กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-01-2023, 19:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-01-2023, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดถ้ำสิงห์โตทอง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตามคำนิมนต์ของพระครูภาวนาโชติคุณ (กุ้ยไฮ้ ชุตินฺธโร), ดร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน แต่ชาวบ้านเขาเรียกท่านว่า หลวงพ่อดำ

วัดถ้ำสิงห์โตทองนั้นเป็นวัดที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือว่าหลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านได้ธุดงค์ไปวิเวกที่นั่น จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่ซึ่งมีความผูกพันกันอยู่ เมื่อสร้างเป็นวัดถ้ำสิงห์โตทองขึ้นมา หลวงพ่อกุ้ยไฮ้ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบมา

การสร้างรูปหลวงปู่โต๊ะในครั้งนี้ ก็คือการหล่อรูปหลวงปู่โต๊ะองค์ใหญ่ ถ้าถามว่าใหญ่ขนาดไหน ? ก็แค่ช่วงฝ่ามือ ๒ ข้างรวมกัน น้ำหนัก ๓ ตัน..! กระผม/อาตมภาพเอง เมื่อได้รับนิมนต์จากเพื่อนฝูง ก็เกิดความรู้สึกอยากจะร่วมหล่อรูปหลวงปู่ในครั้งนี้มาก จึงไปค้นเอาทองคำและเม็ดเงินที่มีญาติโยมทยอยถวายกันมา แม้จะหลังจากการหล่อพระพุทธรูปทองคำไปเรียบร้อยแล้ว ได้ทองต่าง ๆ มารวมแล้วประมาณ ๓ บาท และเม็ดเงินอีก ๓๕ บาท จึงได้นำไปร่วมหล่อในครั้งนี้ ถึงได้ทราบว่าเป็นการหล่อในช่วงเศียรของหลวงปู่โต๊ะ ซึ่งถ้าหากว่าหล่อเสร็จแล้ว แต่ละชิ้นส่วนก็จะนำมาประกอบกันเป็นองค์

คราวนี้หลวงพ่อดำของชาวบ้านนั้น ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะสมถะ แล้วยังเป็นคนที่จริงจังกับงานเป็นอย่างมาก ในความสู้งานของท่านนั้นไม่ต้องพูดถึง แค่การที่มีผู้คนบุกรุกพื้นที่ของวัดถ้ำสิงห์โตทอง จนกระทั่งท่านต้องไปต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ดินของวัดคืนมา มีคดีความกันอยู่กัน ๙ ราย ต้องขึ้นศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา จนชนะทั้ง ๙ ราย ท่านบอกว่ารวมแล้วขึ้นไป ๒๗ ศาลแล้ว ซึ่งยังมีรายอื่นที่ฟ้องร้องกันอยู่อีก ก็ต้องรอดูกันต่อไป

แต่ว่าในส่วนของบุคคลที่สูญเสียประโยชน์ก็พยายามข่มขู่ ตลอดจนกระทั่งทำร้ายด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เพียงแต่หลวงพ่อดำ ท่านก็มีดีในฐานะลูกศิษย์ของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะคุ้นเคยมาก ด้วยสาเหตุที่ว่าบ้านของคุณยายนั้นอยู่หลังไปรษณีย์บางกอกน้อย (สามแยกไฟฉาย) และคุณยายก็ทำบุญอยู่ ๒ วัด ก็คือวัดประดู่ฉิมพลีและวัดปากน้ำภาษีเจริญ เมื่อถึงเวลาก็นำหลาน ๆ ให้ทำบุญที่วัดทั้ง ๒ แห่งนี้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2023 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-01-2023, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยนั้นบรรดาพี่ ๆ ซึ่งทำงานแล้วต่างก็บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่โต๊ะเอาไว้ติดตัว เนื่องเพราะว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่โต๊ะนั้น ดีในเรื่องของเมตตามหานิยมและลาภผลเป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นที่อัศจรรย์ว่าหลวงปู่โต๊ะนั้น ท่านรู้ลึก รู้จริง และเก่งจริงในทุกเรื่อง ดังนั้น..พระปิดตามหาลาภของท่านจึงสามารถที่จะช่วยให้ลูกศิษย์รอดจากอาวุธ ทั้งมีดทั้งปืนมามากต่อมากแล้ว ไม่ใช่ในลักษณะแคล้วคลาดอีกด้วย หากแต่ว่าโดนยิงอย่างชนิดหมดโม่ แต่ว่ากระสุนไม่ระคายผิวแม้แต่นัดเดียว มีแต่เสื้อผ้าที่กลายเป็นรูเท่านั้น..!

ในช่วงนั้นทางบ้านของกระผม/อาตมภาพ ทุกคนที่ทำงานแล้วจึงต้องมีพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะติดตัวกันอยู่ด้วย ซึ่งสมัยนั้นก็มีพระปิดตาพิมพ์จัมโบ้ ตลอดจนกระทั่งพระปิดตาลอยองค์ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เมื่อทางตลาดมีความต้องการมากขึ้น ก็มีผู้มากว้านซื้อไปจนหมด..!

กระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งมีอยู่หลายองค์ ได้ทยอยนำลงในเว็บไซต์ให้ญาติโยมได้ร่วมบุญกัน จนกระทั่งตนเองเหลือแค่พระปิดตาพิมพ์จัมโบ้ของวัดศาลาครืนซึ่งหลวงปู่โต๊ะเป็นผู้เสกให้อยู่แค่องค์เดียว แม้แต่พระผงรุ่นแรก ตลอดจนกระทั่งตะกรุดของหลวงปู่ ก็ได้ปล่อยออกไปจนหมดแล้ว..!

ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำการหล่อรูปของหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว คำว่าเรียบร้อยในที่นี้ ก็คือเสร็จในส่วนของศีรษะตามที่กำหนดเอาไว้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าโบสถ์ไปปลุกเสกเหรียญหลวงปู่โต๊ะ รุ่นซื้อที่ดินวัด ซึ่งหลวงพ่อดำท่านมีดำริที่จะขยายที่วัด แต่ว่าก็เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่าทุกคนที่ขายที่ให้วัด ไม่ว่าจะวัดไหนในประเทศไทยก็ตาม มักจะคิดราคาแพงกว่าการประเมินของทางราชการไปหลาย ๆ เท่า ประมาณว่า "เห็นว่าพระรวย" ว่าอย่างนั้นเถอะ..!

เมื่อเข้าไปก็เจอพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายรูปที่รู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กราบทักทายกันเสร็จ
กระผม/อาตมภาพก็เข้าสู่ที่นั่ง ทำพิธีปลุกเสกกันต่อไป ระหว่างที่พระมหานาคเจริญบทพุทธาภิเษกนั้น กระผม/อาตมภาพก็ยังแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วถ้าเข้าสมาธิก็จะไม่ได้ยินอะไร แต่ว่างานนี้ได้ยินเสียงพระมหานาคสวด แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ว่าไพเราะมาก

กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจส่งใจตามคำสวดไปด้วย กำหนดใจขอบารมีองค์สมเด็จสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย โดยมีหลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นที่สุดไปด้วย ได้โปรดเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ในวัตถุมงคลรุ่นนี้ เมื่อพระท่านอนุญาตแล้ว หลวงปู่โต๊ะท่านก็มาทำพิธีให้ด้วยตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2023 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-01-2023, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพซึ่งระยะนี้ สงสัยอยู่ในเรื่องที่วัตถุมงคลเสด็จกลับ คำว่า "เสด็จกลับ" ในทีนี้ก็คือวัตถุมงคลหลายต่อหลายชิ้น ที่ให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปออกในกระทู้ต่าง ๆ เพื่อร่วมในกองบุญการกุศลของวัด ปรากฏว่าวัตถุมงคลที่รับไปแล้ว มีการหนีกลับมา จึงทำให้กระผม/อาตมภาพสงสัยว่ามาได้ในลักษณะอย่างไร ?

หลวงปู่ท่านอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์มาก ท่านบอกว่าก็แค่วัตถุมงคลแปรสภาพจากวัตถุกลายเป็นพลังงาน แล้วก็ไปยังสถานที่ที่ตนเองต้องการ ไปในลักษณะของคลื่น ก็คืออาศัยแรงกระเพื่อมส่งไป เมื่อไปถึงสถานที่ซึ่งต้องการแล้ว ก็กลับกลายเป็นวัตถุตามเดิมไปเท่านั้นเอง แล้วท่านก็อธิบายต่อว่า แบบเดียวกับวิชานะปัดตลอด ที่เราจะต้องตบแผ่นทองให้ทะลุวัตถุได้ ก็แค่ตบทองให้เปลี่ยนจากวัตถุเป็นพลังงาน เมื่อทะลุวัตถุอื่นลงไปแล้ว ค่อยกลับคืนเป็นวัตถุ คือเป็นแผ่นทองตามเดิม

เมื่อฟังลักษณะนี้แล้ว
กระผม/อาตมภาพก็เข้าใจ จึงกราบเรียนถามต่อไปว่า "แล้วในลักษณะของไสยศาสตร์ที่เขาเสกของใหญ่ ๆ อย่างเช่นว่าหนังควายทั้งผืนให้ไปเข้าท้องชาวบ้านละครับ ?"

ท่านบอกว่า "นั่นก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากว่าผู้ที่ฝึกวิชาไสยศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่แล้วนำไปใช้ในทางที่ผิด สภาพจิตไม่ได้ประกอบด้วยอุเบกขาอย่างแท้จริง จึงไม่สามารถที่จะทำถึงที่สุดได้ แค่เปลี่ยนวัตถุใหญ่ ๆ ให้เล็กเป็นฝุ่น แล้วก็อาศัยแรงอากาศเคลื่อนที่ หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าลมเพลมพัดส่งไป"

ถ้าหากว่ากำลังจิตจดจ่อให้มุ่งไปหาคนใด ก็จะมุ่งไปหาคนนั้น ถ้าไม่ได้จดจ่อมุ่งไปหาคนใด เป็นการปล่อยออกแค่ที่จะระบายความร้อนวิชาของตน วัตถุนั้นจะพุ่งไปปะทะบุคคลที่ดวงตก หรือพูดง่าย ๆ ว่า ช่วงวาระกรรมส่งผล ก็จะเกิดอาการ "ต้องลมเพลมพัด" หรือว่าบางทีหาบุคคลที่วาระกรรมส่งผลไม่ได้ ก็จะกระทบโน่นกระทบนี่ไปเรื่อย

จนกระทั่งมีผู้ที่เคราะห์ไม่ดี ส่งเสียงทักขึ้นมา จึงจะเข้าสู่บุคคลนั้น เมื่อเข้าไปแล้วก็ขยายตัว จากขนาดเล็กเป็นฝุ่นผง กลับคืนสู่สภาพตามเดิม อย่างเช่นว่า กลับคืนมาเป็นตะปูบ้าง กลับคืนมาเป็นหนังควายบ้าง เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2023 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-01-2023, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นได้ว่า ในส่วนของพลังงานบริสุทธิ์ ก็คือพลังจิตที่พระเถระครูบาอาจารย์ท่านบรรจุลงในวัตถุแท้ ๆ สามารถที่จะเปลี่ยนวัตถุทั้งชิ้นให้กลายเป็นพลังงานไปด้วยกัน เพราะว่าสสารทุกอย่างนั้น แกนกลางก็คือพลังงาน เป็นการจับตัวกันของอะตอมระหว่างโปรตอน อิเล็กตรอนกับนิวเคลียส จนกระทั่งหลาย ๆ อะตอมรวมกัน หนาขึ้นมาเป็นวัตถุ เมื่อกลับคืนเป็นพลังงานตามเดิมแล้ว ก็สามารถที่จะเคลื่อนไปที่ได้โดยอาศัยการกระเพื่อม ในเมื่อกระเพื่อมในลักษณะเป็นคลื่นส่งตัวเองออกไปถึงสถานที่แล้ว ค่อยกลับคืนเป็นวัตถุตามเดิม

ส่วนของไสยศาสตร์นั้นไม่สามารถที่จะเปลี่ยนวัตถุเป็นคลื่นได้ทั้งหมด เพราะว่ากำลังใจของผู้ทำไม่บริสุทธิ์พอ จึงสามารถทำได้แค่การย่อวัตถุใหญ่ให้เล็กลงเหมือนกับฝุ่นผง แล้วก็ปล่อยให้ลอยไปตามลมตามอากาศ เคลื่อนที่ไป ผู้ใดเคราะห์ร้าย มีเวรมีกรรมเนื่องกันมา หรือว่าวาระกรรมส่งผลพอดี ผู้นั้นก็จะรับไป

เมื่อคลายสงสัยแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็ดูหลวงปู่ท่านทำการเสกวัตถุมงคล ซึ่งก็คือการใช้พลังงานสอดแทรกเข้าไปในใจกลางของวัตถุ จนกระทั่งพลังงานทุกอย่างประสานกลมกลืนกันหมดแล้ว ถ้าดูด้วยทิพจักขุญาณ ก็จะเห็นความสว่างไสวเสมอกันหมด หลวงปู่ท่านก็บอกว่า "เสร็จเรียบร้อยแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงทำน้ำมนต์ พรมรอบบริเวณพิธีแล้วโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา

ในส่วนที่ลืมไม่ได้ก็คือเทียนน้ำมนต์หรือเทียนชัยนั้น
แต่ละงานกระผม/อาตมภาพจะปั้นเป็นลูกอมเทียนชัย ๑ ลูก ความตั้งใจของตนก็คือว่า จะทำเป็นประคำลูกอมเทียนชัย ถ้าหากว่าครบ ๑๐๘ ลูก ก็แปลว่าตนเองได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกหรือว่าปลุกเสกวัตถุมงคลมา ๑๐๘ ครั้งแล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะเก็บได้ครบสักครา เพราะว่าได้แค่ไม่กี่ลูกก็จะโดนเจ้าตัวเล็กล้วงย่ามเอาไปลงกระทู้เสียก่อนเสมอ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว