กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-04-2024, 19:53
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-04-2024, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไปบรรยายธรรม และนำปฏิบัติธรรมให้กับบุคลากรทางการศึกษาระดับสูง ที่วัดหนองโพ หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นระดับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา จึงได้ปรารภว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ มีคุณครูที่จบแค่ชั้น ป.๔ ครูที่จบสูงที่สุดสมัยนั้นก็คือ พ.ม. (ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม) ส่วนใหญ่ก็จบแค่ ป.กศ. (ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง) แต่สอนเด็กออกมาได้ดีมาก ๆ

สมัยนั้นถ้าหากว่าแบ่งชั้นการปกครอง เขาก็จะมีชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ถ้าไม่ถึงชั้นโท ก็เป็นครูใหญ่ไม่ได้ พอมาระยะหลังของเรามีการเทียบซีแบบต่างประเทศ ตำแหน่งครูใหญ่ก็ปรับขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่ ส่วนปัจจุบันนี้ตำหน่งอาจารย์ใหญ่ ปรับขึ้นเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา บรรดาครูส่วนใหญ่ก็จบครุศาสตรบัณฑิตมาเป็นอย่างน้อย

แต่ปัจจุบันนี้การศึกษาของเด็กไทยเรารั้งท้ายอาเซียน เขาบอกว่าอยู่ในอันดับที่ ๘ ของอาเซียน อาเซียนมี ๑๐ ประเทศ มีพม่ากับเขมรที่อยู่ถัดจากเราไป แต่กระผม/อาตมภาพที่สัมผัสกับพม่ามาหลายปี ขอยืนยันว่า เหตุที่การศึกษาของพม่าอยู่รั้งท้ายอาเซียน เพราะว่าเป็นประเทศปิด ไม่มีคนเข้าไปหาข้อมูลทางด้านนี้

แต่จากที่ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ไปสร้างวัด เด็กพม่าพอเริ่มเรียนชั้นมัธยม ซึ่งเขาแบ่งออกเป็น ๑๐ เกรด บ้านเราแบ่งเป็น ๑๒ เกรด พอเริ่มเข้าชั้นมัธยมปีที่ ๑ ครูบาอาจารย์จะบรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดแล้ว ไม่มีการใช้ภาษาพื้นบ้านของตนเอง บ้านเราต่อให้ปริญญาตรียังทำไม่ได้เลย ยกเว้นหลักสูตรนานาชาติ

ดังนั้น..ถ้ามีการเก็บข้อมูลได้แบบประเทศอื่น ๆ เขา ประเทศที่รั้งท้ายอาเซียนน่าจะเป็นประเทศไทย..! เพราะว่าอย่างของประเทศลาวหรือประเทศเขมร พอเริ่มเรียนชั้นมัธยม เขาจะให้เลือกว่าจะเรียนโปรแกรมภาษาฝรั่งเศส หรือว่าภาษาอังกฤษ เขาเลือกกันตั้งแต่ชั้น ม.๑

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของการศึกษา ทำอย่างไรที่เราจะทำให้เด็กของเราเก่งเสมอหน้ากัน ไม่ใช่มี "เด็กรับแขก" แค่ไม่กี่คน ไปได้เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิก ได้เหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิกมา พอได้มาก็มีผู้ใหญ่ทางการศึกษาวิ่งไปเห่อ ขอถ่ายรูปด้วย หลังจากนั้นก็ทิ้งหายไป ไม่เคยสนับสนุนต่อเลยสักคน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2024 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-04-2024, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การศึกษาของไทยเราต้องปรับสองอย่าง อย่างแรกก็คือคืนไม้เรียวให้ครู ให้สามารถตีเด็กเป็นการลงโทษได้ ไม่อย่างนั้นเด็กไม่กลัว ประการที่สองก็คือ ใครที่สอบแล้วคะแนนไม่ถึง ปรับตกไปเลย ให้ซ้ำชั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเด็กก็ไม่กระตือรือร้น แต่ครูบาอาจารย์จะไปเครียดแทน เพราะว่าให้เด็กตกไม่ได้ พอถึงเวลามีความรู้หรือไม่มีความรู้ ก็ต้องดันให้ผ่านไป ไม่อย่างนั้นตัวเองจะเดือดร้อน ระบบการศึกษาบ้านเราก็เลยพิกลพิการอย่างที่เห็นอยู่ แต่ถ้าสามารถปรับให้เด็กตกได้ และคืนไม้เรียวให้ครู การเรียนของบ้านเราจะดีขึ้นมาก

เนื่องเพราะว่าประเทศข้างเคียงอย่างสิงคโปร์ การศึกษาของเขาอยู่อันดับ ๑ อันดับ ๒ ของโลกมาตลอด ก็คือถ้าสิงคโปร์ได้อันดับ ๑ ฟินแลนด์จะเป็นอันดับ ๒ ถ้าฟินแลนด์ได้อันดับ ๑ สิงคโปร์จะเป็นอันดับ ๒ กระผม/อาตมภาพไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง ก็คือชั้นอนุบาล ครูบาอาจารย์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ ชั้นอนุบาลนะ..! บ้านเราปริญญาตรี ถ้าไม่ใช่หลักสูตรนานาชาติยังทำไม่ได้เลย ในเมื่อบ้านเราไม่สามารถที่จะทำให้เด็กเกรงกลัว และขณะเดียวกัน ก็ห่วงอนาคตของตนเองว่าจะตามเพื่อนไม่ทัน เขาก็จะไม่สนใจการเรียน

กระผม/อาตมภาพเคยบรรยายให้กับเด็กมัธยมชั้นปีที่ ๔ ฟัง เขาบอกว่า "เรื่องการเรียนนั้นไม่จำเป็น มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กกับสตีฟ จ็อบส์ยังเรียนไม่จบปริญญาเลย แต่เขาร่ำรวยเป็นพันเป็นหมื่นล้าน" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ใช่..แต่ประชากรโลกหกเจ็ดพันล้านคน มีมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กกี่คน ? มีสตีฟ จ็อบส์ กี่คน ? แล้วมึงคิดว่ามึงจะทำอย่างเขาได้ไหม..!?"

ในเรื่องของการศึกษาจะเพิ่มวิสัยทัศน์ และเพิ่มโอกาสในการดำเนินชีวิตให้กับทุกคน เป็นเรื่องจริงที่ว่าเราศึกษาจบมา ก็มักจะไม่ได้ทำงานตรงกับสาขาที่ร่ำเรียนมา แต่อย่างน้อย ๆ การศึกษาก็เพิ่มวิสัยทัศน์ ช่วยให้เรามีสายตาที่กว้างไกลขึ้น ช่วยให้มีโอกาสได้งานมากขึ้น

จากประสบการณ์ที่สอนพระภิกษุสามเณรในวิทยาลัยสงฆ์มา ไม่ว่าจะเป็นวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี จังหวัดนครปฐม วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรี วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ จังหวัดกาญจนบุรี พระภิกษุสามเณรของเราให้ความสนใจในการเรียนมากกว่าฆราวาสหลายเท่า เพราะว่าส่วนหนึ่งตั้งใจบวชเข้ามา เพื่อให้มีโอกาสได้เรียน

แต่ขณะเดียวกัน ฆราวาสที่พ่อแม่แทบจะทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่าง ไม่มีความลำบากเหมือนกับพระเณร ไม่ค่อยสนใจเรื่องการศึกษา สาขาวิชาที่มีฆราวาสเรียนปนกับพระ อย่างเช่นรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นต้น ถึงเวลาสั่งงาน พระภิกษุสามเณรส่งครบถ้วน ฆราวาสทวงแล้วทวงอีก จนหมดเทอมยังไม่ส่งเลย แล้วก็มาบ่นว่า "หลวงพ่อเล็กใจร้าย ทำให้ผมติด F"..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2024 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-04-2024, 23:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าเรื่องการศึกษาคณะสงฆ์ของเรานั้น ควรที่จะศึกษาทางธรรมให้หนักแน่นมั่นคงก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะไหลตามกระแสโลกไปหมด เนื่องเพราะว่าผู้คนสมัยนี้ ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะอย่างหนึ่ง นักบวชของเราไม่มีสำนึกในสมณสารูปอย่างหนึ่ง พอไปเรียนห้องเดียวกัน ความเป็นพระกับฆราวาสก็หาย เหลือแต่เพื่อน ซึ่งตรงนี้จะสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนามาก

กระผม/อาตมภาพยังชื่นชมว่านิสิตของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ก่อนที่จะเป็นวิทยาลัยสงฆ์ เราเป็นห้องเรียนขยายโอกาสของคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กระผม/อาตมภาพเจอนิสิตที่ดีมาก อย่างเช่นว่า ที่เป็นพระวิปัสสนาจารย์โครงการทุนเล่าเรียนหลวง อย่างคุณพรลักษณ์ แม้นบุตร หรือว่าปัจจุบันอย่างอาจารย์กัญญาพร สุทธิพันธ์ ของวิทยาลัยสงฆ์ ถึงเวลาคุยกับพระ จะคุกเข่ากับพื้น นั่นคือบุคคลที่สำนึกในเพศภาวะของตน แต่ขณะเดียวกัน นิสิตที่เป็นพระภิกษุสามเณรส่วนหนึ่ง กลับขาดสำนึกในสมณสารูปของตน เห็นเพื่อนนิสิตผู้หญิงสวยหน่อย กูจีบแม่..เลย..! โดยที่ไม่ได้สนใจว่าอาบัติสังฆาทิเสสหน้าตาเป็นอย่างไร ?!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเรายังไม่มั่นคงในเรื่องของศีล ในเรื่องของสมาธิ แล้วไปเรียนทางโลก โอกาสที่เตลิดเปิดเปิงจะมีสูงมาก เพราะว่าครูบาอาจารย์สมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วสอนให้พวกเราละเมิดศีลกัน กระผม/อาตมภาพเจอมาเอง ตอนสมัยเรียนปริญญาตรี ท่านบอกว่า "พวกเราเรียนกันหนักมาก ถ้าตอนเย็นหิว ก็กินข้าวเย็นไปเถอะ กินแล้วก็ไปปลงอาบัติกัน" ฟังดูเหมือนกับเมตตามาก
แต่สอนให้ลูกศิษย์ละเมิดศีลทุกวัน โดยเฉพาะเป็นการต้องอาบัติโดยไม่ละอาย เพราะรู้อยู่แล้วขืนทำ ซึ่งเป็นการต้องอาบัติที่เขาถือกันว่าเลวร้ายที่สุด..!

กระผม/อาตมภาพเคยเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ว่าวัดเราพร้อมทุกอย่าง ทำไมหลวงพ่อไม่เปิดเป็นสำนักเรียน ? ท่านบอกว่า "ข้าไม่อยากเอาเหี้ยเข้าวัด..!" พวกท่านไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่า "เหี้ย" นั้นมาจากไหน..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2024 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-04-2024, 23:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,983 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ ครูบาอาจารย์ที่สอนบาลีของสำนักปริยัติธรรมวัดท่าขนุน ก็คือมหาจอม (พระมหาภูมินทร์ ฐิตญาโณ ป.ธ. ๗) กับมหาโอ๊ต (พระมหาสราวุธ ปญฺญาวุฑฺโฒ ป.ธ. ๓) ขออนุญาตลากลับสังกัดเดิม ซึ่งทั้งสองท่านได้ทำประโยชน์ให้กับสำนักเรียนวัดท่าขนุนสูงมาก ช่วยในการสอนนักเรียนบาลีของเราได้ดีมาก อย่างเช่นปีนี้วัดเราส่งสอบประโยค ๓ จำนวน ๔ รูป สอบผ่าน ๓ รูป ติดซ่อม ๑ รูป ซึ่งทั้งสองบอกว่า เดี๋ยวจะช่วยส่งพระที่ท่านซ่อมเข้าสอบก่อน แล้วถึงจะกลับสังกัดเดิม

คราวนี้ครูสอนของเราที่มีอยู่ แนวทางในการสอนแบบนั้น เราเห็นแล้วก็ควรที่จะจดจำแล้วนำมาถ่ายทอดให้กับนักเรียนของเราด้วย เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเราได้รับการสอนมาโดยตรงในวิชาครู แต่ว่าเห็นว่าอะไรดี ก็เลียนแบบและทำตามได้ โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ในการเรียน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ศีลพระต้องมาก่อน สมณสารูปต้องมาก่อน ใครเขาจะทำอะไร สำนักไหนจะเป็นอย่างไร ช่างเขา แต่สำนักวัดท่าขนุนของเราต้องเคร่งครัดไว้ เนื่องเพราะพวกเรารู้ว่าถ้าทำผิดแล้ว จะเกิดโทษอะไรบ้าง

มีบางท่านบอกว่า "พระของเราชอบเทศน์เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่" กูอยากจะบอกไอ้คนพูดว่า ไม่ต้องเสียเวลาเอามาล่อ หรือเอามาขู่ ถ้าเอ็งทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วเป็นปกติอยู่แล้ว ต่อให้เอามาล่อเอามาขู่อย่างไร ถ้าหากว่าเอ็งไม่สนใจก็ไม่มีประโยชน์

ดังนั้น..
ในปัจจุบันพวกปทปรมะ คือ พวกที่มากด้วยบทบาท มีมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราต้องมีพื้นฐานการศึกษาที่แน่นด้วย โดยเฉพาะในเรื่องทางธรรม ต้องยึดพระไตรปิฎกเป็นหลัก ไม่ใช่เป็นพระอนาคามีแล้วยังกลับชาติมาเกิด พวกนั้นปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปให้ราคา อะไรที่ค้านคำสอนพระพุทธเจ้า ขอให้รู้ว่าไร้อนาคต ต่อให้มีคนหลงเชื่อในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ รับประกันว่าตอนตายเจอหนักแน่ ๆ..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2024 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว