กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-10-2010, 12:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันศุกร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ถ้าหากว่าคับแคบไปหน่อย ก็ขยับ ๆ แบ่งปันกันไป สำหรับวันนี้เป็นวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติธรรมวันแรกของของเดือนตุลาคม

เดือนนี้เป็นเดือนที่พระจะออกพรรษากันแล้ว เท่าที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วในช่วงพรรษา จะเป็นช่วงที่พระท่านตั้งใจปฏิบัติ โดยเฉพาะท่านที่ตั้งใจว่า เมื่อออกพรรษาแล้วจะสึกหาลาเพศไป ก็จะทุ่มเทให้กับการปฏิบัติมากกว่าเวลาปกติ

ตัวเราที่เป็นฆราวาส โดยส่วนใหญ่ก็มีที่ตั้งใจทำความดีในช่วงเข้าพรรษา อย่างเช่นว่า งดการดื่มสุราเมรัยในช่วงตลอดพรรษา ๓ เดือน เป็นต้น พวกเราทุกคนที่เป็นนักปฏิบัติ ก็มีจำนวนมากที่อาศัยช่วงระยะเวลานี้ ปฏิบัติธรรมในระดับที่สูงขึ้นไป อย่างเช่นว่า บางท่านตั้งใจรักษาศีลแปดตลอดพรรษา เป็นต้น

เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ ๓ อาทิตย์จะออกพรรษา ก็แปลว่า เวลาที่ผ่านมาประมาณ ๒ เดือนเศษ ๆ นั้น ทุกท่านได้ก้าวผ่านระยะเวลาที่ตั้งใจทำความดีมาเกินครึ่งแล้ว แต่พวกเรามีการสังเกตตนเองบ้างหรือไม่ว่า กำลังใจของเราตอนนี้ กับกำลังใจแรกเริ่มตอนเข้าพรรษาใหม่ ๆ มีความต่างกันเท่าไร ?

ยังคงมุ่งมั่น วิริยะบากบั่น ไม่ท้อถอยเหมือนเดิม หรือว่าเริ่มรามือแล้ว ไม่ค่อยเข้มงวดกับตัวเองเหมือนตอนที่ตั้งใจไว้แต่แรก หรือบางท่านก็โดนกิเลสกลบกลืนไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่สามารถจะสร้างความดีให้ครบพรรษาได้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องรู้จักประเมินตนเอง ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึง อิทธิบาท ๔ คือ องค์ธรรมที่สร้างความสำเร็จแก่เราทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งประกอบไปด้วยหัวข้อธรรม ๔ ประการ คือ

๑. ฉันทะ มีความยินดีพอใจที่จะกระทำงานนั้น ๆ อย่างเช่น พอใจที่จะปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 13:05
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-10-2010, 12:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

๒. วิริยะ มีความพากเพียร บากบั่น ไม่ท้อถอย เพื่อที่จะก้าวเข้าไปถึงจุดหมายที่ตนเองได้วางเอาไว้

๓.จิตตะ มีกำลังใจปักมั่นต่อเป้าหมาย ไม่เปลี่ยนแปลงแปรผันไปทางไหน จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ตามความต้องการที่ได้ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่แรก

๔.วิมังสา มีการไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ว่าเราตั้งใจจะทำอะไร ตอนนี้เราทำได้แค่ไหน ณ ปัจจุบันนี้เรายืนอยู่ตรงจุดใด มีผลงานที่ผ่านมามากน้อยเท่าไร ยังห่างไกลต่อเป้าประสงค์ที่มุ่งไว้มากน้อยเท่าไร และที่สำคัญที่สุด ยังคงมุ่งมั่นตรงต่อเป้าหมายเหมือนเดิมหรือไม่ ? หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่มีคนอื่นประเมินให้เราได้ นอกจากตัวเราต้องรู้จักประเมินตนเอง เพื่อจะได้แก้ไขจุดบกพร่องที่มีอยู่ สร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นกับการปฏิบัติของเรา

เราต้องประเมินตนเองตามหลักวิมังสา โดยปราศจากอคติ คือไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ดีก็ให้บอกว่าดี ไม่ดีก็ให้บอกว่าไม่ดี จะดีมากหรือว่าดีน้อยหรือหาความดีไม่ได้เลย ก็ต้องว่ากันตามความเป็นจริง

ถ้าเราไม่ยอมรับความเป็นจริง เราก็ไม่สามารถที่จะประเมินตนเองได้ถูกต้อง และไม่สามารถจะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยมทุกท่านจำเป็นต้องตระหนักรู้ และทำการดูตนเอง เพื่อที่จะได้แก้ไขให้ก้าวขึ้นไปสู่กำลังใจในระดับที่สูงกว่านี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 13:06
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-10-2010, 01:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น ปัจจุบันทุกท่านรู้ในส่วนของทฤษฎี คือในด้านปริยัติธรรมมากเพียงพอแล้ว หลายท่านก็มากเกินไปแล้วด้วย จนกลายเป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่า ทำอย่างไรที่เราจะเร่งพากเพียรปฏิบัติให้เกิดผล เมื่อเกิดผลแล้วจะนำไปบอกต่อกับใคร ก็จะมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าผู้บอกได้พิสูจน์ทราบด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลเองแล้ว

แต่ถ้าหากว่าเรายังทำไม่ได้แล้วนำไปสอนคนอื่น ก็จะบังเกิดโทษหลายประการ อย่างเช่นว่า สอนไม่ถูกต้อง หรือว่า ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เพราะกล่าวไปก็ไม่ตรงกับอารมณ์ปฏิบัติจริง เป็นต้น

เมื่อเราประเมินตนเองแล้ว เห็นจุดบกพร่อง อย่างเช่นว่า เริ่มท้อถอย เริ่มรามือ ไม่ได้เร่งรัดการทำความดีเหมือนตอนช่วงเข้าพรรษาใหม่ ๆ หรือว่าตอนช่วงเริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ หรือสำหรับหลายท่านคือตอนช่วงที่เคยพบหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ก็ให้เร่งรัดการปฏิบัติของตนเองให้ได้ในระดับนั้น

ในเมื่อรู้เห็นข้อบกพร่องก็สามารถที่จะแก้ไขได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า การดูที่ตัว แก้ที่ตัว ถึงจะถูกหลัก บุคคลอื่นเป็นส่วนหนึ่งของโลก ปัญหาของบุคคลอื่นก็เป็นปัญหาของโลกด้วย ขึ้นชื่อว่าโลกแล้ว ใหญ่เกินไป หนักเกินไปกว่าที่เราจะแบกไหว

เราจึงต้องดูที่ตัวแก้ไขที่ตัวเราเท่านั้น โดยเฉพาะดูใจของเราให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้ในใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องสร้างให้มีขึ้นมา ความดีที่ว่าคือ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

ให้ดูว่าใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่ก็ให้ขับไล่ออกไป วิธีขับไล่ก็คือเข้าหา ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ถ้าความดีเกาะอยู่ในใจของเรา ความชั่วก็เข้ามาไม่ได้ เมื่อขับไล่ออกไปได้แล้ว ก็ให้ระมัดระวังไว้ อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาได้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2010 เมื่อ 02:57
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-10-2010, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในเบื้องต้นของการปฏิบัติ ความมีสัมปชัญญะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เราจะได้ตามดูตามรู้ตัวเอง เพื่อจะได้รู้ถึงความขาดตกบกพร่องของเราว่าเป็นอย่างไร แล้วจะได้เสริมสร้างให้ครบถ้วนสมบูรณ์

ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น จำเป็นต้องอยู่ในลักษณะของ อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตนเองไว้เสมอ อย่าหลงผิดคิดว่าเราดีแล้ว ขณะเดียวกันก็อย่าประณามว่าเราหาความดีไม่ได้ เพราะจะทำให้กำลังใจของเราท้อถอย

ให้เราเปรียบเทียบการปฏิบัติแต่แรกเริ่มกับในปัจจุบันนี้ เราก็จะเห็นความก้าวหน้าอย่างน้อยระดับหนึ่ง อย่างเช่น จากเป็นบุคคลที่ไม่มีศีลเลย ก็เริ่มรักษาศีลได้บ้าง หลายท่านก็รักษาศีลได้ครบถ้วนบริสุทธิ์บริบูรณ์ จากบุคคลที่ไม่เคยหัดปฏิบัติสมาธิภาวนา ก็เริ่มปฏิบัติรักษากำลังใจให้ทรงตัวได้บ้าง

บางท่านก็สามารถทรงตัวจนเป็นอัปปนาสมาธิ คือตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปได้ ถ้าดูอย่างนี้เราจะเห็นความก้าวหน้าของตน ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

โดยเฉพาะหลักสำคัญที่สุดคือลมหายใจเข้าออก เราไม่สามารถที่จะทิ้งได้ ทิ้งลมหายใจเข้าออกเมื่อไรความฟุ้งซ่านจะมาเยือนทันที แล้วกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมทั้งหลายก็จะกระหน่ำซ้ำเติมเรา

การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกจึงเป็นพื้นฐานที่ใหญ่ยิ่ง สามารถสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่ใจของเราได้ แล้วสามารถที่จะใช้กำลังนั้น ไปช่วยในการใช้ปัญญาพิจารณาตัดกิเลส

การปฏิบัติของพวกเราทุกคน จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก จะใช้คำภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย หายใจเข้ากำหนดรู้ตามไปตั้งแต่ต้นจนปลาย หายใจออกกำหนดรู้ตามไปตั้งแต่ต้นจนปลาย ถ้าคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อไร ให้ดึงกำลังใจกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกใหม่

ให้ทุกท่านรักษาอานาปานสติคือ การกำหนดสติรับรู้ ตามรู้ถึงลมหายใจเข้าออกเอาไว้ดังนี้ พร้อมกับใช้คำภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญานบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2010 เมื่อ 01:10
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-10-2010, 19:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากออกกรรมฐานแล้ว พระอาจารย์กล่าวว่า "ในการปฏิบัติ บางทีเรารักษากำลังใจได้ไม่ดีนัก เพราะว่าสภาพร่างกายของเราแย่ ขาดการพักผ่อน เป็นต้น

ส่วนนั้นอย่าไปหนักใจ เพราะว่าเป็นธรรมดาของร่างกาย สมาธิของเราขึ้นอยู่กับร่างกายมาก ถ้าร่างกายไม่ไหว สมาธิก็ไม่ค่อยทรงตัว

ดังนั้น..ในช่วงกลางคืน ส่วนใหญ่แล้วการปฏิบัติก็ให้นอนยาวไปเลย กำหนดใจเกาะพระเอาไว้ ตั้งใจว่าถ้าตายลงไป เราขอไปพระนิพพานที่เดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2010 เมื่อ 01:10
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว