เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ก่อนที่จะบอกกล่าวเล่าถึงเรื่องอื่น ๆ ขออาศัยเสียงนี้ส่งไปถึงญาติโยมชาวไทยทั้งหลายที่อาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือว่าสหรัฐอเมริกา ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้อาลัยอาวรณ์อะไรทางด้านนั้นมากมายนัก ก็กลับบ้านเราเถอะ..! แต่ถ้าหากว่ายังอาลัยอาวรณ์อะไรทางด้านนั้น แล้วมีวัตถุมงคลวัดท่าขนุน อย่างเช่น พระกริ่งพิชัยสงคราม พระนาคปรกฉลอง ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี พระกริ่งสะท้านไตรภพ พระขุนแผนเกราะเพชร สมเด็จองค์ปฐมพิมพ์นั่งบัวเสวยสุข แม้กระทั่งพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ถ้าไม่ได้ติดตัวไว้ ก็เอามาปัดฝุ่นติดตัวไว้ได้แล้ว..!

ส่วนท่านใดที่ติดตัวอยู่เป็นประจำ ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ ห้องนี้เอาไว้ทุกเช้า จนกระทั่งกำลังใจมั่นคงแล้ว กราบขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย ปกปักรักษาตัวเราและบุคคลที่เรารัก ให้ปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ซึ่งท่านทั้งหลายจะกลับมา ลำบากอยู่บ้านเราก็ดี หรือว่าอยากตื่นเต้นมาก ก็ให้ทำอย่างที่กระผม/อาตมภาพได้บอกเอาไว้แล้ว

ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น วันนี้กระผม/อาตมภาพรับฎีกานิมนต์ ไปร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นกฐิน ๒๕๖๖ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นองค์ประธานในงานครั้งนี้

พระเกจิอาจารย์ที่รับนิมนต์ไป ส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นกันดี ทางด้านฝั่งขวาขององค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงที่กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ รูปแรกก็คือหลวงพ่อสมพงษ์ (พระครูสุวรรณจันทนิวิฐ, ดร.) วัดองค์พระ รูปที่สองคือกระผม/อาตมภาพเอง รูปที่สามคือหลวงพ่อโนรี (พระครูปิยกาญจนธรรม) วัดหนองหญ้าปล้อง แล้วถัดไปเป็นลำดับ ๆ มีหลวงปู่สมบุญ (พระครูสุวรรณธรรมานุยุต) วัดลำพันบอง ซึ่งความจริงท่านต้องนั่งด้านหน้าสุด แต่เนื่องจากว่าอายุกาลผ่านวัยถึง ๑๐๓ ปีแล้ว หลวงปู่สมบุญจึงไปนั่งเก้าอี้ปิดท้ายแถวทางด้านฝั่งขวามือ ซึ่งพวกเราพูดกันแบบขำ ๆ ว่า "ฝั่งไทย"

ส่วนทางด้านฝั่งซ้ายของพระประธานหรือว่า "ฝั่งลาว" นั้น ก็ประกอบไปด้วยหลวงพ่ออวยพร (พระครูปฐมวราจารย์) วัดดอนยายหอม ท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ.) วัดประดู่ (พระอารามหลวง) หลวงพ่ออิฏฐ์ (พระครูโสภิตวิริยาภรณ์) วัดจุฬามณี หลวงพ่อพร (พระครูปฐมสรคุณ) วัดบางแก้ว ซึ่งรายนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ของกระผม/อาตมภาพเอง

ท่านอื่น ๆ นั้น ก็ทักทายถึงกันบ้าง ไม่ถึงกันบ้าง โดยเฉพาะหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ ไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมไหนก็ตาม เสียงท่านก็จะดังคับสถานที่ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าใครอยู่แถวนั้น เมื่อทำการปลุกเสกเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ขอตัว ฝ่ารถติดกลับสู่ที่พัก เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องมีภารกิจต่อไปอีก

[เถรี]

สำหรับวันนี้ขออนุโมทนากับญาติโยมทั้งหลายที่ร่วมบุญกันในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ด้วยการบูชาวัตถุมงคลจากกระทู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะท่านที่บูชามีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ไป กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าท่านทั้งหลาย "คิดถูกแล้ว" เนื่องเพราะว่าปัจจุบันนี้ ราคามีดหมอหลวงพ่อเดิมนั้น ไปไกลอย่างชนิดที่ "จับไม่ติด"...

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านเรวัช (พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร) อดีตผู้บังคับการกองปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีประสบการณ์โดยตรง จากการใช้วัตถุมงคลติดตัว ในการที่ออกปราบปรามโจรผู้ร้ายต่าง ๆ แล้วปลอดภัยมาตลอด วัตถุมงคลหลักของท่านก็คือมีดหมอหลวงพ่อเดิม แต่ว่าเมื่อท่านมาเปิดเผยในลักษณะออกสื่อ จึงพาให้ราคามีดหมอหลวงพ่อเดิม ที่ปกติแล้วก็แพงสุดใจอยู่แล้ว ราคาได้กระโดดขึ้นไปอีกมาก..!

ท่านที่บูชาไปนั้น มีดหมอบางเล่ม กระผม/อาตมภาพติดตัวอยู่หลายปี อย่างเช่นมีดหมอสาลิกาเลี่ยมนาก หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ กว่าที่กระผม/อาตมภาพจะหามีดหมอที่สมบูรณ์ ไม่ผุ ไม่แตก ไม่แหว่งได้สักเล่มนั้น เป็นเรื่องที่หายากอย่างยิ่ง เพราะว่าเมื่อเจอในราคาที่รับได้ ต่อให้ไม่สวยเต็มที่ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะไปเจอที่สวยกว่านี้อีกเมื่อไร เป็นต้น

ลักษณะของการเล่นวัตถุมงคลแบบนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่ได้ใช้ระยะเวลาที่เนิ่นนานจริง ๆ ก็อาจจะหาของที่ถูกใจยังไม่ได้ เพียงแต่ว่าเรื่องของวัตถุมงคลนั้น บางทีท่านก็ "เลือกเจ้าของเอง" มีบางท่านตัดสินใจจองแล้ว ก็ยังสละสิทธิ์ ปล่อยให้ท่านที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงมาคว้าเอาไปทีหลัง เป็นต้น

[เถรี]

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การที่ให้ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) นำเอาตะกรุดโลกธาตุเนื้อทองคำ ซึ่งกระผม/อาตมภาพใช้เงินส่วนตัวจองเอาไว้ ไปลงให้ท่านทั้งหลายที่ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์วัดท่าขนุนได้บูชากัน

ส่วนนั้นเป็นตะกรุดที่เข้าพิธีเดียวกันกับตะกรุดอื่นทุกอย่าง เพียงแต่กระผม/อาตมภาพแบ่งเอาไปให้ เพื่อบริการแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งสมัครสมาชิกเว็บไซต์วัดท่าขนุนแล้ว ทำไม่ถูกต้องบ้าง โดน "แบน" เพราะว่าเขียนภาษาไทยไม่ถูกหลักบ้าง จะได้อาศัยไปจองทางด้านนั้น ซึ่งทางลูกกิฟท์ก็รับเอาตะกรุดไปแล้ว ตอนนี้กำลังทยอยส่งให้กับสมาชิกที่จองเข้ามา อีกส่วนหนึ่งกระผม/อาตมภาพนั้น จะให้ไอ้ตัวเล็ก นำไปทยอยลงในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ท่านใดที่สามารถเข้าเว็บไซต์วัดท่าขนุนได้ ก็เข้าไปจองหาบูชากันในนั้น

เงินที่ท่านได้ทำบุญมา ส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ก็ใช้ไปสองเรื่อง ก็คือสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังค้างจ่ายเขาอยู่อีก ๑๐ กว่างวด เนื่องเพราะว่าทางด้านผู้รับเหมาส่งงานช้า ไม่ตรงตามกำหนด ตอนนี้ก็เริ่มมีการปรับกันเป็นรายวัน ถ้าถามว่าปรับกันวันละเท่าไร ก็วันละ ๑๕,๐๐๐ บาท ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่าส่งช้าไปวันหนึ่งก็หายไป ๑๕,๐๐๐ บาท..!

กระผม/อาตมภาพเคยได้ปรับอยู่ครั้งเดียวก็คือตอนนี้หุ้มทองพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งตอนนั้นทำสัญญากันไว้ว่า ถ้าส่งงานไม่ทัน จะปรับวันละ ๙,๐๐๐ บาท เนื่องเพราะว่าการรับเหมานั้น เขารับเหมาไปในราคา ๙,๙๐๐,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพปรับไปจนกระทั่งถึง ๙๐๐,๐๐๐ บาท ก็บอกว่า "ขอปรับแค่นี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว เดี๋ยวคุณจะไม่เหลือกำไรเอาไว้เลย ทำงานให้เสร็จก็แล้วกัน เงินในส่วนที่เหลือจะไม่หักเป็นค่าปรับอีก" เป็นต้น

ยังไม่รู้เหมือนกันว่าการสร้างพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ กว่าที่จะเสร็จจะต้องปรับกันกี่แสนกี่ล้านบาท เนื่องเพราะว่าทางด้านผู้รับเหมานั้น น่าจะไม่เคยทำงานที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงทำให้คำนวณงานผิด ไม่สามารถที่จะส่งงานตามกำหนดได้ จนทำให้ล่าช้ามาจนถึงปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพก็ยังค้างเงินที่จะต้องมอบให้กับทางผู้รับเหมาตามงวดอยู่อีก ๘๐ กว่าล้านบาท..!

[เถรี]

อีกส่วนหนึ่งก็คือเงินที่จะนำเอาไปใช้ในส่วนของทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร ปีนี้กระผม/อาตมภาพเหมาจ่ายค่าเทอมของบรรดานิสิตระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ทั้ง ๔๖ รูป ซึ่งไปเปิดห้องเรียนที่วัดปรังกาสี ของท่านเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ กระผม/อาตมภาพเหมาจ่ายค่าเทอมให้คนละ ๕,๔๕๐ บาท ท่านทั้งหลายก็ลองคูณเอาก็แล้วกันว่า เทอมหนึ่งต้องจ่ายให้กี่แสนบาท ?

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นอกจากนิสิตที่จะต้องจ่ายค่าเทอมให้แล้ว พระวัดท่าขนุนที่ศึกษาทั้งนักธรรม บาลี ตลอดจนกระทั่งระดับปริญญา ก็ยังต้องจ่ายทั้งค่าเทอม และค่าเล่าเรียนต่าง ๆ ให้ บรรดาท่านที่ขาดทุนทรัพย์ในการศึกษา ก็ยังมีการขอทุนมาเป็นประจำ โดยเฉพาะทุนระดับปริญญาเอก ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น..ญาติโยมทั้งหลายที่ทำบุญมาในส่วนของทุนการศึกษา เท่ากับว่าท่านได้สร้างบุญธรรมทาน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทานนั้น ย่อมชนะทานทั้งปวง ท่านทั้งหลายได้ทำทานอันสูงสุดในพระพุทธศาสนา ซึ่งทานที่รองลงไปก็คือวิหารทาน ได้แก่ท่านทั้งหลายที่ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน

ส่วนที่เหลือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ที่มีอานิสงส์พิเศษ เหมือนกับได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองนั้น ทางวัดเราก็ยังมีให้ท่านทั้งหลายได้ทำอยู่ตามปกติ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็เลือกหาทำบุญกันตามอัธยาศัย

ส่วนญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ฝากเอาไว้ตั้งแต่ต้นคลิป ว่าถ้าไม่สามารถที่จะเดินทางกลับได้ หรือว่าติดขัดด้วยภาระใด ๆ ก็ตาม เป็นเวลาที่ท่านทั้งหลายจะต้องสั่งสมบุญกุศล ด้วยการอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และภาวนาเพื่อความปลอดภัยของตนเองอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา แล้วสร้างความเดือดร้อนแก่ท่านทั้งหลาย ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะว่าพวกเราประมาทเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)