กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-03-2023, 18:21
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,624
ได้ให้อนุโมทนา: 216,927
ได้รับอนุโมทนา 747,677 ครั้ง ใน 36,412 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-03-2023, 22:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,168 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันที่สองของโครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ วันนี้ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงปู่พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านเดินทางมาเป็นวิทยากรบรรยายให้ในช่วงบ่าย

พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านก็อายุกาลพรรษาถึง ๙๐ ปีแล้ว ช่วงสองปีที่ผ่านมาก็เจ็บไข้ได้ป่วยจนกระทั่งไม่สามารถที่จะรับกิจนิมนต์ที่ไหนได้ แต่เมื่อทราบว่ามีการปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้ง ๑๒๐ สำนัก ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ท่านก็เต็มใจที่จะมาบรรยายถวายความรู้ให้ โดยมีรถประจำตัวซึ่งมีบุคคลช่วยเข็นเข้ามาให้จนถึงกลางศาลา

แม้ว่าหลวงปู่ท่านจะอายุกาลพรรษามาก แต่ด้วยความที่เคยทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ถึงระดับเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เคยเรียนบาลีจนสอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค และที่สำคัญก็คือท่านปฏิบัติธรรมแบบสัมมาอะระหังตามสายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

เมื่อครั้งแรก ๆ ที่กระผม/อาตมภาพจับได้ว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระกรรมฐาน แล้วกระซิบถามท่านว่า "ใช่อย่างที่กระผมว่าหรือไม่ ?" หลวงปู่ท่านตอบด้วยการเขกหัวให้โป๊กเบ้อเร่อ..! แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา เจอหน้าเมื่อไรก็ได้มะเหงกเป็นรางวัล พร้อมกับกำชับว่า "เอ็งอย่าเที่ยวไปบอกใครเชียวนะ"

งวดนี้เมื่อท่านทราบว่าเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั้นมาปฏิบัติรวมกัน ท่านก็อยากที่จะแนะนำแนวทางการปฏิบัติกรรมฐานให้ จึงได้เมตตาเดินทางมาบรรยายถวายความรู้ โดยที่บอกกล่าวแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหมดว่า ข้อใหญ่ใจความที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนพวกเราก็คือ ให้สร้างกองบุญการกุศลจนกว่าจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน บุญใหญ่ที่พระพุทธเจ้าสอนเราก็คือ ทาน ศีล ภาวนา ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2023 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-03-2023, 22:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,168 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยการที่เราจะพิจารณาว่าข้อธรรมคำสอนนั้นใช่ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ? หลวงปู่ท่านให้ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าให้เราทำนั้นเป็นของง่าย แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้เราทำนั้นเป็นของยาก ดังนั้น..เราจึงควรที่จะทำของง่าย อย่าไปทำของยาก

อย่างเช่นว่าการให้ทานนั้นเป็นของง่าย แต่การลักขโมยฉกฉวยช่วงชิงของคนอื่นนั้นเป็นของที่ทำได้ยาก การให้ทาน เรานึกอยากให้เมื่อไรเราก็ให้ได้เลย แต่การที่จะลักขโมยคนอื่นนั้น ต้องดูลู่ทาง ดูเวลาที่เหมาะสม ดูว่าเมื่อไรเจ้าของจะเผลอ ดูว่ามีคนและสัตว์เฝ้ารักษาหรือไม่ ? เป็นต้น

หรืออย่างเช่นว่าพระองค์สั่งเราห้ามฆ่าสัตว์ การที่เราไม่ฆ่าสัตว์ก็คือไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแต่งดเว้นการฆ่าเท่านั้น แต่ถ้าเราต้องไปฆ่าคน ไปฆ่าวัว ไปฆ่าควาย เป็นการกระทำที่ยากเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าให้ทำจึงเป็นของง่าย สิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามทำจึงเป็นของยาก

ที่สำคัญที่สุดสำหรับนักปฏิบัติก็คือให้เจริญเมตตาอยู่เสมอ เพราะว่าจิตใจของเราเหมือนกับปลา เมตตาเหมือนกับน้ำสะอาดที่ชุ่มเย็น ปลาสามารถอยู่อาศัยเจริญเติบโตได้ดี ถ้าหากว่าเราไปโกรธคนอื่น ก็กลายเป็นเอาน้ำเดือดมาใส่ใจ ปลาก็ย่อมจะต้องเดือดร้อนจนถึงขนาดตายไปเลยก็มี หรือว่าถ้าเราเกลียดคนอื่น ก็เอาน้ำเน่ามาใส่ใจ ปลาที่ไหนจะอยู่ได้นาน ? ท่านถึงได้เปรียบเอาไว้ว่า
กำลังใจเหมือนกับปลา เมตตาเหมือนกับน้ำ ปลากับน้ำต้องอยู่ด้วยกัน จึงจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรมได้ง่าย

หลักการปฏิบัติธรรมก็ให้ยึดในแนวของโพชฌงค์ ๗ ก็คือประกอบไปด้วย สติสัมโพชฌงค์ ระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราจะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม ในส่วนของธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก อยากจะทำข้อไหนก็เลือกหยิบจับเอาข้อธรรมที่เราปฏิบัติได้ง่ายขึ้นมาแล้วลงมือทำ ซึ่งก็คือวิริยสัมโพชฌงค์ เมื่อพากเพียรทำไปก็จะเกิดปีติสัมโพชฌงค์ ความอิ่มเอิบใจ แล้วประกอบไปด้วยปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ก็คือความสงบย่อมเกิดขึ้น

สมาธิสัมโพชฌงค์ ความที่จิตใจตั้งมั่น ทำให้กิเลสแทรกแซงไม่ได้ก็เกิดขึ้น ก่อให้เกิดอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ก็คือการปล่อยวาง ไม่ยินดียินร้ายทั้งในสิ่งที่ดีและสิ่งที่ชั่ว เราก็จะสามารถดึงกำลังใจของเราให้ห่างไกลจากกิเลส ถ้าหากว่าห่างไกลออกมามาก ๆ ไม่ไปปรุงไปแต่ง ท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้พวกเราทั้งหลาย สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-03-2023, 22:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,168 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนในเรื่องของการที่เรามาอบรมภาวนาอยู่ในที่นี้ ในเมื่อจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติภาวนาก็ว่าเรื่องสมาธิให้เต็มที่ไปเลย ไม่ว่าตั้งแต่การบริกรรม การที่เราเกิดนิมิต การที่เราเข้าสู่ปีติ การที่เราเข้าสู่องค์ฌาน ขอให้ทุกคนพยายามซักซ้อม ทำให้คล่องตัวเข้าไว้ เพราะว่าการที่เราจะเป็นผู้นำชาวบ้านนั้น เราจะต้องมีฤทธิ์ คำว่าฤทธิ์ในที่นี้ก็คือปฏิบัติธรรมจนเห็นผล

ตรงจุดนี้พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเจอหน้ากระผม/อาตมภาพทีไร มักจะบอกกล่าวแก่ผู้อื่นรอบข้างว่า ท่านไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง แม้ว่าคนจะเลื่องลือว่าหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุงมีฤทธิ์เป็นที่อัศจรรย์ ในเมื่อท่านไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง ท่านไม่สามารถที่จะยืนยันได้

แต่ว่าท่านดูจากลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งหลายที่ออกมาอยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) แห่งวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ก็ดี ท่านเจ้าคุณองอาจ (พระภาวนาประชานุกูล วิ.) แห่งวัดวีระโชติธรรมารามก็ดี หลวงพ่อชลอ (พระครูสาครสิทธิวิมล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ก็ตาม หรือว่าหลวงพ่อวิรัช (พระปลัดวิรัช โอภาโส) วัดธรรมยาน และแกด้วย คำว่า "แกด้วย" ในที่นี้ก็คืออาตมภาพเอง

ท่านจะบอกว่า ดูจากพวกแกก็รู้แล้วว่าหลวงพ่อท่านมีฤทธิ์แค่ไหน บุคคลที่ไม่มีฤทธิ์ไม่สามารถอบรมลูกศิษย์ประเภทนี้ออกมาได้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อมีฤทธิ์ ไปอยู่ที่ไหนก็สามารถที่จะเสริมสร้างสถานที่นั้นให้งดงาม เจริญขึ้นมาเหมือนกับเนรมิต คนไม่มีฤทธิ์สร้างลูกศิษย์แบบนี้ไม่ได้ ดังนั้น..ท่านจึงเชื่อว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมีฤทธิ์จริง แม้ว่าจะไม่เคยสัมผัสด้วยตนเองก็ตาม

ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าหลวงปู่ท่านอายุถึง ๙๐ ปีแล้ว แต่ว่าสมองยังคงแจ่มใส ไม่มีการหลงลืม สามารถบรรยายเรื่องราวให้เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้ฟังอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุเป็นผล เป็นวิธีการที่ง่าย ๆ ฟังแล้วเหมือนกับทำได้เลยในตรงนั้น หลวงปู่ท่านใช้เวลาไปถึง ๑ ชั่วโมง ๒๕ นาที แล้วท่านถึงได้สรุปจบและขออนุญาตลากลับไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2023 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-03-2023, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,168 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกระผม/อาตมภาพส่งหลวงปู่ท่านกลับแล้ว หันมาสอบถามบรรดาพระวิปัสสนาจารย์และผู้เข้าปฏิบัติธรรมทั้งหลายว่าจำได้บ้างหรือไม่ ว่าหลวงปู่ท่านเทศน์ท่านบรรยายเรื่องอะไรไป ? พระวิปัสสนาจารย์ท่านบอกว่าจำได้ ๑๐ นาทีแรก หลังจากนั้นแล้วก็สับสนไปหมด ส่วนบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีใครรับว่าจำได้หรือไม่ได้

กระผม/อาตมภาพจึงต้องทบทวนเนื้อหาข้อใหญ่ใจความให้ท่านทั้งหลายได้ฟังอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะตรงจุดที่ท่านบอกว่า ให้แนะนำญาติโยมทั้งหมดสวดมนต์ภาวนา สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยทุกวัน เพราะว่าคนเรานั้นเกิดมาก็ผูกกรรมกับกลุ่มบุคคลจำนวนมาก บุคคลทั้งหลายเหล่านี้ เวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ทุกข์ไปด้วย อย่างเช่นปู่ย่าตายาย พ่อแม่ เป็นต้น อีกคณะหนึ่ง ถ้าหากว่าท่านเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็พลอยทุกข์ใจ อย่างเช่นว่าครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง อีกส่วนหนึ่งก็คือบุคคลที่เรารักมาก และเป็นครอบครัวของเรา อย่างเช่น สามีภรรยา บุตรหลาน เป็นต้น

กลุ่มคนทั้งหลายเหล่านี้ผูกกรรมกับเรามา เราสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ขอบารมีพระช่วยสงเคราะห์ อย่าให้เคราะห์กรรมมาถึงท่านทั้งหลายเหล่านั้น เราจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ ถ้าหากว่าใครสามารถทำได้อย่างนี้เป็นประจำทุกวัน ครอบครัวก็จะเจริญรุ่งเรือง มีความสุขความเจริญทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติอะไรมาก แค่แนะนำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เท่านั้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่กระทำได้ง่าย สมัยก่อนพระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี ท่านก็แนะนำญาติโยมทั้งหลายของท่านให้ปฏิบัติในลักษณะอย่างนี้ แต่ท่านบอกว่าให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้องเท่าอายุ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเข้าใจดีว่า การที่บังคับให้สวดเท่าอายุ ก็เพื่อที่คุณภาพของจิตจะได้เป็นสมาธิมากขึ้น เพราะว่าต้องใช้ระยะเวลาในการสวดที่ค่อนข้างนาน กำลังสมาธิของเรายิ่งสูงเท่าไร ผลานิสงส์ที่จะพึงได้ก็มีมากเท่านั้น

ในเมื่อผลานิสงส์มีมาก การส่งผลที่เป็นวิบากในด้านกุศลก็ย่อมมีมากไปด้วย จึงทำให้หลาย ๆ คนที่วิบากกรรมกำลังส่งผลอยู่นั้นพ้นจากวิบากกรรมทั้งหลายเหล่านั้นไปได้
ด้วยการสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย บวกกับบทพาหุงฯ คือพระพุทธเจ้าชนะมาร ๘ บท และบทชยมงคลคาถา ที่เรียกสั้น ๆ ว่ามหากาฯ เพราะว่าขึ้นต้นด้วย มหาการุณิโก นาโถฯ

ดังนั้น..บรรดาเจ้าสำนักทั้งหลายวันนี้ จึงได้รับเคล็ดลับต่าง ๆ จากหลวงปู่ท่านไป ถ้าหากว่านำไปฝึกฝน ขัดเกลา และสั่งสอนแก่ญาติโยม ถ่ายทอดแก่ญาติโยมต่อไป ก็จะทำให้สำนักของตนเองเจริญมั่นคงได้อย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2023 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว