กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-09-2023, 21:11
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,652
ได้ให้อนุโมทนา: 216,921
ได้รับอนุโมทนา 747,963 ครั้ง ใน 36,439 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-09-2023, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,745 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๙ ฟังดูแล้วน่าจะขายของออนไลน์ได้ดี..!

ในเรื่องของวันเวลา ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไปถือมงคลกันเอง ซึ่งในเรื่องของมงคลนั้น แม้กระทั่งพรหมเทวดาก็ยังถกเถียงกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก จนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ถึงได้ไปกราบทูลถามพระองค์ท่านว่า สิ่งที่เป็นมงคลอย่างแท้จริงนั้นคืออะไร ?

พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงตรัสไว้ในมังคลสูตร ตั้งแต่ อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ไปจนถึง ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะนะกัมปะติ ก็คือตั้งแต่ไม่คบคนพาล ให้คบเฉพาะบัณฑิต ไปจนถึงจิตที่กระทบโลกธรรมแล้วไม่หวั่นไหว ทั้ง ๓๘ อย่างนี้ มีตั้งแต่ปุถุชนถือปฏิบัติ ไปจนถึงพระอริยเจ้า และท้ายที่สุดก็คือพระอรหันต์

อย่างการไม่คบคนพาล คบแต่บัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็ทำได้ แต่พอไป ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ก็คือการบริจาคให้ทาน การประพฤติปฏิบัติธรรม ก็จะเริ่มเน้นเข้ามาในเรื่องของการปฏิบัติ เบื้องต้น เบื้องกลาง ไปจนถึงเบื้องปลาย แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่ค่อยได้ศึกษาให้ละเอียดลึกซึ้ง ก็มักจะจำว่ามงคล ๓๘ อย่างมีอะไรบ้างเท่านั้นเอง ดังนั้น..ในเรื่องของวันดี เดือนดี ปีดี เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ดีแท้ เรื่องที่ดีแท้ เป็นมงคลแท้ คือเรื่องที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายอ่านพระไตรปิฎกให้มากขึ้นสักนิดหนึ่ง โดยเฉพาะในเทวตาสังยุตต์ หรือพรหมสังยุตต์ในสังยุตตนิกาย จะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนกับใครเลย ถ้านับพุทธกิจ ๕ ประการที่พระองค์ท่านทรงบำเพ็ญไว้ ตั้งแต่วันตรัสรู้ไปจนถึงปรินิพพาน มีสรุปเป็นภาษาบาลีว่า

ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปาตญฺจ ก็คือ เช้าขึ้นมาเสด็จออกบิณฑบาต

สายณฺเห ธมฺมเทสนํ ตกเย็นมาก็แสดงธรรมโปรดญาติโยมทั่วไป

พวกเราต้องเข้าใจว่าดินฟ้าอากาศของประเทศอินเดียไม่เหมือนกับบ้านเรา กลางวันร้อนตับแตก..! ท่านอาจารย์พลตรีเฉลิมชัย เสียงใหญ่ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์กองทัพบก ตอนท่านเรียนปริญญาโทที่อินเดีย ท่านบอกว่าต้องเอาผ้าม่านชุบน้ำ ปิดทั้งประตู หน้าต่าง แล้วก็เอาผ้าขนหนูชุบน้ำโปะหัวไว้ ถึงจะเดินท่องหนังสือได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ร้อนจนกระทั่งจะสิ้นชีวิตเอาได้..! แล้วผ้าม่านหรือว่าผ้าที่โปะหัวตัวเองก็อยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวก็แห้งหมดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2023 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-09-2023, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,745 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าให้ไปฟังธรรมตอนกลางวัน ต่อให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม คนฟังก็คงไม่มีอารมณ์เหมือนกัน พระองค์ท่านจึงต้องรอให้แดดร่มลมตก ก็คือ สายณฺเห ธมฺมเทสนํ ตอนเย็นแสดงธรรมโปรดญาติโยมทั้งหลาย แล้วถ้าท่านสังเกตลึกเข้าไปอีก สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ อย่างในทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก มีแต่พระสูตรยาว ๆ ทั้งสิ้น แต่ยาวที่สุดก็ไม่เกิน ๑ ชั่วโมง เอามหาสติปัฏฐานสูตรก็แล้วกัน

กระผม/อาตมภาพเอง ตอนที่สอบนักธรรมชั้นเอก ด้วยความที่มาลาเรียรับประทาน แม้แต่หายใจยังเหนื่อย ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ก็เลยใช้วิธีบนพระท่านว่า ถ้าสอบนักธรรมชั้นเอกได้ กระผม/อาตมภาพจะเขียนมหาสติปัฏฐานสูตรเต็มบท ด้วยลายมือตัวเอง จำไม่ได้ว่าตอนนี้ไปอยู่กับใคร ก็คือเขียนเป็นเล่มสมุดเลย เนื่องเพราะว่าช่วงท้าย ๆ ของแต่ละบรรพ หรือว่าแต่ละตอน ถ้าภาษาอังกฤษก็คงประมาณ Chapter จะเป็นถ้อยคำที่ซ้ำ ๆ กันทั้งหมด เขาก็เลยใช้ไปยาล ฯ ก็คือย่อ

แต่กระผม/อาตมภาพเขียนเต็ม มหาสติปัฏฐานสูตรถ้าว่ากันเต็ม ๆ ก็ประมาณ ๑ ชั่วโมงเท่านั้น ก็แปลว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม ต่อให้ยาวที่สุดก็แค่ชั่วโมงเดียว ตีเสียว่าถ้าเริ่ม ๖ โมงเย็น ก็จบไม่เกิน ๑ ทุ่ม

ถัดไปก็คือเวลาค่ำก็คือ ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ เวลาค่ำ ให้โอวาทภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี และนางสิกขมานา ก็คือสอนต่อจากญาติโยม ที่พอเทศน์จบก็คงกราบลากลับบ้านกัน พระองค์ท่านก็สอนพระสอนเณรต่อ

คราวนี้พระเณรถ้าอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านที่ปฏิบัติแล้วติดขัดตรงไหนก็กราบทูลถวาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะแก้ไขจุดที่ติดขัดให้ จึงต้องใช้เวลานานหน่อย บางทีก็มีการบัญญัติศีลขึ้นมาด้วย ก็จะตรัสถึงบุรพกรรมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น สิ่งที่บุคคลนั้นทำไม่มีประโยชน์ ดังนั้น..ควรที่จะระวังป้องกันอย่างไร ? การรักษาศีลแล้วจะอานิสงส์อย่างไร ? แล้วก็ทรงบัญญัติศีลขึ้นมา ทำให้กินระยะเวลายาวนาน กว่าที่พระเณรจะลากลับ

ลำดับต่อไป ก็คือ อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนํ อฑฺฒรตฺเต ครึ่งคืน ก็คือเที่ยงคืน แก้ไขปัญหาที่พรหม เทวดามาถาม ในเรื่องของมังคลสูตรก็มาจากการที่พรหมเทวดาท่านมาถามปัญหาว่ามงคลที่แท้จริงคืออะไร ? ตีเสียว่าถ้าหากว่าอยู่รบกับพรหมเทวดาสัก ๒ ชั่วโมง ก็ตี ๒ เข้าไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-09-2023, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,745 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปตอนสุดท้ายก็ ปจฺจุสฺเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ ใกล้รุ่งลุกขึ้นตรวจอุปนิสัยสัตว์โลก เพื่อรอที่จะเสด็จไปโปรดตอนบิณฑบาต

ถ้าหากว่าแก้ไขปัญหาของพรหมเทวดาจนถึงตี ๒ แล้วค่อยจำวัด แล้วใกล้รุ่งควรจะเป็นเวลาไหน ? ตีเสียว่าตี ๕ แล้วได้นอนกี่ชั่วโมง ? ไอ้ประเภทนอนทั้งกลางวันนอนทั้งกลางคืนแล้วยังไม่พอนี่ ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าบ้างนะ พระองค์ไม่ได้สอนให้พวกเรานอน ไอ้ที่จะให้พวกเรานอนส่วนใหญ่ก็ญาติพวกเรานั่นแหละ ถึงเวลาจัดบวชพระ แหม..แบกมาเลย ทั้งเสื่อทั้งหมอน แย่งกันถือหมอนอีกต่างหาก..!

กระผม/อาตมภาพเจอนาคอยู่รายหนึ่ง หมอน ๑๑ ใบครับ สาวถือหมอน ๑๑ คน..! ก็เลยไม่รู้ว่าสึกไปแล้วจะไปกับคนไหน ? แปลว่าญาติเขาตั้งใจจะให้มานอน ไม่ใช่พระพุทธเจ้าตั้งใจให้นอน ฉะนั้น..ต่อไปถ้าหากว่าใครจะบวชใหม่ บอกญาติโยมทั้งหลายด้วย บอกว่าให้แบกจอบ แบกเสียม เครื่องมือก่อสร้างอะไรมาก็ได้ ถวายพระท่านไป จะได้ไม่เอาแต่นอน..! หรือจะเป็นไม้กวาด ไม้ถูพื้นอะไรก็ยังดี..!

คราวนี้เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปฏิบัติกิจทั้ง ๕ อย่างตลอดพระชนมชีพ พวกเราเองที่ถือว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราต้องดูว่าเราทำอะไรได้อย่างที่พ่อของเราทำบ้าง ? ออกบิณฑบาตเป็นปกติหรือเปล่า ? มีการเทศนาสั่งสอนญาติโยมไหม ? มีการสอนพรหม สอนเทวดาหรือเปล่า ? เอาแค่เทศน์ให้โยมฟังก็ไม่รอดแล้วกระมัง..!?

สมัยออกธุดงค์ใหม่ ๆ บางสถานที่เขามาขอให้กระผม/อาตมภาพเทศน์ให้ฟัง บอกกับพวกเขาว่า "ยังเป็นพระบวชใหม่อยู่ ไม่มีความรู้หลักธรรมอะไรที่จะไปบังอาจสอนท่านทั้งหลาย" เขาก็เปลี่ยนใหม่ว่า "ขอให้สวดพระสูตรใดพระสูตรหนึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ได้" บังเอิญกระผม/อาตมภาพตั้งแต่เป็นนาคก่อนบวชก็สวด ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนานได้หมดแล้ว..ค่อยยังชั่วหน่อย ก็เลยสวดให้เขาทั้งหลายที่ตั้งใจฟัง พรหมเทวดาเวลาฟังธรรมเขายืนฟังครับ ยืนพนมมือฟังเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก จะมีกราบก็เฉพาะตอนที่มาหรือลากลับเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-09-2023, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,745 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าโดยโบราณของเรา การยืนเป็นการแสดงความเคารพ การปฏิบัติต่อวัดวาอาราม หรือพระภิกษุสามเณร ก็จะมีข้อที่เรายึดถือปฏิบัติว่าเป็นการแสดงความเคารพ อย่างเช่นว่าถ้าถือร่มก็ลดร่มลง ถ้าห่มคลุมเข้าในวัด ก็ต้องห่มเฉวียงบ่า จะต้องไม่ใส่รองเท้า เมื่อเช้านี้โยมจะใส่บาตร กระผม/อาตมภาพเดินเลยไป ทิดเป้ (ฉัตรมงคล สุขเกษม) ยังสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อไม่รับบาตร ? เดินเลยไปหน่อยจึงอธิบายให้ฟังว่า เขาไม่ยอมถอดรองเท้า ถ้ายังหวงรองเท้าก็ไม่ต้องใส่บาตรหรอก..!

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีสิ่งที่เขายึดถือและทำต่างกับเรา เรามักจะไปคิดว่าเขาจะต้องนั่งฟังพับเพียบเรียบร้อย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สวดมนต์ได้จะได้เปรียบ ถ้าออกป่าแล้วไม่มีปัญญาเทศน์ให้พรหมเทวดาฟัง ก็สวดมนต์ให้เขาฟัง..ใช้ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าสวดมนต์ก็ของแท้เลย คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

ดังนั้น..ในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติของตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการขัดเกลา กาย วาจา หรือว่าใจอย่างไรก็ตาม ต้องดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูตัวอย่างพระเถระสมัยพุทธกาล อย่างพระอนุรุทธเถระ นั่งโดยไม่นอน ตลอด ๕๕ ปี..! ไหวไหม ? แล้วลองคิดดูว่า ๕๕ ปีที่ท่านบวช แล้วท่านอายุเท่าไร ? กว่าจะบวชได้ ต่ำสุดก็ ๒๐ ปี
ดูตัวอย่างหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ของเรา แล้วปฏิบัติตามนั้น ไม่ใช่ว่าต้องรอให้มาจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะกันอยู่ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเอาดีแทบไม่มีเลย เพราะว่าเราไม่สอนตัวเราเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว