กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-06-2023, 20:16
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,069 ครั้ง ใน 829 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-06-2023, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ระยะนี้มีสารพัดเรื่องในวงการสงฆ์ เนื่องเพราะว่าปัจจุบันนี้มีบุคคลประเภทที่วัยรุ่นเรียกว่า "ตัวตึง" ค่อนข้างจะมาก อย่างเช่นที่กล่าวว่า "ครูของเราคือพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระไตรปิฎก" ซึ่งเรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายขาดความรู้และฟังเผิน ๆ ก็จะเข้าใจไปตามนั้น

คราวนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ก่อนปรินิพพานนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา นี่คือพระพุทธวจนะที่พระองค์ท่านกล่าวไว้ชัดเจนที่สุดว่า "ดูกร..อานนท์..ธรรมและวินัยอันใดที่ตถาคตแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยอันนั้นจักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย เมื่อเราตถาคตได้ล่วงลับไปแล้ว" เกิดจากการที่พระอานนท์ปริวิตกว่า เมื่อสิ้นองค์พระศาสดาไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายจะอยู่กันได้อย่างไร ? พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสตอบเอาไว้ชัดเจน

คราวนี้ "ตัวตึง" ท่านนั้นที่กล่าวว่าครูของเราคือพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระไตรปิฎก ถ้าเป็นไปได้ อยากจะเรียนถามท่านสักหน่อยว่า "ในปัจจุบันนี้จะให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาแสดงธรรมแก่พวกเราอย่างไร ? กรุณาช่วยตอบให้ชัดเจนด้วย"

เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ ก็ล้วนแล้วแต่ปฏิบัติตามแนวทางในพระไตรปิฎก ซึ่งมีการย่นย่อลงมาเป็นวิสุทธิมรรค เกิดจากอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ ผ่านการศึกษาพระไตรปิฎกมาและปฏิบัติจนเกิดผลดีแล้ว จึงได้เขียนเป็นวิสุทธิมรรคขึ้นมา ก็แปลว่าในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะได้รับคำสอนจากครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตาม คำสอนนั้นก็มาจากวิสุทธิมรรค หรือว่าพระไตรปิฎกทั้งสิ้น

วิสุทธิมรรคนั้นก็คือพระไตรปิฎกโดยย่อ เน้นเอาเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติ คือมีส่วนของสีลนิทเทส สมาธินิทเทส และปัญญานิทเทส รวมแล้ว ๓ นิทเทสหรือว่า ๓ บทด้วยกัน แต่ว่าหลายท่านก็ใช้วิธีค้นคว้าจากพระไตรปิฎกเลย โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ศึกษาพระบาลีจนเชี่ยวชาญแล้ว ก็ไปค้นจากพระไตรปิฎกภาษาบาลีเลย ก็แปลว่า "ตัวตึง" ท่านนั้น
"กล่าวตู่" ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า ธรรมและวินัยที่พระองค์ท่านบัญญัติแล้วจะเป็นศาสดาของพวกเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 00:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-06-2023, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธรรมและวินัยนั้น พระอรหันต์ ๕๐๐ รูป ซึ่งมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ได้ทำการสังคายนาร้อยกรองเอาไว้ให้กับพวกเรา เมื่อจัดหมวดหมู่แล้วได้เป็น ๓ ปิฎก ก็คือพระไตรปิฎกนั่นเอง แล้วท่านกล่าวว่า "ครูบาอาจารย์คือพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระไตรปิฎก" ก็แปลว่าท่านมีความเข้าใจผิด อยู่ในลักษณะมิจฉาทิฏฐิเฉพาะตนยังไม่พอ ยังสอนให้คนอื่นเป็นมิจฉาทิฏฐิไปด้วย..!

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าจะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าบรรดาครูบาอาจารย์สมัยนี้นั้น ส่วนหนึ่งก็หลงระเริง เพราะว่าลูกศิษย์ยกขึ้นไป แล้วก็จะกลายเป็นอาจารย์ใหญ่แบบพระกปิละ หรือว่าพระเถระผู้เกิดเป็นปลาทอง ก็คือบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ เพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่แม้แต่ศีล ๘ ของฆราวาส ก็ให้เว้นจากการรับประทานอาหารหลังเที่ยงไปแล้ว แต่ท่านก็บอกว่าไม่ได้ระบุชัด จะกินตอนดึก ๆ ก็ได้ อาตมภาพได้ยินแล้วก็ถอนใจ ท่านจะทำให้ลูกศิษย์กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิอีกเท่าไรก็ไม่ทราบ..?!

เนื่องเพราะว่าพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสหญิงชาย ที่เป็นพุทธศาสนิกชนนั้น ท่านทั้งหลายก็ต้องยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้เป็นประการแรก ก็คือยึดถือพระธรรมวินัยในเบื้องต้น รองลงมาก็คือรักษากฎหมายบ้านเมือง รองลงไปก็ต้องกระทำตามจารีตประเพณี เพราะว่าค่านิยมของคนส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น

ดังนั้น..ในเมื่อมีศีลบัญญัติเอาไว้ว่า เว้นจากการฉันอาหารในเวลาวิกาล ซึ่งคำว่าวิกาล วิเป็นอุปสรรค (คำนำหน้า) แปลว่าวิเศษอย่างหนึ่ง แจ่มแจ้งอย่างหนึ่ง แตกต่างอย่างหนึ่ง กาละ คือเวลา ในที่นี้วิกาลก็คือเวลาที่ต่างจากปกติ ก็คือเวลากลางคืน ไม่ใช่กลางวัน ดังนั้น..ที่ท่านบอกว่าดึก ๆ สามารถที่จะฉันข้าวได้ นักปฏิบัติในลักษณะนั้น ถ้ามีสติสัมปชัญญะจริง ๆ คาดว่าคงไม่มีใครเชื่อท่านแน่..

แต่ว่าผู้ที่ขาดสติตามท่านไปก็จะมีอยู่ แล้วไปประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ล่วงพระวินัย คือศีลยังไม่พอ ยังไปล่วงจารีตประเพณี ที่บ้านเราถือว่าการกินอาหารในเวลาวิกาลเป็นเรื่องต้องห้าม ถ้าหากว่าใครทำ บางทีก็เป็นโลกวัชชะ คือ โลกติเตียน ดูเหมือนอย่างกับจะหนักกว่าอาบัติปาราชิก หรือสังฆาทิเสสเสียอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-06-2023, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านทั้งหลายเหล่านี้เกิดวิปลาส คำว่าวิปลาสในภาษาบาลี แปลว่าเข้าใจผิดเพี้ยน คลาดเคลื่อนไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นการทำลายพระสัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลายเป็นสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน

เนื่องเพราะว่าพระพุทธศาสนาของเราไม่มีอะไรทำลายได้ นอกจากพุทธบริษัท ๔ จะทำลายเสียเอง ถ้าหากว่าพุทธบริษัท ๔ เข้มแข็ง มั่นคง รักษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้รู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ต่อให้มีข่าวลงสื่อโซเชียลทุกประเภท ตีหนักขนาดไหนก็ตาม จะไม่สามารถทำให้พระพุทธศาสนาของเราพังลงไปได้ เพราะว่าเป็นของแท้ ท้าพิสูจน์ได้ แต่พระพุทธศาสนาของเราที่จะพังลงไป ก็เกิดจากพุทธบริษัท ๔ ประเภท "ตัวตึง" เหล่านี้เอง

อีกรายหนึ่งก็สอนว่า "ปัจจุบันนี้เราปฏิบัติผิดกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ภาวนาสัมมาอะระหัง ไม่ได้สอนให้ภาวนาพุทโธ" นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า สัมมาอะระหัง หรือว่า พุทโธ นั้นคืออะไร ? สัมมาอะระหัง แปลว่า ไกลจากกิเลสโดยชอบ พุทโธ แปลว่าได้ ๓ ความหมาย คือ ผู้รู้อย่างหนึ่ง ผู้ตื่นอย่างหนึ่ง ผู้เบิกบานอย่างหนึ่ง เป็นพระนามที่กล่าวถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น

ถ้าหากว่าใครภาวนาถึง แปลว่ากำลังระลึกในพุทธานุสติ คือนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพุทธานุสตินี้มีระบุไว้ชัดเจนว่าเป็น ๑ ในอนุสติ ๑๐ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนมา

การภาวนานั้นก็ต้องควบกับลมหายใจเข้าออก ก็คือ อานาปานสติ ก็เป็น ๑ ในอนุสติทั้ง ๑๐ เช่นกัน พระพุทธเจ้าสอนมาเช่นกัน

ถ้าหากว่าท่านจับสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือว่า รู้ตลอดกองลม นั่นก็คือสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร ก็เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ชัดเจน แล้วทำไม "ตัวตึง" เหล่านี้ถึงกล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-06-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเอาในพระไตรปิฎกจริง ๆ นั้นไม่มี แต่ว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติได้แล้วสรุปลงมาอย่างนั้น เอามาสอนให้ง่ายขึ้น ผู้ปฏิบัติตามได้ผลมาไม่ทราบว่าเท่าไรต่อเท่าไร อย่างเช่นว่าสายธรรมกายของหลวงพ่อสด (พระมงคลเทพมุนี) วัดปากน้ำภาษีเจริญ มีลูกศิษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก หรือว่าการภาวนาพุทโธ อย่างหลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าทางภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ใช้ไปทั่วประเทศไทยแล้ว

แม้แต่ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่ฝั้น อาจาโรก็ดี หลวงพ่อวิริยังค์ (สมเด็จพระญาณวชิโรดม) ก็ดี ท่านก็สอนกระผม/อาตมภาพ ให้ภาวนา "พุทโธ ธัมโม สังโฆ..พุทโธ ธัมโม สังโฆ..พุทโธ ธัมโม สังโฆ" เมื่อครบ ๓ คาบแล้วก็ให้ภาวนา "พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ" สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ครูบาอาจารย์ทำสำเร็จประโยชน์มามากต่อมากด้วยกัน

แม้กระทั่งหลวงตามหาบัวที่เป็นครูบาอาจารย์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพสมัยวัยรุ่นบังอาจไปขอหวยท่าน แล้วท่านก็ให้เสียด้วย..ออกตรง ๆ ด้วย..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะท่านทราบว่า กระผม/อาตมภาพแค่ต้องการรู้ว่า พระที่ปฏิบัติสายวิสุทธิมรรคอย่างสายพระสายวัดป่านั้น ถึงเวลาจะมีฤทธิ์ มีอภิญญา มีทิพจักขุญาณหรือไม่ ? แล้วตัวกระผม/อาตมภาพเองก็เป็นคนไม่เล่นหวย ท่านถึงได้ให้มา ถ้าในช่วงระยะหลังลองไปขอหวยท่านดู ว่าจะเจอกระโถนขว้างใส่หน้าหรือไม่..!?

หลวงตามหาบัว หรือพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล ท่านได้กล่าวถึงครูบาอาจารย์สายวัดป่าว่า ท่านนั้นเป็นผู้ที่มีใจสะอาดหมดทั้งดวงแล้ว ท่านนี้เป็นผู้ที่ไม่เกิดแล้ว นั่นก็เกิดจากการที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นปฏิบัติมาในสายพุทโธ และอานาปานสตินี้เอง

อีกพวกหนึ่งก็กล่าวว่า "พุทธแท้ต้องไม่แขวนพระ" อันนี้ก็สิ้นสติเช่นกัน..! เนื่องเพราะว่าการแขวนพระนั้น อันดับแรกเลย ครูบาอาจารย์ที่สร้างพระเครื่อง หวังในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ตราบใดที่ยังมีพระเครื่องเกลื่อนอยู่ในพื้นปฐพี ตราบนั้นพระพุทธศาสนานี้ยังตั้งอยู่ได้ นั่นก็คือปณิธานของหลวงพ่อขอม อนิโช (พระครูอุภัยภาดาทร) ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพเคารพมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแก้ผ้าวิ่งอยู่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 18-06-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วต่อ ๆ มาก็คือบุคคลที่ติดตัวไว้เป็นเครื่องระลึกในถึงพุทธานุสติหรือว่าสังฆานุสติ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานกองใหญ่โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพราะว่ามีเครื่องโยงจิตปรากฏให้เห็นชัดขึ้นและง่ายขึ้น

หลังจากนั้น ก็ยังมีอานุภาพพิเศษตามแต่ผู้ที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกจะให้เป็นไป ไม่ว่าจะเป็นด้านของมหาอุด คงกระพัน เมตตามหานิยม ให้ลาภ เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นของแถมที่เกิดขึ้น เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์แต่ละรูป แต่ละองค์ สร้างบารมีมาไม่เหมือนกัน จริตนิสัยไม่เหมือนกัน เมื่ออธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องเหล่านี้ จึงทำให้เกิดอานุภาพที่ไม่เหมือนกัน และคนที่เอาไปใช้ก็เกิดผลมามากต่อมากด้วยกัน

แต่ "ตัวตึง" เหล่านี้ก็บอกว่าพุทธแท้ต้องไม่แขวนพระ กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่าพุทธแท้นั้นแท้ตรงไหน ? เนื่องเพราะว่าแม้แต่ศีล ๕ ซึ่งเป็นหลักประพฤติปฏิบัติของพุทธศาสนิกชน
ทั่วไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังดัดแปลงมาจากหลักศีล ๕ ของศาสนาเชน ก็คือของศาสดามหาวีระ แล้วท่านจะเอาความเป็นพุทธแท้ กรุณาศึกษาพระไตรปิฎกให้ละเอียดกว่านี้หน่อย จะได้ไม่สอนคนให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วก่อให้เกิดโทษใหญ่แก่ตัวท่านเอง..!

กระผม/อาตมภาพเป็นห่วงท่านทั้งหลายเหล่านี้มาก เนื่องเพราะเคยมีประสบการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่า บุคคลที่สอนคนเป็นมิจฉาทิฏฐิ ส่วนใหญ่ลงไปโลกันตนรก..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า
บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ถึงเวลาต้องตกสู่อบายภูมิ ถ้าหากว่าลงนรกเลย โทษเก่ามีเท่าไรก็ต้องชดใช้เขาจนหมด แล้วเศษกรรมก็ทำให้ต้องเกิดมาเป็นเปรต ชดใช้กรรมในแดนเปรตจนหมด ก็ต้องมาเกิดเป็นอสุรกาย เมื่อชดใช้กรรมในเขตอสุรกายจนหมด ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานตามจำนวนที่ตนเองเคยฆ่าไว้..!

กว่าที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น บางทีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ผ่านไปหลายองค์แล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นมนุษย์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 18-06-2023, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,009 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อท่านทำให้เขาต้องเวียนว่ายตายเกิดนานนับกัปกัลป์อนันตชาติ เส้นทางแห่งวัฏสงสารเต็มไปด้วยความทุกข์ ก็เท่ากับว่าท่านเป็นคนสร้างบาปหาบทุกข์ให้แก่ผู้อื่นอย่างมากมายมหาศาล โทษจึงได้หนักถึงขนาดมากกว่าอเวจีมหานรก ซึ่งถือว่าเป็นนรกขุมที่ลึกที่สุด โทษหนักที่สุด แต่ไปลงโลกันตนรกที่เป็นขุมพิเศษ ไม่มีแสงสว่างใด ๆ ให้เห็นเลย

ยกเว้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ครั้งหนึ่ง ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ออกไป ก็ปรากฏให้เห็นแค่วูบเดียว เหมือนอย่างกับฟ้าแลบในความมืด ท่านทั้งหลายอาจจะต้องเจอเวรกรรมขนาดนั้น เพราะกระผม/อาตมภาพก็มั่นใจว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวไว้นั้นเป็นความจริง จึงได้เป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง

กรุณาเถิด อยากได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อยากให้คนเขาชื่นชมเรา กรุณายึดพระไตรปิฎก และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก อย่าให้หลุดจาก ศีล สมาธิ และปัญญา ท่านจึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เชิดชูพระพุทธศาสนา ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็เป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนานั่นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว