กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-01-2023, 18:15
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,659
ได้ให้อนุโมทนา: 216,968
ได้รับอนุโมทนา 748,288 ครั้ง ใน 36,459 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-01-2023, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะมีเวลาว่างไปรื้อบรรดาพัสดุและจดหมายต่าง ๆ ทำให้เห็นว่ามีโลชั่นบำรุงผิวจำนวนมากมายมหาศาลส่งมา เพียงพอที่จะเปิดร้านจำหน่ายได้เลย..! บางอย่างขวดหนึ่งก็ราคาเป็นพัน ๆ บาท

กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็เกิดอาการ "น้ำตาจิไหล...!" ไม่ใช่ปีติยินดีที่ญาติโยมทั้งหลายห่วงใยกระผม/อาตมภาพ หากแต่ว่าสงสารที่ญาติโยมทั้งหลายโง่จนเกินไป..! ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนแล้ว แทนที่จะจับสาระอันเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติธรรมของตนเอง กลับไปจับเอาเรื่องที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง แล้วก็ช่วยกันส่งโลชั่นบำรุงผิวมาเพื่อให้กระผม/อาตมภาพได้ใช้งาน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีโอกาสใช้อยู่แล้ว ส่งมาก็ไร้ประโยชน์ ได้แต่ส่งเข้าคลังพัสดุไป

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยของกระผม/อาตมภาพนั้น มีหมอจัดการดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายไม่จำเป็นที่จะต้องส่งยาหรือสิ่งของต่าง ๆ อะไรมา เพราะว่าข้าวของทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่กลายเป็นของส่วนกลางไปทั้งสิ้น เนื่องจากกระผม/อาตมภาพเป็นคนไม่สะสมอะไรเลย ประการหนึ่ง

ประการที่สองก็คือ ในเนื้อหาของบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนั้น ตั้งใจจะให้ญาติโยมทั้งหลายฟังแล้วได้ประโยชน์เป็นอรรถเป็นธรรม แต่ญาติโยมทั้งหลาย บางทีก็ฟังแล้วผ่านหูไปเฉย ๆ ถ้าไม่ใช่เอาหลักธรรมมากรอกหูกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็แทบจะหาประโยชน์จากรายการนี้ไม่เป็น จนกระผม/อาตมภาพคิดว่า ดูท่าจะต้องเลิกบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสียแล้ว เนื่องเพราะว่าเหล่าลูกศิษย์ล้วนแล้วแต่โง่จนสุนัขไม่รับประทาน..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านทั้งหลายฟังธรรมแล้ว กลับไปค้นหาว่ากระผม/อาตมภาพทำอะไร ? เป็นอะไร ? แล้วก็ช่วยกันหาสิ่งของยัดเยียดมาให้ ซึ่งลักษณะการฟังแบบนี้ ภาษิตจีนเขาใช้คำว่า "ค้นหากระดูกจากในไข่" ซึ่งไม่มีทางที่จะได้กระดูกเลยแม้แต่น้อย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-01-2023 เมื่อ 00:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-01-2023, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงเลิกแปลกใจว่าเหตุใดพระภิกษุสามเณร แม่ชี ฆราวาส ตลอดจนกระทั่งบรรดาญาติโยมทั้งหลาย ฟังธรรมแล้วถึงไม่ได้อะไรเสียที ต่างจากสมัยพุทธกาลที่ฟังธรรมแล้วก็เป็นพระโสดาบันบ้าง เป็นพระอรหันต์บ้าง ท่านที่จะเป็นพระอนาคามีก็มีไม่มาก ท่านที่จะเป็นสกทาคามีก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก ส่วนใหญ่ก็คือเป็นพระโสดาบันหรือพระอรหันต์ไปเลย เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ที่สั่งสมบ่มเพาะปัญญาบารมีมาจนแก่กล้าแล้ว

ท่านทั้งหลายที่ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในปัจจุบันนี้ ไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่า ทำไมพระพุทธเจ้าตรัสถึงชาดก ซึ่งฟังแล้วก็คือเรื่องนิทานชัด ๆ แต่ว่าผู้ฟังก็บรรลุมรรคบรรลุผลไปตาม ๆ กัน ??

เมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่านิทาน โดยเฉพาะนิทานในอดีตชาติ ทำไมญาติโยมฟังแล้วได้มรรคได้ผล ? ก็เพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นมีปัญญามาก เล็งเห็นว่าแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังเวียนว่ายตายเกิดมานานนับอนันตชาติ ล้วนแล้วแต่พบกับความทุกข์ยากต่าง ๆ ตามเนื้อหาชาดกที่ทรงเล่ามา

จึงทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นพิจารณาแล้วเห็นว่า อัจฉริยมนุษย์สุดประเสริฐอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังประกอบไปด้วยความทุกข์เห็นปานนี้ ตัวเราทั้งหลายที่เป็นปุถุชนธรรมดานั้น ไม่มีทางเลยที่จะไม่มีความทุกข์..!

ในเมื่อร่างกายนี้ประกอบไปด้วยความทุกข์ ในเมื่อโลกนี้มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อน เราก็ไม่ปรารถนาในการเกิดมามีร่างกายนี้อีก ไม่ปรารถนาที่จะเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้อีก ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจึงถอนจิตจากการยึดการเกาะในร่างกายนี้ จากการยึดการเกาะในโลกนี้ ถอนออกมาได้น้อย ก็เป็นพระโสดาบัน ได้ปานกลางก็เป็นพระสกทาคามี ได้มากกว่านั้นก็เป็นพระอนาคามี ได้ถึงที่สุดก็เป็นพระอรหันต์ไปตาม ๆ กัน

ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก็เช่นกัน เมื่อฟังว่ากระผม/อาตมภาพต้องทำงานอย่างโน้นอย่างนี้ แทนที่จะคิดว่าหลวงพ่อก็ทุกข์ยาก ก็เหนื่อยยากแบบเดียวกับเรา ในเมื่อความทุกข์ยากมีอยู่ถ้วนทั่วทุกตัวคนเช่นนี้ เราก็ไม่พึงเกิดมามีร่างกายเช่นนี้อีก แต่ท่านทั้งหลายฟังแล้วกลับผ่านหูไปเฉย ๆ ได้ยินว่าหลวงพ่อเจ็บไข้ได้ป่วย แทนที่ท่านทั้งหลายจะรู้สึกว่าเราเองก็ประกอบไปด้วยความป่วยเช่นนี้เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2023 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-01-2023, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อตัวหลวงพ่อก็เจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ ตัวเราก็เจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าจะเกิดมาแล้วไม่พบกับความทุกข์ยาก คือความป่วยเช่นนี้ย่อมไม่มีเลย เราไม่พึงปรารถนาการเกิดมาเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้อีก แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่คิด นอกจากไม่คิดแล้ว ยังเลยไปเฉย ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ไปควานหาในส่วนของทาน แทนที่จะเป็นในส่วนของศีล หรือว่าในส่วนของภาวนา

กระผม/อาตมภาพเองไม่มีเวลาที่จะมาค่อย ๆ ชี้แจงว่าสิ่งที่พูดไปนั้น ท่านต้องคิดอย่างไร ? ท่านต้องจับประเด็นอย่างไร ? จึงปล่อยให้เป็นไปตามปัญญาเฉพาะหน้าของแต่ละคน แล้วก็เกิดอาการ "น้ำตาจิไหล" ก็คือว่า ทำไมลูกศิษย์ของกูโง่ได้ใจขนาดนี้วะ..!

จึงทำให้กระผม/อาตมภาพคิดว่า ถ้าหากว่าเสียเวลาเทศน์เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไปทุกวัน ๆ แล้วไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย นอกจากทานบารมีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ญาติโยมทั้งหลายถมมา จนกระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ว่าจะขนเอาไปทำอะไร ถ้าเช่นนั้นเราก็ไม่ควรที่จะเทศน์ต่อไปอีกแล้ว เพราะว่าหาประโยชน์แทบจะไม่ได้เอาเสียเลย เป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับครูบาอาจารย์ทั่วไป ถ้าหากว่าสอนแล้ว ลูกศิษย์สามารถเข้าใจได้ รับเอาความรู้ทั้งหลายนั้นไปได้ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถจดจำ นำไปพลิกแพลงใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ย่อมมีความชื่นใจ มีกำลังใจที่จะสั่งสอนทุกคนต่อไป

แต่ถ้าสอนไปเท่าไร ทุกท่านก็ได้แต่นั่งตาลอย จับประเด็นไม่ได้ว่าสอนเรื่องอะไร เนื้อหาหลักคืออะไร ? เนื้อหาย่อยคืออะไร ? อธิบายขยายความแล้วออกมาเป็นอย่างไร ? ถ้าเช่นนั้นเชื่อว่าครูบาอาจารย์ทุกท่านก็คงไม่มีอารมณ์ที่จะสอนต่อเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2023 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-01-2023, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพนึกถึงตอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อพิจารณาแล้วว่า หลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้นั้นช่างลึกซึ้งยิ่งนัก จึงเกิดความขวนขวายน้อย ก็คือไม่คิดที่จะสอน เพราะไม่แน่ใจเลยว่าจะมีใครรู้ทั่วถึงธรรมนั้นหรือไม่ ?!

ตอนนี้กระผม/อาตมภาพก็น่าจะอยู่ในอารมณ์ประมาณนี้เช่นกัน สอนไปเท่าไร บรรดาลูกศิษย์แทนที่จะได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็ได้ไปแค่สะเก็ด ได้ไปแค่กระพี้ ไม่มีทางที่จะเข้าถึงเนื้อไม้ หรือว่าแก่นไม้ได้เลย เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเหนื่อยใจ

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่คิดจะไป "เสาะหากระดูกจากไข่" กรุณาเสาะหาให้น้อยลง แล้วพยายามที่จะเสาะหาแก่นสารจากไข่ ซึ่งน่าจะเป็นเพชรเป็นพลอยมากกว่า ขึ้นอยู่กับปัญญาของท่านทั้งหลายว่า จะสามารถเสาะหาได้หรือไม่ ?

ทุกวันนี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้แปลกใจว่าทำไมพระพุทธศาสนาของเราถึงได้เรียวปลายลงไปทุกที ก็เพราะว่าพวกเราขาดการฝึกฝนอบรมตนเอง เป็นผู้ที่ขาดความขยัน พากเพียร อดทน ตลอดจนกระทั่งขาดปัญญาที่จะพินิจพิจารณาว่า สิ่งใดเป็นสาระเป็นแก่นสาร สิ่งใดเป็นเพียงสะเก็ด เป็นเพียงกระพี้ที่ควรจะทอดทิ้ง คว้าจับเอาแก่นสารแล้วไปประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่กอบโกยเอาไว้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็ไปภูมิใจ กลายเป็นแบกกิเลสอีกว่า "กูรู้มาก กูฟังคำสอนของหลวงพ่อมามาก ไม่มีใครที่รู้มากเท่ากูอีกแล้ว..!"

ตลอดจนกระทั่งบางท่านที่ยังอุตส่าห์ไปอวดรู้ว่า คำสอนตรงนี้จึงเป็นสาระแก่นสาร คำสอนตรงนี้ไม่ใช่ อยู่ในลักษณะที่อวดโง่ ขยายความโง่ของตนเอง แล้วจะไปชักนำให้คนอื่นโง่ตามตนเองไปอีกด้วย..!

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพขอเวลาพินิจพิจารณาไปอีกระยะหนึ่ง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่รู้จักจับสาระแก่นสารจากบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องหยุดการบันทึก เพราะว่าแต่ละวันต้องมาเสียเวลากับสิ่งที่ท่านทั้งหลายไม่ได้ประโยชน์ กระผม/อาตมภาพนำเอาเวลานั้นไปทำสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ก็ดูจะเข้าท่ากว่า

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว