กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 13-08-2011, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ลักษณะที่เหมือนกับบัวสามเหล่า ส่วนหนึ่งกระทบแสงแดดก็บานเลย อีกส่วนหนึ่งอยู่กลางน้ำ รอเวลาที่จะขึ้นมาบานต่อไป ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้โคลน จะตกเป็นอาหารของเต่าและปลาเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่พอพระองค์ตรัสถึงบุคคลสี่เหล่า เราก็เอาไปเปรียบเป็นบัวสี่เหล่า ความจริงท่านมีบัวพ้นน้ำ บัวกลางน้ำ และบัวใต้น้ำ

เขาลืมธรรมชาติของคนไป ว่าในแต่ละระดับความต้องการไม่เหมือนกัน จะไปบังคับคนให้กินอาหารรสเดียวไม่ได้ เราจะไปบอกว่าหลักสูตรการศึกษาปริญญาเอกสูงสุด ดีที่สุด ให้เรียนปริญญาเอกไปเลย เด็กยังไม่ได้เริ่มเขียน ก.ไก่เลย แล้วจะไปเรียนอย่างไร ?

จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจว่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะหยิบไปเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่งในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา แล้วก็ไปยึดมั่นว่าตรงนั้นดีที่สุด

สมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงจึงได้บอกพวกอาตมาว่า "พวกแกควรจะศึกษากรรมฐาน ๔๐ ให้ครบ พอไปเจอคนอื่นปฏิบัติในลักษณะอื่น ๆ จะได้รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของกรรมฐาน ๔๐ แล้วจะได้ไม่ต้องแสดงความโง่ด้วยการไปค้านเขา..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 09:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-08-2011, 09:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่อง "วังหน้า" ให้ฟังว่า "วังหน้าของเราหมดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว การแต่งตั้งวังหน้าและวังหลังอยู่ในลักษณะของการระมัดระวังป้องกันวังหลวงนั่นเอง จะต้องแต่งตั้งบุคคลที่ไว้วางใจได้ให้ไปทำหน้าที่นั้น ๆ แต่มักจะมีปัญหาก็คือ พออยู่ไปแล้ว ลูกน้องยกยอปอปั้นไปเรื่อย ก็มักจะคิดว่าท่านควรจะได้เป็นวังหลวงมากกว่า

ท่านที่มีสติสัมปชัญญะ รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ก็เฉย ๆ แต่บังเอิญว่า อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก พอคนผลักบ่อยเข้าเสายังไหว เมื่อเป็นดังนั้น..ก็มีหลายท่านที่ก่อการกบฏขึ้นมา

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านไม่ได้คิดจะก่อการกบฏ แต่ผู้ไม่หวังดีไปเพ็ดทูลอยู่เนือง ๆ คำว่า "เพ็ดทูล" สมัยนี้หนังสือลงเป็น "เท็จทูล" กันหมด ทุเรศจริง ๆ ไม่รู้รากศัพท์แล้วยังเสือกทะลึ่งเขียน..!

ในเมื่อเพ็ดทูลเข้าหูผู้ใหญ่ ครั้งแรกก็ไม่เป็นไร ครั้งที่สองก็ไม่เป็นไร พอนานไปก็เริ่มระแวง เราต้องดูตัวอย่างสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อมีคำสั่งจากสมเด็จพระเจ้าตากสินให้เข้าเฝ้าทั้งอาวุธ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกถอดอาวุธวางไว้หน้าห้อง พอมีรับสั่งว่าให้เอาอาวุธเข้ามาได้ ท่านกระทุ้งออกนอกห้องพ้นสายตาไปเลย แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้คิดร้ายอย่างแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 10:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 15-08-2011, 13:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ก็คือวังหน้า ถ้ากรมพระราชวังบวรสถานภิมุข คือ วังหลัง เทียบเท่าตำแหน่งพระมหาอุปราชนั่นเอง

วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ก็คือ ท่านบุญมา (น้องชายในรัชกาลที่ ๑) เป็น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ ๒ คือ กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ วังหน้าในรัชกาลที่ ๓ คือ กรมพระราชบวรมหาศักดิพลเสพย์ พอมาถึงรัชกาลที่ ๔ ทรงตั้งให้วังหน้าคือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี เป็นพระเจ้าแผ่นดินเสมอด้วยพระองค์เอง ก็คือเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงเก่งเรื่องโหราศาสตร์มาก ทรงผูกดวงแล้วเห็นว่า ดวงของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณีมีสิทธิ์เป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน จึงแก้เคล็ดด้วยการตั้งให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินคู่กัน แต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวก็สำนึกในพระองค์เอง เพราะถ้าผิดท่าผิดทางขึ้นมาก็อาจจะหัวขาดโดยไม่รู้ตัว จึงเสด็จออกเยี่ยมราษฎรไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสนิทสนมกับบรรดาข้าราชการและประชาชนในมณฑลลาวเฉียงหรือภาคอีสานในปัจจุบัน พระองค์ท่านเป็นต้นกำเนิดเพลงลาวดวงเดือน เพราะว่าอยู่กับลาวมาเยอะ

วังหน้าในรัชกาลที่ ๕ คือ พระโอรสของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ คราวนี้สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญท่านเป็นนักเรียนนอก แนวความคิดค่อนข้างจะเปิดกว้างและคบหาสมาคมกับชาวต่างชาติมาก จึงมีข่าวลือว่าพระองค์ท่านจะใช้เรือปืนและอาวุธของชาวต่างชาติก่อการกบฏ ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ในสถานกงสุลอังกฤษเสียหลายเดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 17:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 15-08-2011, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคต รัชกาลที่ ๕ จึงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า แต่งตั้งสยามมกุฎราชกุมารแทน จึงถือว่ากรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นวังหน้าองค์สุดท้าย

ความจริงสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งพระนามกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญว่า "พระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน" รัชกาลที่สี่ทรงรำคาญชื่อฝรั่ง จึงเปลี่ยนเป็น "พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศ" ไม่มีอะไรที่ในหลวงรัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้ ทรงแก้ได้ทุกอย่าง

แม้กระทั่งภายหลังที่เขาบอกว่า วังหน้าต้องคำสาปของสมเด็จพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ถ้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแล้ว ใครมายึดวังหน้าไปใช้ก็ขอให้ถึงแก่ความวิบัติฉิบหาย จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้องวังของท่าน รัชกาลที่สี่พิจารณาแล้วจึงส่งลูกไปแต่งงานกับเชื้อสายของวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ กลายเป็นญาติ จึงยึดวังไปใช้ได้ จึงกล่าวกันว่า ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่ทรงแก้ไม่ได้

รัชกาลที่สี่ตรวจดูดวงเมืองแล้ว พบว่าการผูกดวงเมืองในวันเวลาอย่างนี้ จะอยู่ได้แค่ ๑๕๐ ปีเท่านั้น พระองค์ท่านจึงผูกดวงเมืองใหม่ เพื่อที่จะได้อยู่ยั้งยืนยงต่อไป จึงมีการฝังศาลหลักเมืองซ้ำอีกหนึ่งต้น ฉะนั้น..เราจะเห็นว่าศาลหลักเมืองมีสองต้น ไม่ได้มีต้นเดียว ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้จริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 15-08-2011, 14:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default





ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้ฉลองกรุงแค่ ๑๕๐ ปี แสดงว่าพระองค์ท่านรู้จริง ถ้าไม่ได้แก้ดวงเมืองไว้ก่อนตั้งแต่สมัยพระองค์ท่าน ราชวงศ์จักรีคงหมดอยู่แค่นั้น ต้องถือว่าพระองค์ท่านเป็นหนึ่งในสุดยอดโหราจารย์ของเมืองไทย ใครเรียนโหราศาสตร์ นอกจากบูชาพระยาพิเภกหรือบูชาท่านท้าวมหาพรหมแล้ว ให้บูชารัชกาลที่สี่ด้วย

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล กล่าวกับเสด็จพ่อ คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า "เสด็จพ่อคงต้องจนไปตลอดชีวิต เพราะทูลกระหม่อมปู่ ไม่ได้อวยพรให้เสด็จพ่อรวย" รัชกาลที่สี่ทรงผูกดวงให้ลูกหลานทุกคน แล้วอวยพรให้ตามพื้นฐานดวง รัชกาลที่สี่ไม่ได้อวยพรให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพร่ำรวย เพียงแต่อวยพรให้ประสบความสำเร็จตามหน้าที่การงานของตนเท่านั้น
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg P7185202.jpg (79.8 KB, 1508 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 15-08-2011, 14:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วังหน้าใช้ราชาศัพท์ที่ต่างจากวังหลวงหลายอย่าง อย่างวังหลวงใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" วังหน้าจะเป็น "สมเด็จพระบวรราชเจ้า"

วังหลวงใช้ว่า "พระบรมราชโองการ" วังหน้าจะใช้คำว่า "พระราชบัณฑูร" ถ้าวังหน้าอภิเษกขึ้นดำรงตำแหน่งจะใช้ "อุปราชาภิเษก" วังหลวงใช้คำว่า "บรมราชาภิเษก"

ฉะนั้น..ตำแหน่งอุปราชหรืออุปราชา แปลว่า ใกล้จะเป็นพระราชา แต่หลายคนใจร้อน ไม่อยากจะใกล้เป็นพระราชา แต่อยากจะเป็นพระราชาเลย

ถาม : อย่างนั้นอุปนิสัย ?
ตอบ : อุปนิสัย แปลว่า เกือบจะเป็นสันดานถาวร ถ้าหากถาวรเลยก็เป็นนิสัย

ถาม : อุปกิเลส ?
ตอบ : อุปกิเลส แปลว่า เกือบจะเป็นกิเลส ถ้าหากพลาดเมื่อไรก็เป็นกิเลส อย่างเช่น โอภาส ถึงเวลาภาวนาแล้วแสงสว่างเกิดขึ้น ถ้าเราไม่ไปยึดถือแสงสว่างนั้นก็เป็นแค่อุปกิเลส แต่ถ้ายึดเมื่อไรก็เป็นกิเลสเมื่อนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-08-2011 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 15-08-2011, 14:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึง "การทำวัตร" ว่า "พอใช้คำว่า "ทำวัตร" พวกเราเคยชินว่าการทำวัตร คือ การสวดมนต์ ความจริงวัตร คือ แบบอย่างที่ควรทำ

ศีลของพระมีอยู่ส่วนหนึ่งที่บังคับในกิจวัตร คือเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ วิธีวัตร คือ แบบอย่างต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องทำ อาคันตุกะวัตร คือ แบบอย่างที่ใช้ในการต้อนรับพระอาคันตุกะ

การทำวัตรนั้น ก็คือ การไปแสดงตนต่อพระผู้ใหญ่ ก็คืออุปัชฌาย์อาจารย์ หรือเจ้าคณะปกครอง เพื่อกราบรายงานว่าปีนี้ พรรษานี้ จำพรรษาอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร พระผู้ใหญ่ท่านจะได้รับรู้ว่าลูกศิษย์อยู่สบายดีหรือตกระกำลำบาก หรือมีอะไรต้องการความช่วยเหลือ หรือไม่ก็โผล่หน้าไปให้ท่านเห็นว่าผมยังไม่สึก ผมยังไม่ตาย เป็นต้น ซึ่งการทำวัตรนั้นเขานิยมทำในช่วงเข้าพรรษา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 16-08-2011, 17:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "แค่เด็ก ๆ ถามคำถามอย่างเดียว พ่อแม่บางคนที่เหนื่อยจากงานกลับมาก็จะเคร่งเครียดหรือรำคาญเด็ก พูดว่าเด็กแรง ๆ

ความจริงการถามเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กในการเรียนรู้ เราควรจะตอบคำถามเขาด้วยจิตใจที่เยือกเย็น ชี้แจงความถูกต้องและให้เหตุผลที่ชัดเจน

พ่อแม่เป็นพรหมของลูก ต้องเมตตา กรุณาและอุเบกขา แต่กว่าจะโตได้นี่ต้องเบรกทั้งขาและมือไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2011 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 17-08-2011, 07:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เราจะเห็นว่าสินค้าต่าง ๆ พยายามปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นจะสู้สินค้าเจ้าอื่นไม่ได้ ฉะนั้น..เราต้องปรับปรุงพัฒนากาย วาจา ใจของเราให้ดีขึ้น จะได้สู้กิเลสได้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 08:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 17-08-2011, 11:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือเล่มหนึ่งว่า "มีหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับโยคี อ่านสนุกมาก ชื่อไทยคือ "โยคีมหัศจรรย์" ชื่อภาษาอังกฤษคือ "Paramahansa Yogananda"

ลองอ่านดู จะทราบว่าบรรดาโยคีทั้งหลายมีความสามารถตั้งแต่สมัยพุทธกาล โยคีบางรูปเข้าแต่สมาธิ ปีหนึ่งออกมาพบปะประชาชนแค่ครั้งเดียว กินบิสกิตไปแค่ไม่กี่แผ่น และดื่มน้ำตาม หายไปปีหนึ่งแล้วค่อยออกมาใหม่

เหมือนกับว่าบุคคลไม่ว่าอยู่ในสายไหนก็ตาม เมื่อปฏิบัติไปจนถึงระดับ ก็จะได้เจอกับบุคคลในระดับนั้น ๆ จะค่อย ๆ ก้าวเจอคนที่เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

ปัจจุบันนี้เมืองฤๅษีเกตของอินเดียก็ยังมีลักษณะเหมือนสมัยพุทธกาล ก็คือมีบรรดานักบวชหลายลัทธิ โดยเฉพาะพวกอเจลก คือ ชีเปลือย เป็นพวกที่เคร่งครัดมาก

ชีเปลือย ก็คือลัทธิทิฆัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า) ส่วนพวกที่เคร่งน้อยหน่อย เรียกว่า เศวตัมพร (ผ้าขาว) เขาบอกว่า ถ้านุ่งผ้าอยู่แปลว่ายังมีกิเลส"



หมายเหตุ : หนังสือโยคีมหัศจรรย์ แบบออนไลน์ http://thai-version-of-yogi-translation.blogspot.com/
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 17-08-2011, 14:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หัวใจการปฏิบัติกรรมฐานให้สำเร็จ คืออะไรครับ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือเรื่องของสติ ถ้ามีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างจะดีหมด
เพียงแต่ให้เราถือตามหลักของศีล สมาธิ ปัญญา อย่างไรอย่าออกนอกกรอบของศีล เราอยู่ในกรอบ ถ้าหลุดไปก็ไปไม่ไกล โอกาสพลาดก็พลาดไม่มาก เพราะศีลเป็นเครื่องคุ้มกัน ดังนั้น..ถ้าหวังความสำเร็จให้เอาศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 17-08-2011, 14:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "หลวงปู่ปานสร้างพระเครื่องจากคำข้าว โดยคายคำที่อร่อยออกมาตากแห้งและตำเป็นผง ปั้นเป็นองค์พระหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ท่านสั่งหลวงพ่อฤๅษีให้จัดเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ เพื่อทำการบวงสรวงอัญเชิญเทวดาและพระท่านมาสงเคราะห์

หลวงพ่อท่านเรียนถามหลวงปู่ปานว่า "พระองค์เล็กแค่นั้นเอง ทำไมหลวงพ่อต้องสั่งเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ด้วย ?" หลวงปู่ปานท่านมองหน้า แล้วว่า "เรื่องของพระแกคิดว่ามีเล็กหรือวะ?" จำไว้นะ..คำว่า "พระ" ไม่มีเล็ก

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สร้างพระของขวัญองค์ประมาณปลายนิ้วชี้ โยมบางคนรับไปแล้วบอกว่า "หลวงพ่อ..องค์เล็กแค่นี้เอง จะคุ้มครองไหวหรือ ?" ปรากฏว่าคืนนั้นโยมนิมิตเห็นพระของขวัญขยายใหญ่โตเต็มฟ้า ถามว่า "แค่นี้พอไหม ?"

พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าไม่มีประมาณ จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่กำลังใจของเราว่ายึดมั่นหรือไม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-08-2011 เมื่อ 07:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 18-08-2011, 07:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มารับเสด็จ ทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปประทับที่ซึ่งดีที่สุด ก็คือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์

บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์นั้น กว้าง ๓๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ ถ้าพระอินทร์นั่งก็จะพอดี พระอินทร์ท่านคิดว่าพระสมณโคดมสูง ๘ ศอกของมนุษย์ ถ้าขึ้นไปนั่งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็คงเหมือนแมลงวันเกาะอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่มีที่ใดเหมาะสมเท่ากับที่นั่นอีกแล้ว จะทำอย่างไรจึงไม่เป็นการหลู่พระเกียรติยศหนอ ? พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิด พอเสด็จไปถึง ประทับนั่งลงก็พอเหมาะพอดี ถึงได้บอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้

อีกรายหนึ่ง คือ อสุรินทราหู เป็นมหาอำมาตย์ยักษ์ ตั้งใจจะไปกราบพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่ได้ไปเสียทีเพราะร่างกายท่านใหญ่โตมโหฬารมาก อรรถกถาจารย์อธิบายว่า รอยต่อหว่างคิ้วกว้าง ๑ โยชน์ ท่านเกรงว่าถ้าไปแล้วต้องก้มดูพระพุทธเจ้าจะเป็นการไม่เคารพ

พระพุทธเจ้าทราบความคิดก็เลยเสด็จไปไสยาสน์ขวางทาง จนอสุรินทราหูต้องแหงนหน้ามอง เพราะฉะนั้น..จะมีพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูเป็นพระปางไสยาสน์แต่ลืมเนตร ส่วนไสยาสน์หลับเนตรแล้วซ้อนเหลื่อมพระบาทเป็นปางไสยาสน์ ถ้าไสยาสน์หลับเนตรพระบาทเสมอกันเป็นปางปรินิพพาน แยกให้ออกนะจ๊ะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2011 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 18-08-2011, 16:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ยิ่งทำใจต้องยิ่งละเอียด ถ้าทำแล้วหยาบขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแปลว่าแย่แล้ว ทำตัวเป็นกันเองกับศีลธรรมจนมากเกินไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 18-08-2011, 17:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราควรหาโอกาสไปถวายบังคมพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ถ้าเข้าไปวันพระ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามจะมีเทศน์ เราก็ฟังเทศน์ สวดมนต์ไหว้พระ แล้วค่อยกลับ ไปทั้งทีเอากำไรให้ได้หลายอย่าง ถ้ามีเงินก็เข้าพิพิธภัณฑ์ ชมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระแสงดาบซึ่งแต่ละเล่มเป็นทองคำลงยาฝังนพเก้า น่าขโมยนัก..!

นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์ยังมีเครื่องทรงเก่าของพระแก้วมรกต ที่เพิ่งเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง จะมีกำหนดเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนวัน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (วันเข้าพรรษา) เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาว วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ จำให้แม่น ๆ จะได้ไปถูกจังหวะ ถ้าไปถูกจังหวะจะได้น้ำสรงพระแก้วมรกตด้วย

ปกติถ้าเรามองขึ้นไปจะเห็นพระแก้วมรกตองค์ไม่โตนัก ต้องสังเกตตอนในหลวงหรือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สรงน้ำ ตอนที่พระองค์ใช้ผ้าเช็ดพระแก้วมรกต สังเกตว่าองค์พระแก้วมรกตกว้างประมาณสองช่วงพระหัตถ์ ฉะนั้น..องค์พระแก้วไม่ได้มีขนาดเล็กเหมือนอย่างที่ตาเราเห็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 18-08-2011, 17:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมโทรศัพท์มาแจ้งกับพระอาจารย์ว่า ได้โอนเงินทำบุญสังฆทานเข้าบัญชีแล้ว พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้นอนอยู่ที่บ้านก็ถวายสังฆทานได้ บางคนเขามีหมายเลขบัญชีของวัด พอโอนเงินเข้าบัญชีแล้วค่อยโทรมาแจ้งให้ทราบ เป็นวิธีทำบุญที่ง่าย แต่ใช้ความเพียรพยายามน้อยลง อาจจะขาดวิริยบารมีไป ไม่อย่างนั้นก็คงต้องพยายามเดินทางมาให้ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 19-08-2011, 07:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึง "ย่าโม" ให้ฟังว่า "สมัยสงครามที่ทุ่งไหหิน ฝรั่งคนหนึ่งได้ภรรยาเป็นคนไทย เขาไปรบที่นั่น พอได้เวลาลาพักสามเดือนก็จะเดินทางกลับบ้าน ภรรยาก็ไปบูชาเหรียญย่าโมมาให้ บอกกับสามีว่า "ให้ติดตัวเอาไว้ แล้วจะปลอดภัยในทุกที่"

ฝรั่งเขาก็สงสัยว่า เหรียญแค่นี้จะช่วยอะไรเขาได้ จึงซักถามจนเกิดการท้าทายขึ้นระหว่างสามีภรรยา เขาตกลงกันว่า ถ้าย่าโมแสดงปาฏิหาริย์ให้เขาเห็นชัด ๆ เขาจะกลับมาเล่นเพลงโคราชถวาย ซึ่งเพลงโคราชนั้น คนไทยเองยังร้องไม่ค่อยจะได้เลย

ตอนเขาขับรถเข้ากรุงเทพฯ ปรากฏว่ายางแตก กว่าจะลากรถไปถึงอู่ กว่าจะปะยางเปลี่ยนยางเสร็จ ทำให้เขาขึ้นเครื่องไม่ทัน ตกเครื่องบินเที่ยวนั้น เขาก็ไปซื้อตั๋วใหม่ พอวันรุ่งขึ้นได้ข่าวว่า เครื่องบินลำที่ไปก่อนนั้นตกลงกลางทะเล ตายเรียบทั้งลำ..!

เขาคลำเหรียญย่าโมที่คล้องคออยู่ขนหัวตั้ง..! ท้ายสุดกลับมาเมืองไทย จึงจ้างครูเพลงโคราชช่วยฝึกซ้อมอยู่หลายเดือนกว่าจะร้องได้ และไปเล่นเพลงโคราชถวายย่าโม คนรุมดูกันเยอะแยะไปหมด ขนาดคนไทยเล่นเพลงโคราชยังหายากเลย นี่ฝรั่งมาเล่นแก้บน เขาจึงแห่กันไปดู

แต่ที่เขาบอกว่า ประตูชุมพลที่อยู่หลังอนุสาวรีย์ย่าโมนั้น ถ้าหนุ่ม ๆ ไปลอด จะได้เป็นเขยย่าโม ด้วยความอยากเป็นเขยย่าโม ครั้งล่าสุดพออาตมาไปถึงก็ลอด มีเสียงดังเข้าหูมาว่า "งานนี้พระไม่เกี่ยว..!" โธ่..ตั้งใจจะเป็นเขยย่าโม ท่านไม่รับเสียอย่างนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 19-08-2011, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังตอนเป็นฆราวาสว่า "ครั้งหนึ่งไปขึ้นรถทัวร์ คิดว่าวันนี้เทวดาอุ้มสมแน่ ๆ เลย เพราะสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ น่ารักสุด ๆ ประเภทใครเอาปืนมาจี้ก็ไม่เปลี่ยนที่นั่งแน่นอน

สักพักพอรถโดยสารออกไปได้ไม่กี่กิโล สาวก็คว้าถุงออกมา แล้วก็ "แหวะ" น้ำลายยืด เห็นแล้วหมดอารมณ์เลย สาวเมารถตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง เราก็สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

ที่เล่าให้พวกเราฟังจะได้รู้ว่า ที่เราเห็นกันว่าสวยนั้นสวยไม่จริง ไม่ทันไรก็แสดงความสวยไม่จริงออกมาให้เห็นเสียแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 19-08-2011, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใจหนูออกไปรับรู้สภาวะต่าง ๆ ของธรรมชาติ ความละเอียดต่าง ๆ ที่อยู่ในอณูอากาศ ตัวหนูเองไม่ได้ต้องการที่จะรับรู้เรื่องต่าง ๆ แต่ก็เหมือนโดนบังคับให้เป็นไปอย่างนั้น
ตอบ : ถ้าทำไปถึงระดับหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องรู้เห็น เราอยากจะรู้หรือไม่รู้ เราก็จะรู้ อยากจะเห็นหรือไม่อยากเห็น เราก็เห็น เพียงแต่สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เราก็รับไว้ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ

โดยเฉพาะต้องมีสติให้มาก ๆ เพราะการรู้เห็น เราต้องเน้นว่า "ต้องรู้เห็นเพื่อการหลุดพ้นเท่านั้น" ไม่อย่างนั้นจะโดนหลอกไปไกล หลอกให้รู้ไปเรื่อย ๆ พอรู้มากเข้าก็ออกทะเลหาฝั่งไม่เจอ

ถาม : ถามว่าหนูอยากรับรู้ไหม ? ก็ไม่ได้อยากรับรู้
ตอบ : เขาจะหลอกให้เราอยากรู้ ยั่วให้อยากแล้วก็จะจากไป

ถาม : เวลาหนูเอนหลังลงนอน ใจก็จะออกไปรับรู้ บางทีไปเจอกับคลื่นบางอย่าง ถ้าไปเจอคลื่นกระแสดีก็แล้วไป แต่บางทีก็ไปเจอคลื่นไม่ดี อย่างเช่นพวกที่เป็นมิจฉาทิฐิ เขาเห็นเรา เขาก็ตามเรามา เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่ได้ต้องการค่ะ
ตอบ : ให้เอาภาพพระครอบไว้ก่อนแล้วค่อยไป นึกถึงพระแล้วจะปลอดภัย ต้องใส่เกราะไว้ก่อน เรื่องพวกนี้พอก่อกวนแล้วทำให้เสียเวลาปฏิบัติมาก อาตมาต้องทำเป็นตายอยู่หลายรอบ กว่าพวกนั้นเขาจะเลิก มีแต่ฝ่ายเขาทำไป แต่เราไม่รับเสียอย่าง เขานึกว่าเราตายแล้วเขาก็เลิกไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 22-08-2011, 07:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,023 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่าพระที่แตกหักห้ามไว้บ้าน จริงหรือเปล่าครับ ? แต่ผมไม่เชื่อ
ตอบ : ถ้าเป็นสายหลวงพ่อวัดท่าซุง พระแตกนี่จะดีใจมาก เนื่องจากวัตถุมงคลชิ้นหนึ่งจะมีเทวดารักษาองค์หนึ่ง ถ้าแตกเป็น ๗-๘ ชิ้น เทวดาที่รักษาก็ต้องเพิ่มเป็น ๗-๘ องค์ ถ้าสายอื่นเขาว่าไม่ดี โดยเฉพาะสมเด็จวัดระฆังแตก ๆ ส่งมาสายนี้ได้ (หัวเราะ) อย่างไม่มี ๆ ชิ้นหนึ่งก็สิบหมื่นขึ้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2011 เมื่อ 16:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว