กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 29-04-2024, 19:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-04-2024, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเพิ่งกลับมาจากการร่วมเจริญพระพุทธมนต์กับคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในโอกาสคล้ายวันประสูติ

ในเรื่องของการเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งทางคณะสงฆ์กำหนดไว้ทุกวันจันทร์ ทางวัดท่าขนุนของเราก็เจริญพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลทุกเย็นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวันนี้ทางคณะสงฆ์กำชับมาว่า ให้ทำโดยพร้อมเพรียงกัน เพราะว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมารด้วย ต้องไปทำร่วมกันที่วัดปรังกาสีเป็นกรณีพิเศษ

ส่วน
ในช่วงเช้าวันนี้ กระผม/อาตมภาพได้ทำการติดตามงานบูรณปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม แล้วก็ได้อยู่ร่วมฉันเพลกับพระครูบ่าว - พระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ซึ่งท่านปรารภเรื่องที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสลาไปท่องโลกกว้าง โดยไม่มีกำหนดกลับ กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ปล่อยท่านไปเถอะ เพราะว่าคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ใครที่พรรษาครบ ๕ แล้ว ถ้าจะออกจากวัด แค่แจ้งผมคำเดียว จะไปไหนก็ไป..!"

ส่วนตัวกระผม/อาตมภาพเอง สมัยที่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น กลัวอยู่อย่างเดียวว่าจะอยู่กับหลวงพ่อท่านน้อยเกินไป เนื่องเพราะว่าความรู้ความสามารถที่ศึกษาจากครูบาอาจารย์ ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอแก่การใช้งาน ดังนั้น..ต่อให้ครูบาอาจารย์จะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร กระผม/อาตมภาพก็หน้าด้านหน้าทน อยู่ศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยที่รู้สึกอยู่อย่างเดียวว่า ครูบาอาจารย์ท่านจะจากไปวันไหนก็ไม่รู้ ? ถ้าหากว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เราต้องกอบโกยความรู้มาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ในเมื่อความคิดคนไม่เหมือนกัน รุ่นหลัง ๆ กลัวว่าจะอยู่กับครูบาอาจารย์มากเกินไป เดี๋ยวจะเก่งเกิน..! บางทีเพิ่งจะบวช ไม่ทันจะออกพรรษา ก็หนีออกจากวัดไปแล้ว หลายรายก็รอแล้วรออีกว่าเมื่อไรจะได้ ๕ พรรษาตามระเบียบของวัด พอครบ ๕ พรรษาเมื่อไรก็ถลกก้นไปทันที
ในเมื่อความคิดไม่เหมือนกัน ความตั้งใจที่จะศึกษาหาความรู้ใส่ตัวไม่เหมือนกัน เราจะไปบังคับเขาให้ทำแบบเดียวกับเรา ย่อมเป็นไปไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2024 เมื่อ 01:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-04-2024, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายจะต้องตระหนักว่า ถ้าตราบใดที่ความรู้ของเรายังไม่เพียงพอที่จะระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจลงไปได้ ไม่ว่าท่านไปอยู่ที่ไหนก็หาความสงบไม่ได้ ในพระไตรปิฎก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือนกันสุนัขจิ้งจอกขี้เรื้อน นอนอยู่ที่ใดที่หนึ่งก็ไม่นาน ถึงเวลาคันขึ้นมา ก็คิดว่าเป็นเพราะแผ่นดินตรงที่ตนเองนอนอยู่ ก็วิ่งหาที่นอนใหม่ ซึ่งก็นอนได้ไม่นานอีก พอคันก็วิ่งหาที่ใหม่ต่อไป

จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับท่านทั้งหลาย เนื่องเพราะว่าขนาดพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่เลิศที่สุดแล้ว ในยุคสมัยนั้นมีพระอยู่กับท่าน ๔๐ กว่ารูป ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ออกมาเป็นหลักให้กับญาติโยมเขาได้กี่รูป ? ในเมื่ออยู่กับครูบาอาจารย์ระดับนั้นแล้ว ถ้ายังไม่เอาดี ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน ครูบาอาจารย์ยังอยู่แล้วเอาดีไม่ได้ จะไปหวังว่าสิ้นครูบาอาจารย์แล้วจะเอาดีให้ได้ ก็คงจะเหมือนกับพระฉันนะ ก็คือไปได้ดีตอนตายนั่นแหละ..!

ถ้าว่ากันตามพระไตรปิฎก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อยากจะยกเป็นตัวอย่างเลยก็คือพระอานนทเถระ ซึ่งเป็นพุทธอนุชาออกบวช แล้วคณะสงฆ์มอบหมายให้ท่านทำหน้าที่อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอานนท์เป็นแค่พระโสดาบันเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่านอกจากไม่ละเมิดศีลแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ เท่าปุถุชนธรรมดาทั้งหมด..!

แต่จากที่พระอานนท์ท่านเล่ามาหลังจากที่บรรลุอรหัตผลแล้วว่า
ตลอดระยะเวลาที่ถวายการรับใช้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยาวนานนั้น แม้แต่กามสัญญาสักน้อยหนึ่งก็ไม่เคยเกิดขึ้นในจิตเลย เราต้องเข้าใจว่าบุคคลที่จะละกามสัญญาได้ ต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไป แม้แต่พระสกาทาคามีนาน ๆ ยังมีประหวัดถึง แต่พระอานนท์ที่เป็นแค่พระโสดาบัน ท่านยืนยันว่าแม้แต่กามสัญญาก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในจิตของท่านเลย เนื่องเพราะว่าท่านทำงานเป็นกรรมฐาน

ถ้าท่านทั้งหลายอ่านในพระไตรปิฎกจะเห็นว่า ในยามต้น ท่านมีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอว่าพระองค์ท่านจะเรียกใช้หรือไม่ ? ถ้าหากว่าไม่เรียกใช้ก็เข้าสู่ที่พัก นั่งภาวนา

พอยามสอง มีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสเรียกใช้ ก็เข้าสู่ที่ภาวนา

ในยามสาม มีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เรียกใช้ ก็จะจัดการปูอาสนะ เตรียมน้ำใช้น้ำฉัน เตรียมไม้สีฟัน เตรียมบาตรไว้ เพื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตื่นจากบรรทมแล้ว จะได้ใช้งาน

สรุปก็คือไม่ได้นอนทั้งคืน ยกเว้นนั่งกรรมฐาน ในเมื่อท่านเองทำงานเป็นกรรมฐาน แล้วทำไมพวกเราถึงทำไม่ได้ ? ก็เพราะว่ากำลังใจของเราไม่ได้จดจ่อปักมั่นอยู่กับงานตรงหน้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2024 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-04-2024, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองบวชใหม่ ๆ ต้องหางานให้ตัวเองทำ งานแรกเลยก็คือทำความสะอาดศาลานวราชบพิตร ที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านลงรับแขกที่นั่นทุกวัน ไปทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน โดยเอาอิริยาบถและสัมปชัญญะ ในมหาสติปัฏฐานสูตรเข้าไปจับ ไม้กวาดจะไปข้างซ้าย จะไปข้างขวา จะไปข้างหน้า จะไปข้างหลัง กำหนดรู้ตามไป ไม้ถูจะไปข้างซ้าย จะไปข้างขวา จะไปข้างหน้า จะไปข้างหลัง กำหนดรู้ตามไป ทำงานแบบมีความสุขมาก ไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองเหนื่อย ทั้ง ๆ ที่ศาลาหลังใหญ่มาก

นี่คือสิ่งที่จะบอกกับพวกเราบางคน ที่มีความรู้สึกว่าตั้งใจมาอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติธรรม แล้วทำไมกลายเป็นต้องทำงานวัดมากมายมหาศาลแทน ? อยากจะบอกว่า ถ้าใครคิดแบบนั้นก็โง่เต็มที เนื่องเพราะว่าการทำงานทุกอย่าง ถ้าเอาสติจดจ่ออยู่เบื้องหน้า ก็เท่ากับเป็นกรรมฐานทั้งสิ้น

ท่านที่ต้องการไปนั่งนิ่ง ๆ เจริญกรรมฐานอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพให้เต็มที่แค่ ๓ ชั่วโมง ก็จะบ้าแล้ว..! เนื่องเพราะว่าสภาพจิตของเราต้องมีการเสวยอารมณ์ต่าง ๆ ถ้าเราไม่รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่รู้จักหางานอื่นทำ เมื่อสภาพจิตเครียดก็ไปต่อไม่ได้ ท้ายที่สุดก็จะไปคิดว่า ออกไปท่องโลก ดูท่าว่าจะช่วยได้ ก็คงจะกลายเป็นหมาจิ้งจอกขี้เรื้อนไปเท่านั้นเอง..!

ก็ได้แต่หวังว่า ท่านทั้งหลายเมื่อฟังตรงนี้แล้ว น่าจะไม่ปล่อยให้ "เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา" เพราะกระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่เราท่านทั้งหลายก็คงโดนกิเลสตีแทบตายอยู่ทุกวัน ไม่ใช่ว่าไม่เคยปรากฏกามสัญญาเลยอย่างพระอานนท์ แต่ของเราปรากฏวันละหลายสิบรอบ..! ในลักษณะนั้นก็แปลว่าเราทำผิด

ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าปฏิบัติธรรมไปนาน ๆ แล้วไม่เกิดผล ให้รู้ด้วยว่าเราทำผิดวิธี แล้ววิธีการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เราต้องรู้จักปรับให้เหมาะสมกับตัวเอง เพราะว่าครูบาอาจารย์ หรือแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น เราต้องใช้ปัญญาในการพลิกแพลงให้เหมาะสมกับตัวเรา แต่อย่าให้หลุดไปจากกองกรรมฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2024 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว