กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-09-2023, 20:10
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-09-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,057 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังหอประชุมใหญ่พุทธมณฑล เพื่อร่วมโครงการอบรมสัมมนาเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ทั่วประเทศ

งานนี้องค์ประธานคณะกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลกลาง คือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสฤทธิ์ เขมงฺกโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้รับพระบัญชาจากพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในการประชุมพระธรรมทูตสายต่างประเทศที่ประเทศญี่ปุ่น หลวงพ่อสมเด็จฯ จึงได้มีสัมโมทนียกถาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ต้องบอกว่าเป็นคุณูปการของเทคโนโลยีสมัยนี้

อีกส่วนหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าสงสารกรุงเทพมหานครมาก เนื่องเพราะว่าหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลจะแต่งตั้งตามตำบลของบ้านเมือง แต่กรุงเทพมหานครไม่มีตำบล ไม่มีอำเภอ มีแต่แขวงกับเขต ก็เลยตกสำรวจ ตั้งอะไรไม่ได้สักหน่วยหนึ่ง..!

บางที ในเรื่องของการออกกฎ ระเบียบ หรือว่ามติมหาเถรสมาคม เพื่อรองรับงานต่าง ๆ ของคณะสงฆ์ ก็มักจะขาดความรอบคอบในส่วนที่ว่า
กรุงเทพมหานครไม่ใช่จังหวัด แต่เป็นเขตปกครองพิเศษ ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่แค่ ๒ แห่ง ก็คือกรุงเทพมหานครกับเมืองพัทยา

แล้วก็มาต่อเนื่องถึงที่กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดบางกระดี่ ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจประเมินยกชุมชนบางกระดี่ขึ้นเป็นชุมชนรักษาศีล ๕ ต้นแบบ วัดนี้ใหญ่โตมโหฬารมาก เพราะว่าเป็นชุมชนที่รวมเอาชาวมอญถึง ๓ หมู่บ้านเข้าด้วยกัน มีประชากร ๕,๐๐๐ กว่าคน ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นเอกสารในการตรวจประเมิน เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมาช่วยทำให้..!

เหตุที่ไม่มีก็เพราะว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่จังหวัด ไม่สามารถที่จะบรรจุข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลงไปตรงไหนได้เลย ก็มาจากสาเหตุเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เพราะไม่รู้ว่าจะประสานงานกับใคร ต่อให้มีแก่ใจอยากจะทำงานเกี่ยวกับหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลก็ทำไม่ได้

บางทีเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ฟังดูแล้วว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ก็มีจนได้ เพียงแต่ว่าในการตรวจประเมินที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัดเกิดการอุดมที่จังหวัดปทุมธานีก็ดี วัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม (ธ) ที่สมุทรสาครก็ดี หรือว่าทางด้านวัดบางกระดี่นี้ก็ตาม จะทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า
คนมอญมีความรักใคร่สามัคคีกันดีมาก และมีการส่งผ่านวัฒนธรรมมอญจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเข้มข้น เด็ก ๆ ที่มาร่วมงานสวดมนต์ไหว้พระเป็นบาลีมอญ อาราธนาศีล สมาทานศีล เป็นภาษามอญ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-09-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,057 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าชาวมอญทั้งหลายนั้น เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ด้วยความที่รู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองไม่ใช่คนไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามัคคีเหนียวแน่นกัน ไม่เช่นนั้นถ้าแตกสามัคคีก็อาจจะโดนคนอื่นรังแกได้ ซึ่งตรงนี้ชาวมอญคิดต่างจากชาวกะเหรี่ยง

ชาวกะเหรี่ยงนั้นคิดว่าตนเองเป็นคนไทย เนื่องเพราะว่าได้รับการยอมรับจากพี่น้องชาวไทย แม้กระทั่งองค์พระมหากษัตริย์ก็แต่งตั้งให้คนกะเหรี่ยงเป็นเจ้าเมือง โดยเฉพาะเจ้าเมืองสังขละบุรี ก็คือพระศรีสุวรรณ ตั้งแต่สมัยพระศรีสุวรรณ (ภูวะโพ่) มาจนกระทั่งมีการยกเลิกเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนกะเหรี่ยงจึงไม่รู้สึกว่าตนเองแปลกแยก

เราจะเห็นว่าพี่น้องกะเหรี่ยงเกือบทั้งหมดมีบัตรประชาชนไทย มีชื่อไทย นามสกุลไทย อย่างพวกท่านทั้งหลาย ถ้าสังเกตเวลากระผม/อาตมภาพส่งกระดานข่าวก็ดี ให้ทุนการศึกษาก็ตาม จะเห็นนามสกุลสังขละเจริญนาน ผาภูมิวิบูลย์ ผาภูมิชโรธร ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นนามสกุลกะเหรี่ยงทั้งนั้น

แม้กระทั่งนามสกุลแรก ๆ อย่างของโยมปันเอง กะเหรี่ยงปรังกาสีที่กระผม/อาตมภาพสนิทสนมด้วยมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว ก็คือนามสกุล ภูมิภาคสุวรรณ ภูมิก็คือภูมิ สุวรรณก็คือทอง = ทองผาภูมิ ต้องบอกว่าคนตั้งให้เก่งมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนกะเหรี่ยงจึงกลายเป็นคนไทยไปโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่แต่งตัวตามวัฒนธรรมกะเหรี่ยง ก็แทบจะกลืนเป็นไทยไปเรียบร้อยแล้ว

แต่คนมอญไม่ใช่ คนมอญเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มาก ตั้งแต่สมัยที่ตั้งอาณาจักรสะเทิม หรือที่คนไทยเรียกว่าสุธรรมวดี มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดถือ ปกครองจนกระทั่งอาณาจักรมอญยิ่งใหญ่ไปศาล เมื่ออาณาจักรของชาวเผี่ยว คืออาณาจักรพุกามเจริญขึ้นมา เห็นว่าชาวมอญเจริญรุ่งเรืองเพราะพระพุทธศาสนา ก็ส่งทูตมาขอพระไตรปิฎกไปศึกษาบ้าง แต่คนมอญเห็นว่าชาวเผี่ยวนั้นก็คือคนป่าคนดอย รู้สึกว่าต่ำชั้นกว่าตนเอง ก็เลยไม่ยอมให้พระไตรปิฎกไป จึงทำให้พระเจ้าอนุรุทธมหาราช หรือถ้าเรียกเป็นภาษาพม่าก็คือพระเจ้าอโนรธา ยกกองทัพมาตีอาณาจักรสะเทิม หรือสุธรรมวดี

พระเจ้าพระเจ้ามนูหะที่เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรมอญ ไม่ยอมยกทหารออกรบด้วย เพราะว่ากลัวผิดศีล..! จึงเสียอาณาจักรมอญให้กับทางด้านอาณาจักรพุกามแบบง่าย ๆ โดนกวาดต้อนไปกักขังไว้ที่เมืองปะกาน หรือที่คนไทยเรียกว่าเมืองพุกาม แล้วก็ยึดเอาพระไตรปิฎกไป จนกระทั่งอาณาจักรพุกามยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันนี้มีทะเลเจดีย์เป็นมรดกโลกอยู่ เพราะว่าพม่านิยมในการสร้างเจดีย์เป็นอย่างมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-09-2023, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,057 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กว่าที่อาณาจักรพุกามจะเจริญรุ่งเรืองก็ไม่ใช่ของง่าย แต่ว่ามาโดนกุบไลข่าน กษัตริย์มองโกลตีพังราบไป เพราะว่าตอนช่วงนั้นกองทัพม้ามองโกลยิ่งใหญ่มาก ตีไปยันเอเซียกลางจนถึงยุโรปโน่น แล้วก็โชคดี เหตุที่บอกว่าโชคดีก็เพราะว่า พอกุบไลข่านตีอาณาจักรพุกามได้ ก้าวต่อไปก็จะมาสุโขทัย แต่ว่าเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันขึ้นมาก่อน กุบไลข่านจึงต้องถอนกำลังกลับ ต้องบอกว่าเป็นบุญของอาณาจักรสุโขทัย ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาภายใน จนกองทัพมองโกลต้องล่าถอยไปเอง ไม่อย่างนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะต้านแสนยานุภาพกองทัพมองโกลได้เลย

ในเมื่อชาวมอญโดนกดขี่ข่มเหงมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรพุกาม แล้วก็มาถึงในยุคปัจจุบัน จะเรียกว่าปัจจุบันก็ไม่ได้ เพราะว่านับเป็นชั่วอายุคนแล้ว ก็คือช่วงที่บรรดาชนเผ่าต่าง ๆ ของพม่า ร่วมกันทำ "สนธิสัญญาเวียงปางหลวง" ว่าถ้าหากช่วงชิงเอกราชคืนจากอังกฤษได้ จะอยู่รวมกันเป็นประเทศพม่า ๑๐ ปี หลังจากนั้นแล้วก็แยกย้ายกันไปตั้งประเทศของใครของมัน ถ้าหากว่าเป็นไปตามสนธิสัญญานี้ ก็จะมีประเทศมอญ ประเทศพม่า ประเทศกะเหรี่ยง ประเทศกะฉิ่น ประเทศฉานหรือสยาม ซึ่งก็คือไทใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น

แต่ปรากฏว่าโดนทหารพม่าหักหลัง มีการเข่นฆ่าผู้นำในช่วงที่กำลังประชุมกันเพื่อที่จะแยกประเทศ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวมอญก็ยังไม่มีประเทศเป็นของตนเอง

แม้ปัจจุบันนี้จะมีรัฐมอญ หรือที่เรียกว่า Mon State ของพม่า โดยมีเมืองหลวงคือมะละแหม่ง ซึ่งคำว่า มะละแหม่งนี้ ถ้าหากว่าเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะมีคนส่วนหนึ่งอ่านว่า เมาะลำเลิง แต่ถ้าออกเสียงแบบพม่าว่า โมละเหมี่ยย คนไทยมักจะฟังเป็นเมาะลำไย ซึ่งก็คืออันเดียวกัน ก็เลยทำให้ชาวมอญส่วนหนึ่งที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา มีความเป็นมอญที่เข้มข้นมาก

ขณะเดียวกันก็ยึดถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้ชาวมอญไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองที่นั่น เอาแค่ทองผาภูมิของเรา ถ้าไม่มีพี่น้องชาวมอญเป็นหลักในการใส่บาตร ๕ - ๖ วัดที่บิณฑบาตอยู่ในตลาดทองผาภูมิ ก็ไม่มีทางที่จะมีอาหารพอขบฉัน
เนื่องเพราะว่าคนไทยของเราไม่มีกำลังใจในการสร้างบุญกุศลเหมือนอย่างกับพี่น้องมอญพม่า ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นหวังความสุขในชาติต่อ ๆ ไปจากบุญกุศลที่ตนเองทำ ในขณะที่คนไทยของเราประมาทเป็นอย่างยิ่ง

จึงขอฝากพวกเราเอาไว้ว่า ในเรื่องของบุญของกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ในแต่ละวันเราต้องทำให้ได้มากที่สุด คือถ้าหากว่าไปไม่ถึงจุดสุดท้าย ก็คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน อย่างน้อยบุญก็จะช่วยสร้างความสุขให้แก่เราในชาติต่อ ๆ ไปได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว