กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-07-2023, 11:03
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-07-2023, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,065 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ในห้องพักโรงแรม Rajarata หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่าราชรัตน์ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา ซึ่งเมื่อครู่นี้ได้ดูพยากรณ์อากาศแล้วระบุไว้ว่า มีฝนฟ้าคะนองรุนแรงทั้งวันอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อวานนี้คำพยากรณ์ก็พลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว

เนื่องเพราะว่าเจ้าที่เจ้าทางเทวดาฟ้าดินทั้งหลายท่านเมตตาจะให้พวกเราแสวงบุญอย่างเต็มที่ อากาศจึงแจ่มใส ถ่ายรูปแล้วท้องฟ้าสวยงามมาก เพียงแต่ว่า "หม่าม้า" (คุณไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) บอกว่า "หลวงพ่อดูพยากรณ์อากาศที่โรงแรมเมืองโคลัมโบ ตอนนี้เราอยู่ที่เมืองอนุราธปุระ จึงอาจจะผิดพลาดได้"

โรงแรม Rajarata นี้ ห้องพักรู้สึกว่าเกินความจำเป็นไปมาก เพราะว่ามีถึงสามที่นอนด้วยกัน เพียงแต่ว่าเตียงนอนนั้นไม่ค่อยที่จะเหมาะกับคนซุ่มซ่ามอย่างกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าเตียงใหญ่เกินกว่าที่นอน ด้วยความเคยชินของพวกเราก็คือ เมื่อยืนชิดเตียงก็หย่อนก้นลงนั่งได้เลย แต่เมื่ออยู่ที่โรงแรมนี้ ถ้าหากว่าเราเดินมาชิดเตียงแล้วจะนั่งลง จะเตะเอาเตียงข้างล่างที่ล้นออกมาเกินที่นอนเสียก่อน ถ้าคนไม่ระมัดระวังก็อาจจะถึงกับสะดุดล้มได้..!

แต่ว่าข้าวปลาอาหารนั้นมีให้เหลือเฟือ ซ้ำยังมีมื้อค่ำให้อีกต่างหาก เพียงแต่ว่าคณะของเราจะมีใครลงไปรับประทานอาหารค่ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เนื่องเพราะว่าเมื่อวานนี้เดินกันจนหมดสภาพ จนรู้สึกว่าเท้าจะหลุดออกไปจากตัว..!

เนื่องเพราะว่าตั้งแต่หลังมื้ออาหารกลางวัน คุณอสังคะก็พาพวกเราตรงเข้าไปในเขตเมืองโบราณอนุราธปุระ แล้วก็ไปจอดที่สำนักงานบูรณะเมืองโบราณ ซื้อตั๋วให้พวกเราเข้าไปชมทางด้านใน เพียงแต่ว่างานนี้กระผม/อาตมภาพมาด้วยบัตรเบ่ง ก็คือเขาให้พระเข้าฟรี

ต้องขออนุโมทนากับเจ้าหน้าที่ของประเทศศรีลังกาทุกท่าน ที่ยังเมตตาว่าสถานที่นี้ก็คือสถานที่อันยิ่งใหญ่ในพระพุทธศาสนาของประเทศศรีลังกา ดังนั้น..พระภิกษุสามเณรจึงเข้าชมได้ฟรี ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็คิดว่าจะเดินกันไหวหรือ ? แต่ปรากฏว่าทางประเทศศรีลังกาอนุญาตให้นำรถวิ่งเข้าไปได้ รถของเราจึงวิ่งผ่านซากโบราณสถานปรักหักพัง ซึ่งทำให้รู้สึกสะท้อนใจว่า สรรพสิ่งนั้นหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย

พวกเราเข้าไปกราบสักการะพระมหาเจดีย์วัดเชตวันวิหารเป็นแห่งแรก ด้วยความที่เกรงใจชาวพุทธศรีลังกาทุกท่าน ซึ่งไม่ว่าจะเข้าไปในวัดใหม่ หรือว่าวัดโบราณ ไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ก็ตาม ทุกคนจะแต่งชุดขาว แต่ของพวกเรานั้นมากันตามใจชอบ จึงได้แต่เลาะอยู่ชายขอบ ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ตรงไปสถานที่ต่อไป ก็คือสระน้ำคู่ของวัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งสมบูรณ์มาก ๆ จนแทบจะเหมือนอย่างกับในสมัยหลายร้อยปีก่อนนั้นเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-07-2023, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,065 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้านข้างสระน้ำมีร้านขายของที่ระลึกเป็นจำนวนมาก แล้วขณะเดียวกันก็มีฝูงลิงแสมเป็นจำนวนมากเช่นกัน ถ้าถามว่าลิงแสมกับลิงวอกต่างกันตรงไหน ? ท่านทั้งหลายก็ดูที่หาง ลิงแสมนั้นหางจะยาวเป็นพิเศษ ส่วนลิงวอกนั้นหางสั้นกว่า ถ้าเป็นลิงกังก็จะหางม้วนเล็ก ๆ นิดเดียว จนกระทั่งบางคนเรียกว่าลิงหางหมู หรือถ้าเป็นลิงวอกภูเขาที่บางคนเรียกว่าลิงอ้ายเงียะ นั่นก็จะมีก้นแดงหน้าแดง แยกออกได้ชัดเจนมาก

หลังจากชมสระน้ำด้วยการเดินถ่ายรูปจนรอบแล้ว พวกเราก็ไปกราบพระพุทธรูปศิลา ซึ่งมีอายุนับพันปี ปรากฏว่าแม้พวกเราจะระมัดระวังถอดรองเท้าเดินเข้าไปแต่ไกลก็ตาม แต่หลังจากที่กราบถวายสักการะบูชา ถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตักเตือน ชี้ให้ดูป้ายว่า "ห้ามหันหลังให้กับพระพุทธรูปตอนถ่ายรูป" กระผม/อาตมภาพรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

ประการแรกก็คือลืมไปว่า ในบางวัด บางสถานที่ บางประเทศ เขาห้ามหันหลังให้พระพุทธรูป ซึ่งแสดงออกว่าเป็นเดียรถีย์ คือผู้ต่อต้านพระพุทธศาสนา หลายวัดในประเทศพม่า เมื่อพระมหาเถระจะบรรยายธรรมหรือว่าให้โอวาทแก่พระภิกษุสามเณร ซึ่งต้องหันหน้าเข้าหาพระภิกษุสามเณร พระมหาเถระนั้นก็จะใช้วิธีดึงม่านปิดพระพุทธรูปเสียก่อน จะได้ไม่เป็นการหันหลังให้พระพุทธรูป

เมื่อขอโทษขอโพยกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางลัดเลาะเข้าไปยังอุโบสถเก่า ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก เพื่อที่จะไปดูแผ่นหินจันทร์เสี้ยว หรือที่เรียกกันว่า Moon Stone ซึ่งแกะสลักลวดลายสวยงามมาก แล้วก็มีทวารบาลที่สมบูรณ์อยู่เพียงด้านเดียว

เมื่อถ่ายรูปและฟังรายละเอียดแล้ว พวกเราออกมาทางด้านนอก เจอบุคคลที่ต้องใช้คำว่านักเล่นกล เป่าปี่ให้งูขึ้นมาจากตะกร้า ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ลูบหัวงูเล่นเลย เนื่องเพราะคุ้นชินกับสัญชาตญาณของสัตว์ประเภทงู ไม่ว่างูเห่าหรืองูจงอางก็ตาม เพราะถ้าหากงูจะฉกกัดคน ก็จะฉกไปทางด้านหน้า ในเมื่อเราเอื้อมมือไปทางด้านหลัง จึงสามารถลูบหัวได้อย่างสบาย ๆ แล้วขณะเดียวกัน บรรดาสัตว์ทั้งหลายก็มีจิตรับรู้ได้ว่าคนเราจะทำร้ายเขาหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่ทำร้าย ก็ปล่อยเลยตามเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-07-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,065 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วพวกเราก็เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีวิหารอีกหนึ่งแห่ง ที่มีหินรองเท้าก่อนขึ้นบันไดเป็นรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่ภาษาบาลีเรียกว่าอัฑฒจันทร์ คือพระจันทร์ครึ่งหนึ่ง มีลวดลายแกะสลักงดงามและใหญ่โตมาก ๆ มีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะฝรั่งที่มากับมัคคุเทศก์กำลังฟังบรรยายอยู่หลายคน

เมื่อพวกเราชมและถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับฟังคำบรรยายจากคุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) แล้ว ก็มาแวะที่ร้านจำหน่ายน้ำผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเสนอน้ำมะพร้าว แต่กระผม/อาตมภาพฉันน้ำมะพร้าวไม่ได้ เพราะว่าเย็นมาก จึงสั่งเป็นน้ำส้มเกลี้ยงแทน ทุกคนก็เลยสั่งน้ำส้มเกลี้ยงกันคนละ ๑ แก้ว ราคาแก้วละ ๒๐๐ รูปี ปรากฏว่ารสชาตินั้นเป็นที่ถูกอกถูกใจมาก เนื่องจากว่าเราสั่งแบบไม่สั่งน้ำตาล เป็นน้ำส้มเกลี้ยงล้วน ๆ

เมื่อกินกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินทางไปยังชมสถานที่ต่อไป ที่เป็นโรงทานถวายภัตตาหารต่อพระภิกษุสงฆ์ในสมัยนั้น ซึ่งมีกันเป็นพันรูป เขาแกะสลักเป็นรางหินยาวและใหญ่มาก สามารถบรรจุภัตตาหารให้พระภิกษุนับพันรูปได้ โดยที่รางหนึ่งเป็นรางบรรจุข้าว ใหญ่กว่าอีกรางหนึ่งประมาณ ๕ เท่า รางเล็กกว่านั้นก็คือรางบรรจุกับข้าวหรือว่าแกง

เมื่อพระภิกษุรับภัตตาหารแล้ว ก็จะไปฉันกันภายในโรงฉัน ก็คงจะต้องนั่งเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องเพราะว่าดูสภาพแล้วว่า โรงฉันไม่ได้ใหญ่มาก ถึงขนาดจะบรรจุพระซึ่งนั่งตามใจกันได้เป็นพันรูป ถ้านั่งกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก็พอที่จะรับได้หมด

แล้วพวกเราก็เดินต่อไปยังสระน้ำอีกแห่งหนึ่งภายในเมืองโบราณนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบอกว่าใหญ่กว่าสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิกถึง ๖ เท่า บริเวณนี้มีลิงแสมอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วลมก็เย็นมาก ตามหลักการธาตุซึ่งหักล้างกันหนุนเสริมกัน โดยที่มีหลักว่าน้ำกำเนิดลม ก็คือมีน้ำที่ไหน เมื่อไอน้ำลอยขึ้น ลมก็จะไหลเข้ามาแทน

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไป เพื่อกราบพระธาตุลังการามายะ พระธาตุถูปาราม แล้วก็มาถึงไฮไลท์ของสถานที่ คือพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ ซึ่งเขาบูรณะจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เว้นเอาไว้เพียงเล็กน้อยให้ดูว่าสภาพเดิมที่ปรักหักพังนั้นเป็นอย่างไร พวกเราเดินวนจนกระทั่งรอบพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ หามุมสวย ๆ ถ่ายรูปกัน เทวดาฟ้าดินท่านก็เป็นใจ ช่วยให้ฟ้าเป็นสีฟ้าอย่างยิ่งเลยทีเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 05:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-07-2023, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,065 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) ตอนทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทนั้น ได้ทำวิทยานิพนธ์เปรียบเทียบพระเจดีย์ช้างล้อมของจังหวัดสุโขทัยกับพระสุวรรณมาลิกเจดีย์แห่งนี้ ส่วนที่เสียดายก็คือเราไม่มีกล้องส่องทางไกล เนื่องเพราะว่าบนยอดพระสุวรรณมาลิกเจดีย์นั้น หุ้มทองคำประดับพลอย สวยงามมาก แล้วขณะเดียวกันก็มีดวงแก้วเจียระไนดวงมหึมา ประดับเป็นปลียอดด้วย

พวกเราเดินกันจนรอบ หาที่ถ่ายรูปแล้ว ถึงได้ออกมา แต่ว่าคุณอสังคะบอกว่าพวกเราเช้าจนเกินไป เพราะว่านัดท่านมหานายกะ วัดพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งดูแลต้นโพธิ์โบราณที่นำมาจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชอยู่ นัดท่านตอน ๕ โมงเย็น พวกเราจึงได้ของแถม

คุณเอพาไปกราบพระธาตุมิริสะเวทิยาเจดีย์ ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินท่านปวารณาว่า ได้อะไรมาจะถวายพระก่อน พอดีชาวบ้านถวายพริกมาให้ แล้วท่านลืม เสวยเข้าไปก่อน จึงต้องใช้หนี้สงฆ์ด้วยการสร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่นี้ขึ้นมาทดแทน พวกเราทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธพึงระมัดระวังด้วย พระราชาท่านติดหนี้สงฆ์แค่พริกไม่กี่เม็ด แต่ว่าท่านถึงขนาดต้องสร้างพระเจดีย์ถวายเพื่อไถ่กรรมตรงนี้

พวกเราเองความจริงสามารถเดินจากพระสุวรรณมาลิกเจดีย์เพื่อตรงไปยังวัดพระศรีมหาโพธิ์ได้เลย แต่ทุกคนดูท่าว่าไร้แรงบินแล้ว จึงนั่งรถยนต์เข้าไป บริเวณลานจอดรถนั้นมีค่างหน้าดำฝูงใหญ่ปะปนอยู่กับลิงแสม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาประเทศนี้แล้วเจอฝูงค่าง เพราะว่านอกนั้นเห็นแต่ฝูงลิงล้วน ๆ เราต้องฝากรองเท้าเอาไว้ทางด้านนอก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูแลให้เป็นอย่างดี แล้วเข้าไปกราบท่านมหานายกะ ซึ่งท่านเองให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองมาก

เหตุที่เราต้องเข้ามากราบนั้น ก็เพื่อขออนุญาตท่านเข้าไปกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ถึงทางด้านใน ที่มีทั้งกำแพงและรั้วล้อมอยู่ถึง ๓ - ๔ ชั้นด้วยกัน ท่านมหานายกะอนุญาตให้ด้วยดี แถมมอบโปสเตอร์รูปต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้ ซึ่งคุณชวง (ไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ขอให้ท่านลงลายเซ็นด้วย ท่านก็เมตตาลงให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 05:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 17-07-2023, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,065 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเรากราบลาท่านแล้ว ก็ไปรอเวลา จนกระทั่งได้เวลาซึ่งเจ้าหน้าที่ท่านสะดวก ถึงได้เปิดให้พวกเราเข้าไปข้างใน มีกระผม/อาตมภาพที่เขาอนุญาตให้เข้าไปได้คนเดียว บรรดาฆราวาสทั้งหลายไม่อนุญาตให้เข้าไปได้ จึงต้องหามุมถ่ายรูปภายในออกมาให้ทุกคนดูให้ได้ แต่ว่าพระเจ้าหน้าที่ท่านก็ยืนประกบเลย บอกว่า "No Picture Bhante" ก็คือท่านผู้เจริญ..ห้ามถ่ายรูป..!

กระผม/อาตมภาพจึงเก็บกล้องถ่ายรูปซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ กราบพระ สวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา อุทิศส่วนกุศลเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป แล้วก็ลาท่านกลับ ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเองเผลอสติหรือว่าอย่างไร เนื่องเพราะว่ายืนอยู่ติดกันแท้ ๆ แต่ก็ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพถ่ายรูปไปแบบงง ๆ

พวกเราลงมาถ่ายรูปกันทางด้านล่าง เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้กลับมารับรองเท้าคืน แล้วทุกคนบอกอย่างเดียวว่ากลับที่พัก เนื่องเพราะว่าเดินกันจนกระทั่งเท้าแทบจะหลุดออกจากตัว เมื่อมาถึงที่พักจึงไม่มีใครสนใจโลกแล้ว ต่างคนต่างอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็คงจะสลบไสลกันไปเลย สำหรับวันนี้นั้น พวกเราจะเดินทางต่อไปยังสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ก็คือพระราชวังลอยฟ้าสิคีริยา ถ้าหากว่ามีรายละเอียดอย่างไร ก็จะนำมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 05:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว