กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-02-2023, 20:05
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,642
ได้ให้อนุโมทนา: 216,883
ได้รับอนุโมทนา 747,465 ครั้ง ใน 36,409 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-02-2023, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อครู่ที่เห็นมากันวุ่นวายก็คือพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท เช่น พระครูโกศลธรรมรัตน์ (ประพันธ์ จิตฺตกโร) เจ้าอาวาสวัดวังน้ำเขียว รองเจ้าคณะอำเภอกำแพงแสน

พระครูปิยธรรมพิมล (สมควร ปิยํกุโร) เจ้าอาวาสวัดบางปลา รองเจ้าคณะอำเภอบางเลน

พระครูวิสุทธิ์ธีรคุณ (ธีระ จิตฺตวิสุทฺธิ) เจ้าอาวาสวัดห้วยม่วง ต้องบอกว่าพรรคพวกไม่ได้รู้ข่าวว่ากระผม/อาตมภาพป่วย แต่ว่าไปซื้อหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สังขละบุรี ขากลับก็แวะมาเยี่ยมเยือนกันตามประสาคนที่คุ้นเคย

คราวนี้จากระยะเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เห็นพระภิกษุสามเณร แม่ชี ฆราวาสของเราแล้วบางทีก็กลุ้มใจ คือระยะเวลาที่ว่างเว้นจากเสียงธรรม ควรจะเป็นเวลาที่เราเร่งรัดตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดาข้อธรรมต่าง ๆ นั้น ถ้าส่วนไหนสะดุดใจของเราแล้วนำไปใช้งานได้ ก็แปลว่ากำลังใจของเราพร้อมที่จะรับเอาข้อธรรมตรงจุดนั้นมาเป็นสมบัติของตนเอง ก็มีแต่ต้องรีบเร่งในการที่จะกอบโกยเอามาให้ได้

แต่ว่าท่านทั้งหลายกลับมาตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่า เมื่อไรจะมีเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนใหม่ ซึ่งเป็นการวางกำลังใจที่ผิด ถ้าเป็นเด็กสมัยนี้ที่ซื้อหนังสือก็จะบอกว่า "กองดอง" ก็คือกองเอาไว้ ดองเอาไว้ก่อน ไม่มีโอกาสได้ใช้งาน แล้วรับของใหม่เข้าไปจะมีประโยชน์อะไร ? ในเมื่อของเก่าไม่ทันที่จะเคี้ยว ยังไม่ทันที่จะกลืน ยังไม่ทันที่จะย่อยสลายให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง รับเอาของใหม่เข้าไปก็ล้นเกินเสียเปล่า ๆ

ดังนั้น..พระภิกษุสามเณร แม่ชี ตลอดจนกระทั่งฆราวาสในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นเพียงผู้ศึกษาธรรมเท่านั้น แถมศึกษาแล้วยังแบกเอากิเลสไปอวดชาวบ้านเขาอีก ก็คือคิดว่าตนเองนั้นรู้มาก เข้าใจหลักธรรมได้มาก แต่เป็นการศึกษาในลักษณะของปริยัติ คือเรียนรู้เท่านั้น ไม่ได้นำไปปฏิบัติจนกระทั่งเกิดผล แล้วก่อให้เกิดปฏิเวธ คือการใช้ผลให้เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นอย่างแท้จริง

ตรงจุดนี้เป็นจุดที่พวกเราทุกคนสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไข ท่านทั้งหลายที่อยู่กันมาเก่า ๆ อาจจะเคยได้ยินกระผม/อาตมภาพบอกกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า สมัยที่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพฟังสิ่งที่ท่านสอนเป็นคำสั่ง ก็คือท่านสั่งให้ทำ เราต้องทำตาม ไม่ใช่ฟังเป็นคำสอนเหมือนกับคนอื่นเขา ถ้าเราฟังเป็นคำสอนก็คือจะทำเมื่อไรก็ได้ แล้วแถมยังแบกกิเลสใส่หัวไปอีกว่าเรารู้มาก ฟังหลวงพ่อมามากแล้ว แทนที่จะลดกิเลสลง ก็กลายเป็นเพิ่มกิเลสมากขึ้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2023 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-02-2023, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านทั้งหลายที่ไปตามราวีบุคคลที่ให้คำแนะนำ แม้ว่าจะเป็นคำแนะนำในทางโลก ๆ ก็ตาม แต่ท่านเห็นแล้วไม่ชอบใจ ก็ไปตามต่อว่า ไปตามคอมเม้นท์ ไปตามถล่มยันเฟซบุ๊กของเขา..! สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าพิจารณาในแง่ของผู้ปฏิบัติธรรม ก็คือ กำลังก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งกาย ทั้งวาจา และทั้งใจ

ถ้าท่านทั้งหลายเข้าไปดูคอมเม้นท์ใต้คลิปเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เมื่อได้รับคำแนะนำมา กระผม/อาตมภาพจะตอบกลับไปพอเหมาะพอดีกับบุคคลนั้น ๆ อย่างเช่นที่เขาบอกว่าให้พักผ่อน ให้มีเวลาเป็นของตนเอง ให้คนอื่นไปทำงานแทน กระผม/อาตมภาพเองก็เข้าใจว่าเขาไม่ได้มาเห็นว่ากระผม/อาตมภาพทำงานอย่างไร ถึงได้ให้คำแนะนำผิด ๆ มีใครไม่อยากพักบ้าง ? ทุกวันนี้ถึงได้กล่าวว่า ถ้าหากว่าใครเป็นโรคนอนไม่หลับ กระผม/อาตมภาพนี่อิจฉามาก เพราะว่าตัวเอง หัวถึงหมอนก็สลบไสล พักไม่เคยพอสักวัน

เนื่องเพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ทำไปนั้นมีตำแหน่งเป็นเครื่องรองรับและบังคับอยู่ อย่างเช่นว่า ต้องประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ถ้าตัวกระผม/อาตมภาพที่เป็นประธานสภาไม่ไปประชุม แล้วคนอื่นเขาจะทำอะไรได้ ? ประชุมคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน แล้วประธานชุมชนต้นแบบอย่างกระผม/อาตมภาพไม่เข้าประชุม งานเขาจะไปได้ไหม ? หรือถ้าหากว่าเขานิมนต์ไปพุทธาภิเษก ไม่ได้นิมนต์เปล่า มีกำชับมาตอนท้ายด้วยว่า "กราบอาราธนามาด้วยความเคารพนับถือเป็นส่วนตัว ถ้าขัดข้องไม่ต้องส่งผู้แทน" แล้วจะให้ใครไปแทนได้ ???

เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพคุยโทรศัพท์กับท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) ประธานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ท่านก็บอกว่า "คิดว่าจะมาประชุมด้วยกัน" จึงได้กราบเรียนท่านไปว่า "เขานิมนต์ไปพุทธาภิเษกพระกริ่งจอมสุรินทร์ หาคนแทนไม่ได้จริง ๆ ครับ ถึงต้องทิ้งงานประชุมของพระเดชพระคุณไป"

ดังนั้น..ในส่วนนี้ที่กระผม/อาตมภาพตอบคอมเม้นท์เขาไป ถึงได้บอกว่า ถ้าเป็นปลาก็อย่าได้บังอาจแนะนำว่าเต่าควรจะอยู่บนบกอย่างไร เพราะว่าปลาไม่มีวันที่จะรู้หรอกว่าบนบกมีสภาพอย่างไร นอกจากคิดว่า คาดว่า เดาเอาเองไปเรื่อย ๆ

ในเมื่อเห็นคนอื่นให้คำแนะนำในลักษณะอย่างนั้น แทนที่จะโกรธ เราควรที่จะสงสารเขา ไม่ใช่ไปตามราวี ไปตามถล่มเสียจนเละเทะแบบนั้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังใจของพวกเรานั้นแย่มาก..! สิ่งที่กระผม/อาตมภาพสอนไปไม่ได้เอาไปใช้งานจริงเลย บอกไม่ทราบกี่ครั้งแล้วว่า ตัวเราอย่าเป็นทุกข์เป็นโทษต่อผู้อื่นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-02-2023 เมื่อ 08:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-02-2023, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองถ้าไม่ได้อยู่ในฐานะครูบาอาจารย์ จะไม่เสียเวลามาด่าคนอื่น พวกท่านทั้งหลายที่อยู่ในวัด ก็จะเห็นว่าบุคคลบางคนประเภทสอนไม่ได้ หรือสอนไปแล้วไม่จำ ท้ายสุดกระผม/อาตมภาพก็ยกให้ในฐานะปาปมุต ก็คือกูเลิกยุ่งกับมึงไปเลย เพราะว่าสอนไปก็เหนื่อยเปล่า บอกไปก็จะจำแค่ครึ่งวัน หรือไม่ก็สอนไปเท่าไร ก็แค่ฉลาดแต่ไม่มีเฉลียว ประมาณว่านาคสองคนดูแลพระแค่สิบกว่ารูป หัวถึงท้ายไม่เคยดูแลได้ทั่ว กระผม/อาตมภาพก็เลิกพูดไปนานแล้ว ยังดีที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "เป็นปลาอย่าได้แนะนำเต่าให้อยู่บนบกอย่างไร" ถ้าไม่เกรงใจจะบอกว่า "เป็นควายแล้วอย่าไปแนะนำนกว่าควรที่จะบินอย่างไร..!"

เพราะฉะนั้น..สิ่งหนึ่งประการใดที่กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวแก่พวกเราไปนั้น เจตนาจริง ๆ ที่มุ่งหวังก็คือให้พวกเรา "ทำได้" ไม่ใช่ "จำได้" การจำได้เป็นแค่สัญญาเท่านั้น แล้วจะก่อให้เกิดกิเลสอีกต่างหากว่าเราเป็นคนรู้มาก แต่ถ้าเราทำได้นี่จะเป็นปัญญา ก่อให้เกิดประโยชน์แก่พวกเรามาก แล้วเราจะได้รู้ว่า ก้าวต่อไปเราควรจะไปต่อในด้านไหน ไม่ใช่กี่ปี ๆ ก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วมีแต่ถอยหลัง ไม่มีขึ้นหน้า..!

ดังนั้น..ระยะเวลาที่ผ่านมา ควรจะเป็นช่วงที่พวกเราทบทวนตัวเองและกอบโกยความดีใส่ตัวให้มากที่สุด ไม่ใช่แหงนคอรอคอยว่าเมื่อไรหลวงพ่อจะบันทึกเสียงธรรมให้ฟังอีก ไอ้ลักษณะทำตัวเป็นลูกนกไม่รู้จักโต อ้าปากรอแต่แม่ป้อน ก็อาจจะตายเปล่าไปอีกหลายชาติ..!

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าสภาพจิตของพวกเรายังหยาบอยู่ ก็จะคิดไม่ถึง มองไม่เห็น แล้วหลายคนสภาพจิตที่หยาบกระด้าง ทำให้คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์เข้าไม่ถึงใจอีกต่างหาก เกิดอาการต่อต้าน ประมาณว่าเรื่องนี้กูรู้แล้ว แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ไอ้รู้แล้วกับทำได้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน..!

รู้แล้วเป็นแค่ปริยัติ ก็คือการศึกษา เมื่อศึกษาแล้วต้องปฏิบัติให้เกิดผล ถึงได้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม ภาษาบาลีว่าธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ก็แปลว่าสิ่งที่เราคิด คำที่เราพูด กายที่เราทำ จะต้องเป็นไปในลักษณะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เป็นคนไม่มีกำมือ ก็คือไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ถ้าหากว่าเป็นหลักธรรมาภิบาลก็คือโปร่งใสและตรวจสอบได้

ให้พวกเราเอาไปพินิจพิจารณาว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดมานั้นใช่หรือไม่ใช่ ? ถ้าหากว่าใช่แล้วควรที่จะปฏิบัติตามหรือไม่ ? ไม่ใช่คิดแต่จะรอฟังว่าวันนี้หลวงพ่อจะพูดเรื่องอะไร จะเล่าเรื่องอะไร แล้วไม่เคยที่จะนำไปขบคิดให้เป็นหลักธรรมที่เกิดประโยชน์แก่ตนเองเลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2023 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว