากฏชัดแก่ทุกท่าน

แต่ว่าก็มีเจ้าของทุนจำนวนมาก ที่ทำการตั้งทุนแล้วก็หายไปจากโลกนี้เลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าลืมไปแล้วว่าตนเองได้ตั้งกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนเอาไว้ หรือว่าผู้ตั้งกองทุนล้มหายตายจากไปแล้วก็ไม่แน่ เพราะว่าระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะว่าชื่อทุนของท่านก็ยังคงอยู่ เงินที่ตั้งทุนก็ยังคงอยู่ และขณะเดียวกันก็ได้รักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนไปเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะพระภิกษุบางท่าน ในปีที่ผ่านมา รูปเดียวรักษาไปเกือบหนึ่งแสนบาท..! เหตุเพราะว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินเนื่องจากว่ามีปัญหาทางสมอง จึงต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนโดยด่วน ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าไม่มีกองทุนตรงนี้ช่วยค้ำเอาไว้ คาดว่าแม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็คงจะลำบากใจที่จะต้องมาช่วยจ่ายเงินในส่วนนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-01-2023, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,137 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงขออนุโมทนาต่อท่านเจ้าของกองทุนทุกกอง และท่านที่ร่วมบุญในกองทุนรักษาพยาบาลมาเป็นระยะเวลายาวนานจนในปัจจุบัน ท่านทั้งหลายได้อำนวยความสะดวก ช่วยรักษาต่อสงฆ์อาพาธ ซึ่งการดูแลรักษาสงฆ์อาพาธนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า มีอานิสงส์เหมือนกับการดูแลอุปัฏฐากพระองค์ท่านเอง จึงขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของกองทุนก็ดี ที่ร่วมทุนรักษาพยาบาลมาก็ตาม จงเป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังโดยถ้วนหน้าทุกท่านทุกคนเถิด

อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในขณะที่ได้ทำการสรุปยอดกองทุนอยู่นั้น
กระผม/อาตมภาพเกิดอาการไข้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหตุเพราะว่าอากาศเปลี่ยน กระผม/อาตมภาพซึ่งมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ โดยเฉพาะเชื้อมาลาเรียนั้น ไวต่อการเปลี่ยนของอากาศมาก จึงทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานต่อได้

จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานก็อก ๆ แก็ก ๆ ที่ไม่ต้องใช้สมองแทน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากว่ามีข้อผิดพลาดในงานขึ้นมา นอกจากจะเกิดความเสียหายแล้ว ยังต้องเสียเวลาไปแก้ไขทีหลัง ในส่วนนี้
กระผม/อาตมภาพจึงได้เก็บข้าวของเตรียมเดินทางกลับวัด หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบแล้ว

อีกส่วนหนึ่งก็คือเตรียมหาวัตถุมงคลที่จะมาลงกระทู้ให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญร่วมกันต่อไป แล้วก็ได้เห็นว่า แหวนจักรพรรดิของหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งตัวเรือนเป็นทองคำ ที่กระผม/อาตมภาพได้รับความเมตตาจากน้านิล (คุณน้านิลประไพ บุญ-หลง) น้องสาวของพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง น้านิลได้บูชาแล้วถวายไว้ให้ติดตัว แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดออกมาดู แหวนจักรพรรดิกลายเป็นแหวนกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าทำจากวัสดุใดกันแน่..!

ถ้าหากว่าเป็นท่านทั้งหลายก็คงคิดว่า ทางวัดท่าซุงโดนร้านค้าหลอกเอาแล้ว ด้วยการเอาวัสดุที่ไม่ใช่ทองคำมาทำเป็นตัวเรือน แต่กระผม/อาตมภาพเข้าใจดีว่า ที่แหวนกลายเป็นสิ่งกระดำกระด่างนั้น เพราะว่าตนเองได้พกปรอทอยู่ ทั้งในส่วนของปรอทน้ำและปรอทสำเร็จ ปรอทสำเร็จก็มีทั้งปรอทเงินและปรอททอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นปรอทน้ำก็ดี ปรอทสำเร็จก็ตาม ล้วนแล้วแต่กินทองเป็นอาหารทั้งสิ้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-01-2023, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,137 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อมีปรอทไปประเดประดังอยู่รอบ ๆ แหวน ก็เป็นอันว่าเรือนแหวนกลายเป็นอาหารอันโอชะของปรอทไปโดยปริยาย และโดนกินหนักนอกจากถึงขนาดเปลี่ยนสีเป็นกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าเคยเป็นทองแล้ว ยังเกิดอาการผุกรอบ ถึงขนาดวงแหวนหักออกเป็น ๒ ส่วน ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในลักษณะของเรือนแหวนอยู่ แต่ตัวท้องแหวนนั้นก็กลายเป็นรอยหักไปเสียแล้ว..!

ทำให้เห็นว่าทำไมบรรดาเจ้าของร้านทองต่าง ๆ จึงกลัวนักกลัวหนาว่าใครจะพกปรอทเข้ามาในร้าน เนื่องเพราะว่าแร่ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ กินทองเป็นอาหารอย่างชนิดที่เรียกว่าน่ากลัวมาก กินถึงขนาดที่ทองคำเปลี่ยนกลายเป็นโลหะธาตุอื่นไปเลย ซึ่ง
กระผม/อาตมภาพได้ยินเขาบอกกล่าวมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีโอกาสที่จะทดสอบทดลองให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา ก็ได้มาเห็นประจักษ์ชัดเจนในคราวนี้เอง

สำหรับท่านทั้งหลายที่ร่วมกองบุญการกุศลกับทางวัดท่าขนุนมาตั้งแต่ต้นนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ กระผม/อาตมภาพนอกจากดำเนินตามเจตนารมณ์ของท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญมาแล้ว ก็ยังมีวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นของ "ดีนอก" ก็คือช่วยเสริมความ "ดีใน" ให้กับพวกเราทั้งหลายด้วย

แต่ว่าในส่วนที่จะ "ดีจริง" นั้น ต้องเป็นส่วนของ "ดีใน" คำว่า ดี ในในที่นี้ก็คือ การที่เราต้องเพียรพยายามในการรักษาศีลและเจริญภาวนา เพื่อสร้างคุณความดีให้เกิดในจิตในใจของเราเอง คุณความดีภายในของเรายิ่งสูงมากเพียงไร ก็จะเสริมความดีนอกให้สูงมากขึ้นไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายมีแต่เพียงดีนอก ขาดดีใน ก็ทำให้ดีนอกนั้นแสดงอานุภาพได้ไม่เต็มที่เต็มกำลังของตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-01-2023, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,137 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะเดียวกัน ถ้าเรามีแต่ดีใน แต่ถ้าขาดสติเมื่อไร อาจจะเกิดผลวิบากของกรรมเก่าที่ทำมา ส่งผลจนเราต้องรับเคราะห์รับกรรมในบางอย่างไป จึงควรที่จะมีทั้งดีนอกและดีใจผสานกันเอาไว้ เพื่อเป็นการไม่ประมาทตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนมา

หลังจากที่ฉันภัตตาหารเพลและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารมหลวง) เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโครงการบาลีก่อนสอบ แล้วก็ได้รับภาระมา ก็คือเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพล ๑ วัน

การอบรมบาลีก่อนสอบนั้นจะเปิดอบรมในวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ แล้วไปสิ้นสุดในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖

จากนั้นประโยคต้นก็คือประโยค ๑ - ๒ และ ประโยค ๓ นั้น ก็จะสอบภายในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ กุมภาพันธ์ หลังจากนั้น ถ้าหากว่าใครสอบติดวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็จะไปสอบซ่อมในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เมษายน ซึ่งปีนี้ไปตรงกับช่วงวันหยุดยาวของสงกรานต์ ซึ่งทางวัดท่าขนุนมีกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

แต่ว่าปีนี้ทางด้านนักเรียนบาลีของวัดท่าขนุนนั้น
กระผม/อาตมภาพไม่ได้ส่งเข้าอบรมก่อนสอบที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยที่กระผม/อาตมภาพให้ไปอบรมกันเอง โดยเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ เหตุเพราะว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตลอดจนกระทั่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้นักเรียนบาลีทั้งหลายมีเวลาเรียนน้อย ไม่สามารถที่จะทำให้คะแนนดีได้ในทุกวิชาที่สอบ จึงต้องเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ โดยหวังติดการสอบรอบ ๒ หรือที่เรียกว่า "สอบซ่อม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 05-01-2023, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,137 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าจากเดือนกุมภาพันธ์นั้น กว่าที่จะไปสอบก็ไปเดือนเมษายน เท่ากับว่าเรามีเวลาศึกษาวิชาอื่น ๆ เป็นเวลาเกือบ ๒ เดือนเต็ม ในช่วงระยะนั้นก็จะสามารถทำให้สอบผ่านได้โดยการซ่อมวิชาที่เหลือ ในเมื่อตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างนี้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการเปิดสำนักของตนเองในการอบรมบาลีก่อนสอบ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนโครงการของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วย

ถ้าพูดกันตลก ๆ แบบที่ตนเองเคยพูดไว้ก็คือ ปีนี้ช่วยโดยการจ่ายเงินไปมาก แต่ไม่มีนักเรียนมากินคืน ทำให้มีแต่ขาดทุนฝ่ายเดียว ถ้าอย่างน้อยส่งนักเรียนบาลีทั้ง ๑๒ รูปมาอบรมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็จะมีผู้มาช่วยกินให้ได้กำไรคืนมาบ้าง ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่พูดเล่นกันในวงข้าวเท่านั้น ในส่วนอื่นก็ต้องบอกว่าเราต้องทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

เนื่องเพราะว่าเรื่องของการเรียนบาลีนั้น เป็นการเรียนเพื่อรักษาพระพุทธวจนะ โดยเฉพาะคำว่าบาลีมาจาก "ปาลธาตุ" ในความรักษา ในที่นี้ก็คือรักษาพระพุทธวจนะเอาไว้ ไม่ให้คลาดเคลื่อนไปไหน ท่านที่เรียนก็สามารถที่จะแปลได้ตรงกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนมา

เพียงแต่ว่าท่านที่จะแปลได้ตรงจริง ๆ นั้นจะต้องเป็นนักปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้นท่านก็แปลได้ตามพยัญชนะ คือตัวอักษรเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความลึกซึ้งอย่างแท้จริงในหลักธรรม ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาประทานเอาไว้

แต่ว่าพวกเราทั้งหลายก็ช่วยกันรักษาในส่วนของปริยัติธรรมเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายที่สนใจในการปฏิบัติ จะได้มีเนื้อหาหลักธรรมที่สมบูรณ์บริบูรณ์เอาไว้ศึกษาปฏิบัติ จะได้เกิดปฏิเวธ คือผลดีทั้งแก่ตนเองและพระพุทธศาสนาของเรา ช่วยทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงตราบเท่า ๕,๐๐๐ ปีต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:39



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว