กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 25-11-2011, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ยังมีมีดหน้าลูกไก่ มีดหน้าลูกไก่นี่เหมือนทรงอีโต้ คล้าย ๆ หัวลูกไก่ แล้วก็มีมีดซุย มีดปาดตาล มีดปาดตาลก็ลักษณะทรงมีดหมอ โคนใบจะเล็กแล้วก็ไปกว้างตรงช่วงปลาย บางคนเขาเรียกท้องปลิง คือมีลักษณะเหมือนท้องปลิง เอาไว้ปาดงวงตาลสำหรับทำน้ำตาล ต้องไปโยกงวงตาลให้ช้ำก่อน แล้วก็ปาด พอถึงเวลาน้ำตาลก็จะไหลออกมา


มีดปาดตาล



ส่วนมีดซุยเป็นมีดที่มีลักษณะของด้ามคล้าย ๆ ปืน ด้ามจะโค้งลง เวลาจับก็ลักษณะเหมือนจับด้ามปืน




มีดซุย

นอกจากนี้ยังมีเสือซ่อนเล็บ จะเป็นมีด ๒ เล่มที่สวมเข้าหากัน เวลาเราถืออยู่ก็เหมือนไม้ท่อนสั้น ๆ พอชักออกมากลายเป็นมีดคู่"

เสือซ่อนเล็บ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2011 เมื่อ 17:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 25-11-2011, 13:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนอาตมาจะแจกปืนให้ลูกสาว สมัยนี้ได้แต่แจกมีด อย่างน้อย ๆ เขาจะได้มีอะไรไว้ป้องกันตัว อาตมาบอกไว้ว่าถ้าฉุกเฉินนี่จิ้มไว้ก่อนเลย เดี๋ยวหลวงพ่อไปประกันตัวให้ อย่ามัวแต่กลัวอยู่ พวกคนชั่วกลัวใครซะที่ไหน มักตั้งใจก่อคดีอยู่แล้ว


มีดพับทรงมีดขว้าง ด้ามเขากวาง (มีดบ้านจ่าตุ่ม)


อย่างโมโม่ที่เพิ่งกลับจากอังกฤษมา โดนแย่งโทรศัพท์ เขาเล่าว่าโดนคนร้ายล็อกคออยู่ข้างหลัง แล้วบังคับเอาโทรศัพท์ ก็เลยต้องให้ไป ถ้าเป็นอาตมานี่ผู้ร้ายลงไปกองกับพื้นแล้ว โดนล็อกคออยู่ก็แค่เบี่ยงตัวนิดเดียว แล้วฟาดท่อนแขนกลับหลังจะผ่าหมากพอดี ผู้ร้ายก็นึกว่าเราดิ้นตามปกติ แต่ไม่ได้ดิ้นหรอก ตั้งใจจะให้ผู้ร้ายดิ้นแทน..!

ถ้าหากคนที่เป็นในวิชาการต่อสู้จะไม่มีอะไรอันตรายเลย โดยเฉพาะคนไหนเอามีดมาจ่อคออาตมานี่เท่ากับหาเรื่อง ลองนึกดูว่า คนเอามีดมาจ่อคอนี่ดูน่ากลัวมาก แต่ความจริงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เป็นอาตมาจะต่อยสวนเลย เพราะถ้าเขาจะแทงเราได้ เขาต้องชักมีดกลับก่อน

คนที่ใช้มีดเป็นเขาจะไม่ยื่นไปสุดแขน เขาจะกำมีดอยู่ระดับเอวหรือระดับอก ถ้าพวกนั้นน่ากลัวแน่ แสดงว่าเขาใช้มีดเป็น ถ้าประเภทยื่นมาจี้คอหอย เราก็ยิ้มหวานแล้วก็ชกเปรี้ยงเลย ไม่ต้องกลัวหรอก เขาทำอะไรเราไม่ได้ เพราะระยะแทงไม่มี สุดแขนไปแล้ว

พวกที่เอาปืนมาจ่ออยู่ในรัศมีมือ รัศมีตีนเท่ากับหาเรื่องเดือดร้อน ถ้าคนที่เขาใช้ปืนเป็น เขาไม่มาอยู่ในรัศมีมือรัศมีตีนหรอก"


มีดด้ามมุกเล่มแรกของจ่าตุ่ม เป็นหอยมุกทั้งชิ้นมาทำด้าม ไม่มีรอยประกบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2011 เมื่อ 17:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 25-11-2011, 13:57
เด็กเมื่อวานซืน เด็กเมื่อวานซืน is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 92
ได้ให้อนุโมทนา: 7,974
ได้รับอนุโมทนา 32,428 ครั้ง ใน 1,052 โพสต์
เด็กเมื่อวานซืน is on a distinguished road
Default

ขออนุญาตเพิ่มเติมรูปนะครับ



เล่มบนกับเล่มกลาง เป็นดาบหน้าลูกไก่ฝีมือช่างไทยสมัยอยุธยา



ส่วนเล่มนี้ จะเป็นดาบหน้าลูกไก่ที่เป็นฝีมือของช่างไทยเชื้อสายลาวที่อพยพเข้ามาอยู่อยุธยา ปัจจุบันเราจะรู้จักกันในนามของ บ้านอรัญญิก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 25-11-2011 เมื่อ 14:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กเมื่อวานซืน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 25-11-2011, 13:57
เด็กวังวน's Avatar
เด็กวังวน เด็กวังวน is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2010
ข้อความ: 2
ได้ให้อนุโมทนา: 16,158
ได้รับอนุโมทนา 2,158 ครั้ง ใน 163 โพสต์
เด็กวังวน is on a distinguished road
Default


มีดพร้าของทางใต้จะเป็นแบบนี้ครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2011 เมื่อ 17:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กวังวน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 27-11-2011, 10:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราเป็นผู้หญิงเรี่ยวแรงเราน้อย เราจึงต้องรู้จุดอ่อนของผู้ชายไว้บ้าง อย่างกำปั้นซัดเปรี้ยงเข้าไปที่คอหอยเลย ผู้ชายโดนเข้าไปก็ชักเหมือนกัน ไปต่อยที่อื่นไม่ไหวหรอก หรือไม่ก็ทิ่มลูกตาไปเลย ถ้าต่อยทีเดียวแล้วยังไม่สะใจ ก็เตะผ่าหมากซ้ำเข้าไปอีก กระทืบไปร้องไป “ว้าย..ช่วยหนูด้วย ๆ” กว่าคนจะมาช่วยคนร้ายก็น่วม..!

"คุณปูเป้" หรือที่เขาเรียกกันว่า "เซียนเป้" ตั้งแต่ย้ายจากบ้านอนุสาวรีย์มา ไม่เห็นยายเป้โผล่มาเลย ช่วงที่ยายเป้ได้มีดจ่าตุ่มไปใหม่ ๆ เขาเอาไปจี้แท็กซี่ แถมได้ออก จ.ส.๑๐๐ ด้วย..! เขาขึ้นรถ แล้วไปเจอกระเป๋าเงินตกอยู่ในรถแท็กซี่ ในกระเป๋าน่าจะมีเงินเยอะเพราะใบอ้วนเลย ยายเป้บอกแท็กซี่ให้เลี้ยวไปสถานีตำรวจ แต่แท็กซี่ไม่ยอมไป คาดว่าคงอยากจะได้เอาไว้เอง ยายเป้เลยชักมีดจี้ “จะไปดี ๆ หรือไม่ไป..!” สรุปว่ายายเป้ได้ออก จ.ส. ๑๐๐ เป็นพลเมืองดี เก็บกระเป๋าในรถแท็กซี่ได้แล้วเอาไปคืน หารู้ไม่ว่าเอาไปคืนด้วยวิธีไหน

วันนั้นแม่เจ้าประคุณก็พกอีเหยี่ยวไปด้วย เป็นมีดพกที่ด้ามเป็นรูปนกเหยี่ยว ใบมีดยาว ๗ นิ้ว ใบมีดขนาดนั้นน่ากลัวมาก โดยเฉพาะมีดบ้านจ่าตุ่ม คมพอ ๆ กับมีดโกนทุกเล่ม พวกเราไม่ต้องไปสร้างวีรกรรมอย่างนั้นนะ ถ้าแท็กซี่ไม่ยอมไปเราก็ลงรถแล้วหาคันใหม่ไปโรงพักก็ได้"


มีดพกศิลป์ ด้ามรูปนกเหยี่ยว ฝีมือบ้านจ่าตุ่ม
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 049.jpg (93.2 KB, 1343 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-11-2011 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 27-11-2011, 10:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ดีปักเป้ามีพิษมาก พวกยาสั่งจะเอาดีปักเป้าเป็นส่วนประกอบด้วย มีดีนกยูง ดีหนู ดีงูเห่า ดีปักเป้าทะเล ฯลฯ (หัวเราะ) บอกต่อไม่ได้เดี๋ยวเอาไปทำยาสั่งกัน

พอทำยาสั่งเสร็จแล้ว เราต้องการจะสั่งว่าให้ตายด้วยของอะไร ก็เอาของชนิดนั้นผสมลงไปด้วย ถ้าเขากินของอย่างอื่นร่างกายก็เป็นปกติ แต่ถ้าเขาไปกินของที่ผสมเข้าไปเมื่อไรจะเป็นพิษทันที แล้วจะตายแบบหาสาเหตุไม่เจอ แต่ดูง่าย..เพราะว่าเล็บจะกลายเป็นสีม่วงเข้ม

ถ้ารู้ตัวว่าโดนยาสั่งให้ใช้รากฟักข้าว รากตำลึง และรากรางจืด ทั้งหมด ๓ อย่าง โขลกรวมกันใส่เหล้ากรอกปากไป จะแก้ได้ แต่ถ้าไม่มีอยู่ใกล้มือมีสิทธิ์ตายก่อน คนโบราณเขาจะจับถอนผมแล้วเอามาแตะกับเล็บ ถ้าผมดูดเล็บติดก็แสดงว่ายังแก้ได้ ถ้าหากว่าผมไม่ดูดแสดงว่าพลังชีวิตหมดแล้ว โอกาสตายมีเกินร้อย

สมัยก่อนทางด้านภาคตะวันออกยาสั่งจะแรงมาก เพราะว่ามาจากฝั่งเขมร จนกระทั่งรัชกาลที่ ๕ ตัดสินพระทัยทำหมุดสัมฤทธิ์เป็นหลักเขต เอาไปตอกไว้น่าจะที่แถวชลบุรี พระองค์ตั้งสัตยาธิษฐานด้วยอำนาจบุญบารมีของพระองค์ท่าน ห้ามไม่ให้ยาสั่งผ่านเขตนี้ ถ้าผ่านเข้ามาเมื่อไรขอให้เสื่อมฤทธิ์ ท่านตั้งใจช่วยเหลือประชาชน หากว่าใครไปสืบหาได้ว่าพระองค์ท่านตอกหลักนี้ไว้ตรงไหนช่วยมาบอกที อาตมาจะได้ไปดู

รู้สึกว่าหลักนั้นทำด้วยสัมฤทธิ์ คือโลหะ ๓ อย่างผสมกัน บวกกับการอธิษฐานจิตของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพระมหาโพธิสัตว์ กำลังของความดีท่านสูง การอธิษฐานของท่านก็เลยกลายเป็นอธิษฐานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งใจมั่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-11-2011 เมื่อ 17:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 27-11-2011, 11:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ท่านสร้างสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดิน ไม่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ไหนเลย พระองค์ท่านผสมเอง พิมพ์เอง อธิษฐานแล้วก็แจก ตอนนี้ในท้องตลาดองค์หนึ่งราคาเป็นล้าน

อาตมาได้มาองค์หนึ่ง แต่เจ้าของเขาไม่ยอมให้หนังสือรับรองที่ทางสำนักพระราชวังออกให้ เขาขอเก็บหนังสือรับรองไว้เป็นเกียรติประวัติของตระกูล ส่วนพระยอมถวายให้ แล้วก็ให้เหรียญรัชกาลที่ ๕ เหรียญใหญ่มาหนึ่งเหรียญ เลี่ยมทองมาเลย เขาบอกว่าในตลาดมีแต่ของปลอมทั้งนั้น เอาของที่ตกทอดมาตามตระกูลของเขาดีกว่า แท้แน่นอน

ช่วงนั้นอาตมาตั้งใจจะเอาไว้ทำน้ำมนต์ มีทั้งพระพุทธรูป พระกริ่งวัดสุทัศฯ แผ่นยันต์ทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง เหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ เหรียญรัชกาลที่ ๕ และเหรียญรัชกาลที่ ๙ เพราะถ้าเราอาศัยบารมีของพระอย่างเดียว บางอย่างพระท่านก็ต้องยอมรับกฎของกรรม แต่บุคคลที่เป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อสงเคราะห์คนอื่น ถึงตนเองต้องยอมรับกรรมแทนท่านก็ยอม ก็เลยต้องอาศัยกำลังของพระโพธิสัตว์ท่านด้วย


สมเด็จจิตรลดา ด้านหลังปิดทอง

ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้รับพระราชทานว่า "ให้ปิดทองที่หลังองค์พระปฏิมาแล้วเอาไว้บูชาตลอดไป ให้ทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-11-2011 เมื่อ 17:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 27-11-2011, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เหรียญพระมหาชนก ตอนนั้นอาตมาไม่มีปัญญาที่จะบูชาเหรียญทองคำ ก็เลยได้แต่เหรียญเงินใหญ่มา ขนาดนั้นราคายังตั้ง ๕,๐๐๐ บาท มาพร้อมกับหนังสือฝีมือวาดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์กับคณะ มีอาจารย์ประหยัด พงษ์ดำ เป็นต้น มาช่วยกันวาดภาพพระมหาชนก

เหรียญมหาชนก..ในหลวงท่านบอกใบ้ให้ว่า ปัจจุบันพระองค์ท่านกำลังสร้างวิริยบารมี โดยการพากเพียรช่วยเหลือชาวบ้าน อาตมาจะแต่งกลอนเฉลิมพระเกียรติถวาย ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา พอเริ่มได้บรรทัดเดียวก็แต่งต่อไม่ได้เลย...ต้องจบ จบเพราะสงสารพระองค์ท่าน ไปต่อไม่ได้

เมื่อเลือกกำเนิด.........พ่อเลือกเกิดเพื่อคนไทย
พระชนม์ ๗ รอบผ่านไป........พ่อยังเหนื่อยยากตรากตรำ..ฯลฯ


แต่งต่อไม่ได้เลย อยู่มาจนป่านนี้พระองค์ท่านยังสบายไม่ได้"


เหรียญมหาชนก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2011 เมื่อ 01:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 27-11-2011, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนยังเป็นฆราวาสอยู่ อาตมาเอากฐินไปทอดที่วัดใหม่ศรีสุพรรณ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้เงินกฐินสามหมื่นกว่าบาท แต่ทางเขาต้อนรับคณะกฐินของเราอย่างต่ำก็สามหมื่นบาท ตกลงแล้วเขาจะเหลืออะไร ?

เงินสามหมื่นกว่าบาทช่วงนั้นถือว่ายังเยอะอยู่ เพราะว่าตอนนั้นทองคำบาทละสองพัน เขาต้อนรับคณะของอาตมาด้วยการเลี้ยงขันโตก มีฟ้อนเล็บ มีลอยโคม มีภาพยนตร์

คนเหนือมีอัธยาศัยดีมาก ๆ พอคณะของเราไปถึงเขาก็ลงขันโตกทันที มีสาวจากคุ้มต่าง ๆ ใกล้บ้านมาต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง จะมานั่งประกบกันเลย ที่ขำที่สุดก็คือสาว ๆ แห่กันมาลงโตกของอาตมา ๓-๔ คน โตกข้าง ๆ นี่ว่างเลย ตอนนั้นอาตมาเพิ่งจะอายุ ๒๒-๒๓ ปี ส่วนโตกอื่นอายุเกิน ๖๐ ปีแล้ว อีกอย่างก็คือตอนนั้นอาตมายังเป็นทหารอยู่ด้วย ยังเป็นคนในเครื่องแบบอยู่

เพราะว่าคนเหนือมีอัธยาศัยดีมากนี่แหละ จึงดึงให้คนย้อนกลับไปเที่ยวอีก เป็นแบบเดียวกับสาราณียธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสอนว่าให้ปฏิบัติต่อกันด้วยเมตตา ๑ เมตตาต่อกันด้วยวาจา ๑ เมตตาต่อกันด้วยใจ ๑ แบ่งปันลาภที่ได้มาให้ผู้อื่น ๑ ประพฤติศีลเสมอกัน ๑ มีความเห็นร่วมกัน ๑

พูดง่าย ๆ ก็คือ คิดก็ให้คิดถึงเขาในด้านดี ๆ พูดก็ให้พูดถึงเขาในด้านดี ๆ ทำกับเขาในด้านดี ๆ แบ่งปันลาภที่ได้มาให้แก่คนอื่น นี่คือสาราณียธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องยังความระลึกถึงกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2011 เมื่อ 01:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 27-11-2011, 18:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ครั้งนั้นได้เพื่อนมาเยอะเลย เพราะตอนไปเที่ยวต่อนั้น รถไปเสียที่เวียงป่าเป้าตอนกำลังจะขึ้นเชียงราย ตรงจุดที่รถเสียนี่ไม่ว่าจะขึ้นเชียงรายหรือลงเชียงใหม่ก็ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรเท่ากัน จึงตัดสินใจว่าลงเชียงใหม่ดีกว่า เพราะมั่นใจว่าได้วัสดุมาซ่อมรถแน่ ต้องค้างกลางทางอยู่วันหนึ่งกับอีกหนึ่งคืน

อาตมาในฐานะทหารเตรียมพร้อมเสมอ จึงพกเสบียงไป คนอื่นไม่พกอะไรไปเลย อาตมามีขนมปังแถวหนึ่ง แยมขวดใหญ่และน้ำดื่ม ตอนที่ผ่านเชียงใหม่ก็ซื้อข้าวหลามไปอีกมัดใหญ่ คนอื่นช่วยกันกินกระจายเลย..! เพราะจุดที่รถเสียต้องเดินไป ๓๐๐ เมตรจึงเจอเพิงขายก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ มีอยู่เพิงเดียว แล้วคนลงจากรถไปตั้ง ๗๐-๘๐ คน

แม่ค้าขายหมดทุกอย่างที่ขวางหน้า ลูกตัวเองต้องนั่งร้องไห้เพราะไม่มีอะไรกิน ท้ายสุดอาตมาก็เอาหมูปิ้งให้ป้าสายกิน ป้าสายเป็นอิสลามนะ..! อาตมาบอกว่า “ป้ากินเถอะ ดีกว่าเป็นลม” ป้าเขาก็ไม่รู้ไม่ชี้กินไป เขาบอกว่าถ้าไม่บอกว่าเป็นหมูก็กินได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2011 เมื่อ 01:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 27-11-2011, 18:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในขณะที่ตัวเองมีของอยู่แค่นั้นแล้วยังแบ่งให้คนอื่นเขาได้ ก็เลยได้น้ำใจตอบแทนมา มีแต่คนถามหา อาตมานี่ถ้าเข้าไปแถวโรงหนังอุดมสุขกินฟรีได้ทุกร้านเลย เพราะครั้งนั้นแม่ค้าแถวหน้าโรงหนังอุดมสุขไปกันเยอะ เขาเรียกว่า วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ เราให้เขา ๆ ก็ให้เราตอบ

หลายรายก็ยังคบหาสมาคมกัน จนกระทั่งบวชถึงได้เลิกติดต่อกันไป เพราะอาตมาไม่ได้มีนิสัยโทรหาโยม ถ้าไม่มีธุระอย่าหวังจะได้เห็นเบอร์โทรโผล่ไปเลย บางคนเขารู้จักใครเขาก็โทรไปตลอด ดีตรงที่ว่าได้ต่อสายสัมพันธ์ไว้ แต่ไม่ใช่นิสัยอาตมา นิสัยของอาตมานี่ถ้าโทรไปเมื่อไร แปลว่าคุณกำลังจะเดือดร้อนแล้ว..!

ถึงขนาดพระผู้ใหญ่ท่านยังเคยออกปาก “ไอ้คุณนี่ก็ดีนะ..ถ้ามาเมื่อไรก็แสดงว่ามีเรื่อง ปกติดีไม่เคยโผล่หัวมาเลย ส่วนไอ้พวกไร้สาระมาเฝ้าเช้า เฝ้ากลางวัน เฝ้าเย็น ไม่ยอมไปสักที ผมรำคาญจะตาย..!” นี่พระผู้ใหญ่ท่านออกปากเองเลย ท่านบอกว่า “ไม่มาหาผมแปลว่าคุณมีงาน ผมไม่ได้ว่าอะไร ผมดีใจเสียอีกที่คุณทำงานเพื่อพระศาสนา”

ในเรื่องของการเสียสละให้ปันต่อผู้อื่น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ปฏิปทาสาธารณประโยชน์" อย่างในปัจจุบันที่เห็นชัด ๆ ก็เรื่องน้ำท่วม ในหลวงท่านว่า ถ้าใช้คำว่า "เสียสละ" จะให้ได้ยาก เพราะรู้สึกว่าเราต้องเสีย ให้ตัดคำว่า "เสีย" ออก เหลือแค่ "สละ" ก็จะให้ง่ายกว่า แต่ถ้าเอา ส.เสือ ออก เหลือแต่ "ละ" คราวนี้ให้ได้ทุกอย่างเลย จะเห็นว่าตัวหนังสือคำเดียวในหลวงท่านยังสามารถแยกแยะได้ถึงขนาดนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2011 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 28-11-2011, 18:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนไปแจกของที่ศาลายา เจอพวกที่ทำงานตรงเป็นไม้บรรทัด ปรับงานเฉพาะหน้าไม่เป็นเลย คือเขาไปแจกเฉพาะจุด แต่ละจุดรายงานว่ามากี่คนเขาก็ให้แค่นั้น แล้วคนที่เขาต้องพายเรือออกมาปากซอยตั้งครึ่งค่อนซอย เพื่อมาหาอาหาร เขาขอข้าวกล่องดันไม่ให้ บอกเขาไปว่าไม่มี เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จะแจก ต้องบอกว่าปรับงานเฉพาะหน้าไม่เป็น

มียามที่ ม.มหิดลศาลายา เขาขอข้าว ๓ กล่อง บอกไปว่า “จ่ายไปแล้ว ๓๕ กล่อง อยู่ข้างใน เข้าไปเอาแล้วกัน” กว่าที่เขาจะลุยน้ำเข้าไปเอาข้าวกล้องข้างในได้ ต้องลำบากแค่ไหน? ในมหาวิทยาลัยกว้างตั้งเท่าไร แล้วยามเขาก็ต้องเฝ้าอยู่ที่ประตู เขาจะลุยเข้าไปอย่างไร ? เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา

พวกตรงเป็นไม้บรรทัด ถ้าเป็นทหารตายหมด..! เวลาทหารออกรบต้องปรับตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า ไปตามตำราอย่างเดียวก็ไปเป็นปุ๋ยอยู่ที่ชายแดน..! การตรงไปตรงมานั้นดี แต่ว่าต้องเหมาะสมกับกาละเทศะด้วย ขนาดกฎหมายเขายังมีนิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2011 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 28-11-2011, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่เป็นโรคเก๊าท์ วิธีรักษาที่ง่ายที่สุดคือดื่มน้ำอุ่นเยอะ ๆ โรคนี้เกิดจากผลึกของกรดยูริค ที่มีลักษณะแหลม ๆ เหมือนเข็ม พอไปอยู่ในข้อในเข่าเยอะ ๆ เข้า ก็จะทิ่มเนื้อจึงทำให้เจ็บ ปวด บวม

ให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อจะไปละลายกรดพวกนี้ออกมา ใครที่กินพวกไก่ พวกอาหารทะเลเข้าไป พอหลังอาหารสักชั่วโมงก็เริ่มดื่มน้ำชั่วโมงละแก้ว สาเหตุที่ให้ดื่มน้ำอุ่นเพราะถ้าไปดื่มน้ำเย็นเดี๋ยวจะจับไข้เสียก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2011 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 28-11-2011, 19:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีช่วงทำวัตรจะรู้สึกว่าเหมือนมีกำลังส่งมา แล้วทำให้รู้สึกว่าอยากในสิ่งที่ไม่เคยอยากมาก่อน เช่น อยากฉันชา อยากเคี้ยวหมาก สงสัยว่าทำไมช่วงหลังเป็นบ่อยคะ ?
ตอบ : ทำไม่รู้ไม่ชี้ไว้ ต้องบอกไปว่าอายุยังน้อย ยังแก่ไม่พอ ให้หาสัญลักษณ์อื่นมาแทน

ระวังไว้...เผลอเมื่อไรจะกลายเป็นร่างทรง อย่างอาตมาปฏิเสธเด็ดขาด หมากก็ไม่เอา แว่นตาก็ไม่เอา ยานัตถุ์ก็ไม่เอา ท่านถามว่าแล้วไม้เท้าจะเอาไหม ? ตอนนั้นตอบว่าเอาหรือไม่เอาก็โดนแน่ เงียบดีกว่า

ถาม : การเป็นร่างทรงมีข้อเสียอะไรคะ ?
ตอบ : ไม่มีข้อเสียอะไรหรอก แต่เสียเวลาการปฏิบัติของตัวเอง ถ้าเราต่อรองเป็นก็ดี แต่คราวนี้สิ่งที่ทำกลายเป็นว่า เขาเอาร่างของเราไปสร้างบารมี ส่วนที่เสียง่ายก็คือถ้าขาดสติสัมปชัญญะ ถึงเวลาแล้วชื่อเสียงลาภยศมา จะกลายเป็นว่าคิดว่ากูเก่ง แล้วจะไปหลงในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พอความหลงในลาภ อยากเด่น อยากดัง อยากมีบริวารมาก ๆ เกิดขึ้น ท่านก็ไม่สงเคราะห์อีก

คราวนี้พอคนมาหาก็เริ่มมั่ว ถ้ามั่วถูกก็ดีไป ถ้ามั่วผิดก็เสียหาย เรื่องพวกนี้ต้องระวัง บอกท่านไปว่ายังแก่ไม่พอ ขออีก ๕๐ ปีข้างหน้าแล้วค่อยมา บางอย่างมีกรรมเนื่องกัน ท่านเองท่านก็คงใจร้อน รอเกิดใหม่ก็ช้า จึงอาศัยคนที่เนื่องกันมา หรือไม่ท่านก็คงประเภทกลัวเกินกว่าที่จะมาเกิด "มากูก็ลำบาก ไม่มาดีกว่า อาศัยคนอื่นแบบนี้แหละ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2011 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 28-11-2011, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าเป็นเล่มเก่า ๆ จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาตัดออก เพราะว่าท่านกล่าวถึงคณะปฏิวัติ เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ทำให้คนไปตำหนิว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นพระการเมือง จึงทำให้หายไป ๔ หน้า

อาตมาอ่านหนังสือรุ่นเก่า บางทีก็จะบอกว่าอยู่หน้าไหนในหนังสือเล่มใหม่ที่พวกเราอ่าน ก็ต้องลบหน้าที่เขาตัดออก เพราะว่าหนังสือรุ่นใหม่จะหายไป ๔ หน้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2011 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 28-11-2011, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนสมัยก่อนเขาห้ามเผาศพวันศุกร์ใช่ไหมครับ?
ตอบ : เขาห้ามเผาวันศุกร์ สมัยก่อนถ้าวันเผาตรงกับวันศุกร์เขาจะเลื่อนวัน ส่วนใหญ่เขาจะเลื่อนเป็นวันพฤหัสบดี เขาจะไม่เอาวันเสาร์ เพราะถ้าไปเจอคนที่ตายวันอังคารแล้วเผาวันเสาร์ เขาว่าผีจะเฮี้ยน

ถาม : แล้ววันพระเล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าพระท่านไม่ติดลงโบสถ์ก็พอได้ แต่ต้องเป็นวันพระเล็ก ถ้าวันพระใหญ่เวลาเผามักจะเป็นเวลาพระลงโบสถ์พอดี คนโบราณเขาจะเว้นวันพระกับเว้นวันศุกร์ ที่เว้นวันศุกร์ เพราะเป็น "วันสุข" ไม่ใช่ "วันเศร้า" ส่วนที่เว้นวันพระนั้น ความจริงไม่ใช่อะไรหรอก เดี๋ยวพระท่านจะทำกิจของสงฆ์ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2011 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 29-11-2011, 08:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เวลาไปพม่าบางทีก็ทำใจไม่ถูกเหมือนกัน เพราะบางทีกะเวลากลับเอาไว้พอดี แต่ดันไม่ได้กลับ เพราะเขาบอกว่า “วันนี้วันจม ไม่วิ่งรถ” แล้วเป็นอย่างนี้ทั้งท่ารถ อาตมาจะไปบังคับเขาได้อย่างไร วันไม่ดีเขาไม่วิ่งกัน

ตั้งแต่ไปพม่ามาไม่เคยเจออุบัติเหตุ ทั้ง ๆ ที่พม่าขับรถพิลึกพิลั่นมาก ถนนที่นั่นแคบ เวลารถจะวิ่งสวนกันต้องลงข้างทางคนละล้อ อาตมาเผลอชักแขนหลบทุกที แต่เขากะจังหวะได้ โดยเฉพาะรถวิ่งกลางคืน พอห่างกันสัก ๑๐๐-๒๐๐ เมตรเขาจะสาดไฟสูงใส่กัน ๓-๕ ครั้ง พอวิ่งเข้ามาใกล้สัก ๕๐ เมตร จึงค่อยดับไฟหน้าพร้อม ๆ กัน ถ้าเป็นบ้านเราก็ชนกันเละ..! แล้วพอรถวิ่งมาเกือบจะสวนกัน ต่างคนต่างก็สาดไฟสูงใส่กันอีก แล้วจะไปมองอะไรเห็น ?

ถ้าจะด่าคนขับนี่ไม่ต้องไปด่าหรอก เพราะเขาทำอย่างนั้นกันทั้งประเทศ ถามว่าทำไมทำอย่างนั้น ? เขามองว่าเวลาหลบกันจะได้เห็นชัด ๆ จะไปเห็นชัดกับแมวอะไร จากที่วิ่งมามืด ๆ แล้วไปสาดไฟสูงใส่อย่างกะทันหัน ถ้าเป็นอาตมาจะไม่เห็นอะไรเลย เพราะตาพร่าไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2011 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 29-11-2011, 08:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : น้ำมนต์งานเป่ายันต์เกราะเพชรกับน้ำมนต์รักษาโรค ท่านอธิษฐานเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เหมือนกัน...น้ำมนต์รักษาโรค อธิษฐานรักษาโรคทั้งคนและสัตว์ ส่วนน้ำมนต์งานเป่ายันต์เกราะเพชร อธิษฐานให้ทำลายสิ่งที่ไม่ดีได้

ถาม : แล้วพระโพธิสัตว์องค์ไหนที่รับหน้าที่นี้โดยเฉพาะครับ ?
ตอบ : ได้ทั้งนั้น..อาตมาเจอหน้าใครก็ขอให้ช่วย ต้องบอกว่าทุกท่านรับหน้าที่นี้โดยเฉพาะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2011 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 29-11-2011, 09:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาโยมฝึกมโนยิทธิ พอขึ้นไปบนพระนิพพาน จับภาพพระแล้วจะเห็นเป็นรูปวิมานแทน อย่างนี้ถูกไหมคะ ?
ตอบ : ได้..ทำอย่างไรก็ได้ ให้รู้ว่าตรงหน้าเรานี้คือพระนิพพาน จะเป็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ จะเป็นภาพวิมานของพระพุทธเจ้าก็ได้ หรือจะเป็นภาพพระนิพพานทั้งหมดเลยก็ได้

ถาม : ........(ไม่ได้ยิน) โยมสงสัยจริง ๆ
ตอบ : อย่างไรก็ได้ เพราะว่าอย่างแรกคือเราเกาะแค่นั้นเอง การเกาะทำให้เป้าหมายชัดเจน แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แล้วจะต้องปล่อย ไม่ได้เกาะ

ถ้าถามว่าถูกไหม ? ถ้าอาตมาตอบว่าไม่ถูกโยมก็แย่สิ เพราะช่วงแรกในการปฏิบัติต้องเกาะกันทุกคน เหมือนการขึ้นที่สูงเราก็เกาะราวบันได แต่พอถึงห้องข้างบนแล้วโยมได้เกาะราวบันไดอีกหรือเปล่าจ๊ะ ? ถึงตอนนั้นปล่อยหมดแล้ว

ฉะนั้น...ที่ถามว่าตอนแรกถูกไหม ? ไม่ถูกสักรายหรอก แต่ต้องเกาะเพื่อที่กำลังใจจะได้มั่นคง และเป็นนิมิตหมายที่ชัดเจน หลังจากเต็มที่แล้วก็จะปล่อยเอง ขอให้เกาะอยู่ในด้านดีก็พอ อย่าไปขี้สงสัยมาก ขี้สงสัยมักจะไม่ค่อยได้อะไรหรอก ต้องทำแบบโง่ ๆ ถึงจะได้ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2011 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 29-11-2011, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,140 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมกายทิพย์ต้องมีการคิด อย่างเทวดาทำไมจึงต้องคิด ?
ตอบ : แล้วทำไมถึงต้องไม่คิด ? เขาก็เป็นชีวิตรูปแบบหนึ่ง ถ้าไม่มีการนึกคิดปรุงแต่ง ก็ไปนิพพานหมดแล้วสิจ๊ะ ?

อย่าถามอะไรที่เกินกว่าความรู้ของตัวเอง อาตมาอธิบายไปก็เหนื่อยเปล่า เราปฏิบัติเพื่อขจัดความฟุ้งซ่านออกจากจิต ให้จิตมีสภาพนิ่ง สงบ เพื่อที่ปัญญาจะได้เกิด มองเห็นทางออกจากทุกข์ได้ ไม่ใช่ยิ่งปฏิบัติแล้วยิ่งฟุ้งซ่าน คิดไปได้ทุกเรื่อง ประเภทนั้นเขาเรียกว่าฉลาดเสียเปล่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ไปฉลาดในเรื่องที่ไม่ควรจะฉลาด แต่เรื่องที่ควรจะฉลาดกลับโง่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2011 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว