กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-04-2023, 18:03
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-04-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,984 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันหยุดราชการ เนื่องจากเป็นวันจักรี ซึ่งก็คือวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์นั่นเอง

กระผม/อาตมภาพมีภารกิจในการร่วมปลุกเสกวัตถุมงคล ๘๕ ปี หลวงปู่ตี๋ ขนฺติโก วัดหูช้าง หรือในสมณศักด์ก็คือพระครูสุวรรณโชติวุฒิ

เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฏว่าหลวงปู่ตี๋ท่านอยู่กับพระครูโกศลธรรมานุสิฐ (ประสิทธิ์ อโสโก) เจ้าอาวาสวัดสวนหงส์ รองเจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี พอเห็นหน้า ท่านก็ทักเลยว่า "อ้าว...วัดท่าขนุนมาแล้ว" ซึ่งความจริงแม้ว่ากระผม/อาตมภาพพอที่จะมีหน้าตาปรากฏอยู่ในยุทธจักรอยู่บ้าง แต่ว่าใส่หน้ากากกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไปด้วย แล้วหลวงปู่ท่านอายุกาลพรรษาถึง ๘๕ ปีแล้ว แต่ปรากฏว่านอกจากยังแข็งแรงแล้ว ความจำยังดีมากขนาดนี้อีกด้วย..!

เมื่อกราบท่านแล้วนั่งรอสักครู่หนึ่ง บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ก็ทยอยกันมา ประกอบไปด้วย หลวงพ่อนงค์ (พระครูสุนทรธรรมาภิรักษ์) เจ้าอาวาสวัดวัดบางน้ำชน ที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตธนบุรี ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี โดยที่หลวงปู่โต๊ะท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) เพื่อนฝูงที่รู้จักกันมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว เจอหน้าก็เสียงดังคับโบสถ์อยู่เหมือนเดิม

เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่มานิมนต์ขึ้นนั่ง ปรากฏว่าเจอพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย ท่านบอกว่ามาแทนหลวงปู่ลำพวน(ท่านเจ้าคุณพระสุเมธมุนี) เจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก (พระครูสมบูรณ์จริยธรรม) ลูกศิษย์หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก

แล้วก็หลวงพ่อสุรศักดิ์ (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดประดู่พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม

หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์ (ท่านเจ้าคุณพระนันทวิริยาภรณ์)

แล้วก็ปิดท้ายด้วยหลวงปู่ตี๋ ซึ่งท่านนั่งเป็นประธานในฐานะเจ้าของงานเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-04-2023, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,984 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น กระผม/อาตมภาพส่งจิตขึ้นกราบพระตามปกติ ก็เจอหลวงปู่กี๋ (ท่านพระครูกิตตินนทคุณ) ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะบอกกล่าวถึงสมณศักดิ์ของท่านได้ถูกต้องหรือไม่ ? เพราะว่าเนิ่นนานมามากแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้บวช ในสมัยนั้น กระผม/อาตมภาพก็เสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่าน มาถึงสมัยนี้ หลวงปู่ตี๋รับเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่กี๋ หลวงปู่กี๋ท่านก็มาสงเคราะห์ลูกศิษย์ของท่าน ช่วยเสกวัตถุมงคลในพิธีให้

ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องบอกว่า ฉวยโอกาสอู้ตามเคย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเวลาครูบาอาจารย์ท่านมา ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ขอให้ทำอะไร ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นั่งมองเฉย ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่มีตัวตนนั้น ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็คล่องตัว และประกอบไปด้วยอานุภาพมากกว่าที่
กระผม/อาตมภาพทำเองหลายเท่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะไปทำให้เหนื่อยทำไม !?

หลังจากเสร็จสรรพเรียบร้อย พรมน้ำมนต์ โปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา บรรดาท่านที่เป็นเจ้าภาพของถวายแต่ละพระเกจิอาจารย์ ก็แทรกเข้ามาถวายปัจจัยไทยธรรม ซึ่งตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะชุลมุน เพราะว่ามณฑลพิธีอุโบสถวัดหูช้างก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก ในเมื่อเจ้าภาพแทรกเข้ามาแล้ว บรรดาคนขับรถหรือว่าผู้ติดตามพระเถระก็ต้องแทรกเข้ามาด้วย เพื่อรับของต่อจากหลวงปู่หลวงพ่อของตน จึงมีความวุ่นวายเล็กน้อย

เมื่อทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพกราบลาพระมหาเถระทุกรูป แล้วก็บอกลาบรรดาเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกัน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นลูกศิษย์เรียน มจร. วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี จนทำให้กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่า ตัวเราเองที่กลายเป็นที่รู้จักของบรรดาพระภิกษุสามเณรจำนวนมากนั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรศรีไพบูลย์ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี และวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ

จึงทำให้บรรดาพระสังฆาธิการ ตลอดจนกระทั่งพระระดับปฏิบัติงานในระยะนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่พรรคพวกเพื่อนฝูงก็เป็นลูกศิษย์ไปเสียหมด เดินทางไปที่ไหนก็ต้องรับไหว้เขาไปตลอดทาง ซึ่งการที่เขารู้จักนั้น ก็รู้จักในฐานะอาจารย์ผู้ที่สอนในวิทยาลัยสงฆ์ ไม่ได้รู้จักในฐานะพระเกจิอาจารย์ที่ไปปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะว่าเป็นอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-04-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,984 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ เนื่องจากว่าตรงกับวันจักรี ญาติโยมทั้งหลายที่ไม่รู้ว่า วันจักรีนั้นเป็นวันเดียวในรอบปี ที่เขาเปิดปราสาทพระเทพบิดรให้พวกเราเข้าไปถวายสักการะพระบรมรูปในหลวงในพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๙ ในเมื่อมีโอกาสเพียงวันเดียว เราท่านทั้งหลายควรที่จะหาโอกาสสักปีหนึ่งเข้าไปกราบเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของเรานั้น ท่านเอาเลือดเนื้อและชีวิต ในการปกป้องรักษาแผ่นดินนี้ให้เราได้อยู่สุขอยู่สบายมาจนทุกวันนี้ บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เขาเองไม่มีความรู้สึกร่วมในตรงจุดนี้ แล้วยังอ้างหลักประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยของเขานั้น ส่วนใหญ่ก็คือต้องทำตามที่กูว่า ถ้าหากว่าไม่ทำตามกูว่าก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย ในเมื่ออ้างประชาธิปไตยแล้ว ก็มากล่าวว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญ..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า บรรดาชาติประชาธิปไตยต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปหรือว่าอเมริกาก็ตาม ล้วนแล้วแต่ลำบากเดือดร้อนไปตาม ๆ กันจาก "ประชาธิปไตยปากว่า" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหลักการปกครอง ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีงาม ตามที่ได้เขียนหรือได้กำหนดแนวทางเอาไว้ สิ่งที่จะทำให้หลักการปกครองนั้นดีงามหรือไม่ดีงามนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำหลักการนั้นไปใช้ต่างหาก

ดังนั้น..ท่านจะเห็นว่าหลักการประชาธิปไตย คือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ถ้าลักษณะแบบนี้ ในหมู่โจรถ้าเสียงข้างมากบอกว่าให้ไปปล้นคนอื่นเขากิน ก็แปลว่าเสียงข้างมากนั้นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น แต่ก็เป็นเสียงข้างมากตามหลักประชาธิปไตย คือเอาเสียงส่วนใหญ่เข้าว่า แล้วถ้าท่านสังเกตจะเห็นว่าระบอบเผด็จการ โดยเฉพาะสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยของเราเจริญที่สุดในเอเซีย ขนาดญี่ปุ่นยังต้องมาศึกษาทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการรถไฟในบ้านเราเมืองเรา

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประชาธิปไตยก็ดี หรือว่าในเรื่องของอัตตาธิปไตย ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าเผด็จการก็ตาม ความดีความชั่วจึงไม่ได้อยู่ที่ระบอบ หากแต่อยู่ที่คนนำไปใช้ ส่วนธรรมาธิปไตย คือการถือธรรมเป็นใหญ่นั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีแท้ ถูกต้องอย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-04-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,984 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสสรรเสริญระบอบการปกครองอะไรว่าดีเลย หากแต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายถือเสียงส่วนมากเป็นใหญ่ ที่เรียกว่าประชาธิปไตยก็ดี หรือว่าโลกาธิปไตยก็ตาม พระองค์ท่านก็ประทานหลักอปริหานิยธรรม ๗ ให้ไปประกอบกับหลักการนั้น ๆ เพื่อที่จะเป็นการนำเอาธรรมาธิปไตยเข้าไปควบคุม ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นพวกมากลากไป

ถ้าหากว่าเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่ว่าจะเป็นระบอบจักรพรรดิ หรือว่าระบอบพระมหากษัตริย์ก็ตาม พระองค์ท่านก็มีจักรวรรดิวัตร มีทศพิศราชธรรมไปประกอบให้ระบอบนั้น ๆ เป็นธรรมาธิปไตยขึ้นมา

เราจึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว แต่ว่าก็มีการที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในลักษณะที่ทำให้ท่านทั้งหลายรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบอบการเลือกตั้งของบ้านเรา เพราะว่าตอนที่จะให้เราเลือก เขาก็พยายามเสนอโครงการดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่พอถึงเวลาเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็กระทำเพื่อพวกพ้องและตัวกู..!

แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอให้ทุกท่านทำใจว่า
เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในระบอบประชาธิปไตย เพราะว่าประชาธิปไตยบ้านเรานั้นเพิ่งจะผ่านมาแค่ ๘๐ ปีเศษเท่านั้น บรรดาประเทศประชาธิปไตยที่ผ่านมาเป็นร้อย ๆ ปี ทุกวันนี้ยังวุ่นวายไม่รู้จักแล้ว ระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งหัดตั้งไข่ในบ้านเรา จะเอาให้ดีเหมือนอย่างกับที่คนอื่นเขายกหน้าฉากมาให้เราดู ย่อมเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหน้าฉากสวย ๆ นั้นล้มลงไป เราก็จะเห็นความน่าเกลียดน่าชัง ของบรรดาประเทศที่อ้างหลักประชาธิปไตยเช่นกัน

แต่ถ้าท่านทั้งหลายทอดธุระ ไม่ไปแสดงออกซึ่งพลังของตน ก็จะทำให้บุคคลที่ไม่ดีเข้ามามีอำนาจในการปกครองได้ง่าย เราท่านต้องไม่ลืมพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า "เราต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในการปกครองเหนือคนไม่ดี ไม่เช่นนั้นแล้วคนไม่ดีก็จะมาสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติของเรา" แม้ว่าตัวเลือกในมือของเราไม่ได้มีมากนัก ก็พยายามเลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ เมื่อพัฒนาการนี้ผ่านไปนาน ๆ เข้า ระบอบต่าง ๆ เริ่มลงตัว ประชาธิปไตยที่ท่านทั้งหลายปรารถนาก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว