กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 06-09-2012, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดีนะ ช่วยเตือนให้เรารู้ว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ถ้าเราคิดว่าเป็นธรรมดา เราก็ไม่ไปคร่ำครวญกับอาการป่วยนั้น ในเมื่อเราทำเอาไว้ ถึงเวลาเขามาเรารับไว้ก็หมดเรื่อง

เราต้องคิดว่าการเกิดมาอยู่ในโลกนี้ ก็เหมือนกับติดอยู่ในกรงขัง สัตว์ที่ติดอยู่ในกรงขัง ดิ้นรนไปก็เหนื่อยเปล่า นอนเฉย ๆ ยังสบายกว่า การที่นอนเฉย ๆ อยู่ในกรงก็เหมือนกับการที่เราทำใจให้ยอมรับว่า สภาพของร่างกายนี้มีปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น ในเมื่อปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น อยากจะเป็นก็เป็นไปสิ เป็นได้ก็ต้องหายได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 06-09-2012, 20:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ สมัยนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดเร็ว การพูดช้าดีกว่านะ คนพูดช้าแสดงว่าพูดอย่างมีสติ พูดด้วยความระมัดระวัง สมัยนี้เขาพูดเร็วจนรู้สึกว่าประสาทของเรารับไม่ทัน กว่าจะตีความได้เขาพูดไปอีกหลายประโยคแล้ว

มีคนที่อาตมารู้จัก..เวลาเขาสั่งงาน เขาสั่งเร็วจนกระทั่งแม้แต่อาตมาเองยังฟังไม่ทัน ลูกน้องเขาฟังทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่ารู้ตัวให้ปรับการพูดให้ช้าลงนิดหนึ่ง

ส่วนอาตมาเองพูดสั้นเกินไป คนจึงไปตีความกันมากจนเกินเหตุ กลายเป็นผิดไปทุกที อาตมาเป็นคนที่เห็นว่าถ้าเนื้อหาครบก็จบแค่นั้น คราวนี้เขาดันไปตีความ ซึ่งความจริงทำตามไปตรง ๆ ก็จบแล้ว ยิ่งตีความก็ยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปกันใหญ่

นึกถึงมหาวิทยาลัยสมัยนี้ ที่เขาสอนให้วิเคราะห์พระพุทธเจ้า ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเทศน์พระสูตรนี้ ? อยู่ในสถานการณ์อย่างไร ? พระองค์มีความคิดความต้องการอย่างไร ? ชาติหน้าคงจะวิเคราะห์ได้ถึงหรอก..! เจตนาของพระองค์ท่านก็แค่ตั้งใจสงเคราะห์
ให้เขามีโอกาสได้มรรคได้ผล พระองค์ท่านถึงได้แสดงพระธรรมเทศนา ทำไมต้องไปเสียเวลานั่งวิเคราะห์ด้วยว่าพระองค์ท่านอยู่ในอารมณ์ไหน ? ประเภทข้าวอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรีบกิน กลับไปนั่งเขี่ยดูว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ควรที่จะปล่อยให้อดเสียให้เข็ด..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 06-09-2012, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้อยู่ดี ๆ หนูก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาค่ะ ?
ตอบ : ไม่อยู่ดี ๆ หรอก ถ้าอยู่ดีต้องไม่หงุดหงิด นี่ต้องอยู่ไม่ดี

ถาม : ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่คราวนี้หนูพยายามหาว่าเป็นเพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนั้น ปรากฏว่าพอหาไม่เจอก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ?
ตอบ : เก็บกด..ไปออกกำลัง กวาดบ้านถูบ้านแทน พอสิ่งที่เราเก็บเอาไว้ระบายออกไปกับเรี่ยวกับแรงเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

การปฏิบัติแรก ๆ จะเป็นอย่างนี้แหละ เพราะเราไปกดรัก โลภ โกรธ หลงไว้ คราวนี้กิเลสพยายามจะงัดเราขึ้น ตอนที่งัดขึ้นนี่แหละ เราไม่รู้ตัวเราก็หงุดหงิด พอหงุดหงิดแปลว่าโทสะเกิดแล้ว แต่เรารู้ไม่เท่าทัน เราก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ ?

เพราะฉะนั้น..ไปหาทางทำอย่างอื่นแทน แสดงว่าเรากดกิเลสมาก เขาพยายามจะงัดคืน แต่อย่าปล่อยนะ...ปล่อยเมื่อไรกิเลสเอาเราตายเลย..! ฉะนั้น..ไปหางานอื่นทำ เข้าฟิตเนสบ้าง ถูบ้าน กวาดบ้านบ้าง ไล่ตีลูกบ้างก็ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 06-09-2012, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่ภาวนาแล้วหลุดออกไปแล้ว พอเราไปถามท่านนั้นท่านนี้ เวลาท่านตอบหนูจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างค่ะ แต่พอตอนโดนด่านี่จะได้ยินชัดเจนตลอด ขนาดไม่ได้ตั้งใจจะฟังยังได้ยินชัดเลยค่ะ ทำไมท่านไม่ทำให้ได้ยินเท่า ๆ กันหมดคะ ?
ตอบ : เดี๋ยวเราจะไม่สนใจ..ไปเจอใครอย่าถามส่งเดช เคยถามท่านใดองค์ใดให้ถามเฉพาะท่านนั้น ถ้าถามเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวจะโดนหลอก ไม่ใช่เจอใครก็ถามท่านไปหมด

ถ้าสอบถามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จะไปไหน ไปอย่างไร ก็พอไหว แต่อย่าไปถามเรื่องของการปฏิบัติ ถามเรื่องการปฏิบัติต้องถามเฉพาะองค์ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนกับเราขาดความมั่นใจ เจอใครก็ถามไปหมด เดี๋ยวท่านก็แกล้งจูงเข้าป่าไป ดูซิว่าจะออกเป็นไหม ?

ถาม : แต่ก่อนจะไปนี่หนูเจาะจงว่าจะไปถามท่านนั้นโดยเฉพาะเลย แบบนี้ใช้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถามท่านนั้นแล้วเคยถามไหม ?

ถาม : ก็เคยถามมาบ้างค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเคยก็แล้วไป ถ้าไม่เคยแล้วไปถามเปะปะไปเรื่อย เดี๋ยวจะไปหาองค์นี้ไปถามท่าน ไปหาองค์นั้นไปถามท่าน เดี๋ยวได้รางวัลแน่..!

ถาม : แล้วเวลาที่โดนท่านว่า หรือตำหนิ ส่วนใหญ่จะเป็นของจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ยังมีราคาพอจะให้ท่านตำหนิ พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าท่านยังด่าเราอยู่ แสดงว่าเรายังมีราคาพอที่ท่านจะด่า ถ้าท่านไม่ด่าอะไร ปล่อยเลยตามเลย นั่นเตรียมตัวไว้เถอะ ไม่มีใครเขาแลหรอก เพราะฉะนั้น..โดนด่าให้ดีใจ เรายังอยู่ในความสนใจของท่านนะ อุตส่าห์ช่วยด่าให้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 06-09-2012, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเคยบอกว่า นักปฏิบัติพอทำไปถึงระดับหนึ่งต้องการอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น จึงต้องควบคุมตัวเอง ระวังไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลงเกิด ไม่อย่างนั้นแล้วความต้องการของเราจะไปเรื่อยเปื่อย บางท่านจึงหลงทางเพราะไปคิดว่าตัวเองดีแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบว่า ปัญญาของเรามีพอหรือไม่เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ?

ยิ่งปฏิบัติไป สติสัมปชัญญะต้องยิ่งมากขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเผลอ แล้วจะเสียท่ากิเลส โดนเขาหลอกให้คิดว่าเราดีแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองดีเมื่อไรจะไม่แสวงหาความก้าวหน้า แล้วก็จะติดอยู่อย่างนั้น อย่างนี้เรียกว่าติดดี

พระสูตรแรกในสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ก็คือพรหมชาลสูตร พรหมชาละ แปลว่า ตาข่ายดักพรหม สรุปง่าย ๆ ว่าติดอยู่แค่พรหม เพราะฉะนั้น..โยคีต่าง ๆ ที่เขาไม่สามารถจะล่วงพ้นไปได้ ถ้าไม่ติดที่รูปพรหมก็จะไปติดที่อรูปพรหม ก็เพราะไปคิดว่านั่นดีแล้ว แต่พระพุทธเจ้าของเราเห็นว่านั่นยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงแสวงหาทางที่ดีกว่านั้น แล้วพระองค์ท่านก็เจอทาง ในขณะที่ผู้อื่นไม่แสวงหาเลยจึงไม่เจอ หรือถ้าแสวงหา แต่ว่าสั่งสมบุญบารมีมาไม่สมบูรณ์ก็ไม่เจอเหมือนกัน หรือถึงรู้ว่ามีทางแต่ก็ไปไม่ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 07-09-2012, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าอาตมาเคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วหรือยังว่า มีโยมคนหนึ่งตั้งใจจะถือกรรมบถ ๑๐ แต่อยู่ร่วมกับพวกที่ทำงานไม่ได้ เพราะเขากลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เวลาเจ้านายถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เพื่อนร่วมงานถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เจ้านายคุยเรื่องงานแล้วไม่คุยด้วย แล้วจะรู้เรื่องไหม ? เพื่อนร่วมงานถามก็ไม่คุยด้วย จึงอยู่ร่วมกับเขาไม่ได้

วันก่อนเขาโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้ไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว คงจะเห็นว่าปฏิบัติตามศาสนาพุทธแล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ แต่ที่เขาโทรศัพท์มามีปัญหาว่า ไปภาวนาว่า
“เยซู..เยซู” แล้วทำไมสติสมาธิไม่ทรงตัวเหมือนพุทโธ ? อาตมาจึงบอกไปว่า เป็นผู้ใหญ่แข็งแรง ๆ แล้วคุณลดตัวเองลงไปเป็นเด็ก จะเอากำลังเหมือนผู้ใหญ่ได้อย่างไร ? อันนี้คืออย่างหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ส่วนพระเยซูท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่

อีกประการหนึ่งก็คือ ไปเปลี่ยนคำภาวนาที่ตัวเองไม่เคยชิน สมาธิก็เลยไม่ทรงตัว เขาก็ยังมีข้อแย้งว่า ในเมื่อไปถือศาสนาคริสต์ ถ้าไม่เอ่ยนามพระบิดา แต่ไปเอ่ยนามศาสดาอื่น เกรงพระบิดาจะไม่พอใจ อาตมาจึงบอกไปว่า "พระบิดาไม่โง่เหมือนแกหรอก..!"


สรุปว่าเขาไปถือศาสนาไหนก็โง่ต่อไป ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนา ไปได้ไกลขนาดนั้น ถ้าหมดท่าขึ้นมา เห็นว่าสมาธิไม่ทรงตัว อาจจะไปถืออิสลามเข้าอีกศาสนาหนึ่ง เผื่อละหมาดวันละ ๕ ครั้งแล้วอาจจะดีขึ้น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 15:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 07-09-2012, 20:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราคงจะเคยได้ยินสำนวนชายสามโบสถ์ ชายสามโบสถ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าบวช ๓ ครั้ง แต่หมายถึงถือศาสนา ๓ ศาสนาแล้วยังเอาดีไม่ได้ เจอโบสถ์พุทธ โบสถ์คริสต์ โบสถ์อิสลามไปแล้วยังเอาดีไม่ได้ แล้วใครจะไปคบด้วย

เพราะฉะนั้น..สำนวนชายสามโบสถ์ของคนโบราณ บ่งบอกถึงความเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่จริงจัง หรือไม่ก็เป็นคนเถรตรงเกินไป ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ คนประเภทนี้เดินแล้วเลี้ยวไม่เป็น เจอถนนเป็นหลุมเป็นร่องก็ลุยไปอย่างนั้น หกล้มหกลุกหัวร้างคางแตก ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ต้องบอกว่าถ้าหลักการของพุทธศาสนาปฏิบัติแล้วยังเอาดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปปฏิบัติที่อื่นหรอก แต่อาตมาก็ไม่บอกเขา กลัวว่าจะกลับมาอีก..!

ในอนันตริยกรรม ๕ อย่าง ก็คือกรรมที่มีโทษหนักอย่างหาที่สุดได้ยาก ประกอบไปด้วย การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และยุสงฆ์ให้แตกกัน บางแห่งท่านนับอัญญสัตถุเทศเข้าไปด้วย

อัญญสัตถุเทศ
ก็คือ การถือพระพุทธศาสนาแล้วเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น อรรถกถาจารย์บางแห่งท่านถือว่าเป็นอนันตริยกรรมด้วย เหมือนกับมีช่องทางที่จะหลุดพ้นอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็ไปตะเกียกตะกายทางอื่นแทน ถ้าเขาไปมีความมั่นคงในศาสนาอื่น ก็อีกนานกว่าที่จะย้อนกลับมาได้ คำว่าอีกนานก็คือนับชาติไม่ถ้วน ท่านคงเห็นว่าโทษหนักพอ ๆ กับอนันตริยกรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 07-09-2012, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสงสัยว่าญาติโยมบางคนเป็นโรคจิตหรือเปล่า ? มีของอะไรต้องยัดเข้าตู้เย็นไว้ก่อน อย่างพวกขนมแห้ง ๆ ไปยัดเข้าตู้เย็นนี่เสียเลย เก็บต่อไม่ได้ แต่ถ้าเราไว้ข้างนอกจะเก็บได้เป็นปี

ถ้าลูกหลานที่บ้านทำอย่างนี้ฟาดเสียบ้างนะ เสียของเปล่า ๆ พอเอาเข้าตู้เย็นแล้วเอาออกไปไม่ได้ จนกว่าจะกินจนหมด อย่างขนมพวกเวเฟอร์ แครกเกอร์พวกนั้น ไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปเข้าตู้เย็นก็เอาเข้าไปอยู่ได้ เห็นมาหลายบ้านแล้ว เขานิมนต์ไป บังเอิญเขาไปเปิดตู้เย็น อาตมาตาไวเหลือบไปเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะแช่ไปทำไม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 07-09-2012, 21:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : รับรู้ไว้เฉย ๆ แล้วก็ระมัดระวังไว้ อย่าให้รัก โลภ โกรธ หลงเข้ามาอีก

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จำไว้ว่าถ้าหนักยังไม่ใช่ของแท้ ต้องเบาถึงจะใช่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้สอนให้พวกเราส่งใจไปนิพพานให้เคยชิน เพราะสภาวะพระนิพพานเป็นสภาวะหมดกิเลส ก็คือสภาวะจิตของพระอรหันต์นั่นแหละ พอเราเคยชินกับสภาวะจิตที่ไม่มีกิเลส ต่อไปก็จะสบาย แต่ส่วนใหญ่ได้แล้วก็มักจะปล่อยปละละเลย ไปเที่ยวสนุกสนานเสียมากกว่า

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ให้เราจดจำอารมณ์นั้น แล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นให้อยู่กับเรา พอเคยชินไปนาน ๆ เข้าเดี๋ยวก็เป็นของเราไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 07-09-2012, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วัดท่าขนุนทอดกฐินวันตักบาตรเทโว ปกติแล้ววัดท่าขนุนจะทอดกฐินวันที่ ๒๓ ตุลาคมทุกปี แต่ ๒๓ ตุลาคมปีนี้ยังไม่ออกพรรษา ก็เลยต้องไปกำหนดวันที่ค่อนข้างจะเร็วหน่อย เพราะว่าปีนี้มีเดือน ๘ สองหน เข้าพรรษาวันที่ ๒ สิงหาคม เข้าพรรษาช้ามาก ก็เลยไปออกพรรษาเอาปลายเดือนตุลาคมโน่น

อาตมาจึงกำหนดทอดกฐินวันเดียวกับตักบาตรเทโว ช่วงเช้าถึงเพลตักบาตรเทโว ช่วงบ่ายโมงทอดกฐิน ๓ วัด แล้วเดือนถัดไป วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ต้องไปเป็นประธานทอดกฐินที่วัดตะเคียนงาม วัดหนองบ้านเก่า วัดประตูด่าน วัดบ้านห้วยน้ำขาว รวมเป็น ๗ วัด

นอกจากนี้อาตมารับเป็นเจ้าภาพกฐินปลดหนี้วัดครูบาเหนือชัยวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน จะะแวะทอดกฐินกับหลวงพ่อสิงห์ ที่วัดถ้ำป่าไผ่วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายนด้วย
ในเมื่อเดินทางผ่านก็แวะวัดหลวงพ่อสิงห์ก่อน แล้วค่อยเลยไปเชียงราย สรุปว่าได้ครบ ๙ วัดพอดี

ตอนนี้ที่แยกตัวไม่ออกเพราะส่วนใหญ่เขาจะให้ไปเป็นประธานทอดกฐินวัดเขา แค่ไปนั่งเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องทำอะไร แต่คราวนี้กฐินส่วนใหญ่เลือกวันเสาร์อาทิตย์ จึงมีให้เลือกแค่ไม่กี่วัน ชนกันให้มั่วไปหมด อย่างวัดหนองบ้านเก่า ตะเคียนงาม ประตูด่าน อยู่ไม่ห่างกันมาก จึงให้เขากำหนดวันเดียวกัน มี ๑๐ โมงเช้า เที่ยงครึ่ง บ่ายสองโมง วิ่งไล่ทอดกันแถว ๆ นั้นแหละ ๓ วัด ส่วนของวัดท่าขนุน พุทธบริษัท กับเกาะพระฤๅษีทอดที่เดียวกันวันตักบาตรเทโว เวลาบ่ายโมงตรง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 08-09-2012, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมารื้อเตียง ได้เงินมา ๕๐,๐๐๐ กว่าบาท ออกกิจนิมนต์แล้วโยนไว้ตรงนั้นบ้าง โยนไว้ตรงนี้บ้าง พอของเต็มเตียงจึงรำคาญตา ก็เลยรื้อสักที

ทำให้นึกถึงหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่เนื่องท่านเป็นเซียนให้หวย หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ถ้าเล่นหวยหลวงปู่เนื่องเป็น จะถูกทุกงวด

ท่านบอกว่า ถ้าอยากถูกหวยหลวงปู่เนื่องงวดนั้น ให้ตัดท้ายมาเล่นตัวเดียว แต่ถ้าอยากถูก ๓ ตัวตรง ๆ ให้ตามไปเรื่อย ภายใน ๑๒ งวดจะออก แต่ให้เล่นในลักษณะที่ว่า..ถ้างวดแรกเล่น ๑๐ บาท งวดที่สองให้เล่น ๒๐ บาท งวดที่สามให้เล่น ๓๐ บาท งวดที่สี่ให้เล่น ๔๐ บาท ท่านบอกว่าถ้าเล่นแบบนั้นเมื่อได้มาแล้วจะคุ้ม

คราวนี้หลวงปู่เนื่องท่านให้หวยอยู่ ๓๐ กว่าปี คนถูกหวยก็เอาแบงก์ใหม่ ๆ ไปให้ท่านเป็นมัด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ ๑๐, ๒๐, ๑๐๐, ๕๐๐ สมัยนั้นแบงก์ ๕๐๐ ใหญ่สุด ท่านรับมาก็โยนกอง ๆ ไว้ในกุฏิท่าน ตอนหลวงปู่เนื่องมรณภาพ กรรมการวัดเข้าไปจัดกุฏิ เก็บเงินออกมาได้ ๒๐ กว่าล้าน..! โยนไว้ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ท่านไม่ได้ไปแตะต้องอะไรเลย

ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก รับมาก็ทิ้งกองไว้ตรงนั้น แล้วกรรมการวัดก็ไม่กล้าไปยุ่งในกุฏิของท่าน เงินก็กองอยู่อย่างนั้น ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ พอท่านมรณภาพแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้รับรายงานจากท้าวมหาราช จึงบอกกับพวกเราว่า “น่าเสียดาย..เขาขอหวยจนพระอรหันต์ตายไปทั้งองค์” ท่านบอกว่าหลวงปู่เนื่องเป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีใครไปขออย่างอื่น ขอแต่หวย เรื่องของธรรมะไม่เอาเลย ถ้าเขาไม่เอาหวยเขาก็เอาวัตถุมงคล อย่างอื่นไม่เอา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 08-09-2012, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พี่ก้องซึ่งเป็นพี่ชายคนที่ ๓ ของอาตมา เขาไปหาหลวงปู่เนื่องได้หวยมา ๓ ตัว หวยของหลวงปู่เนื่องไม่ต้องเสียเวลาไปขอ ท่านจะเขียนใส่กระดานดำไว้ให้เลย ทุกงวดแหละ ถึงเวลาก็ไปลอกมา งวดแรกพี่ก้องตามทั้งเต็งและโต๊ดก็ไม่ถูก งวดที่สองไม่ถูก งวดที่สามไม่ถูก..เลิก ! งวดที่ ๔ ออกมาตรง ๆ คิดดูก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร ?

พอบอกเคล็ดลับนี้ไป ปรากฏว่าพี่ชายอีกคน คือพี่สุรกานต์ รู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงปีหนึ่งให้หวยแน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก็คืองานกฐิน ถึงเวลาพี่สุรกานต์ก็ไปนั่งฟัง พอสะดุดหูตัวไหนก็จดไว้ แต่งานนั้นไม่ใช่แค่สะดุดหู หลวงพ่อท่านบอกตรง ๆ กลางศาลาเลย ท่านบอก “ลูกหลานเอ๊ย..พ่ออยากจะได้เงิน ๖๘๓ บาท ใครให้ได้บ้างวะ ?” คอหวยนี่เฮกันแทบศาลาถล่ม

ปรากฏว่างวดแรกออก ๘๓ งวดที่ ๒ ออก ๖๓๘ พวกที่เล่นกลับเล่นโต๊ดถูกไป ๒ งวดก็เลิก งวดที่ ๔ ที่ ๕ ไม่มีวี่แววก็เลิกกันหมด พี่สุรกานต์ตามไปเรื่อย ไปออกตรง ๆ งวดที่ ๙ ได้มาแสนแปด..!

อาตมาก็ถามพี่เขาว่า “ถ้าถึงงวดที่ ๑๑ แล้วยังไม่ออกล่ะ ?” เขาบอกว่า “งวดที่ ๑๒ ผมขายบ้านเล่นเลย..!” เขาเชื่อว่าที่หลวงพ่อบอกมาใช้ได้หมด เพียงแต่ว่าสิ่งไหนก็ตาม ที่บอกเป็นสาธารณะ บุญคนไม่เท่ากัน งวดที่จะออกก็จะเลื่อนไป ขึ้นอยู่กับว่าใครมีบุญที่จะได้ ก็จะมีฉันทะในการติดตาม อย่าลืมว่า ๙ งวด คือ ๔ เดือนครึ่ง..! ใครมีอารมณ์ตามบ้าง ? ส่วนใหญ่ถ้า ๓ งวดไม่ออกก็เลิกกันหมดแล้ว

หลวงปู่เนื่องให้หวยนี่เจ้ามือไม่โกรธหรอก เพราะเจ้ามือได้เยอะกว่า ท่านไม่ได้ให้ตรง ๆ เป๊ะ ๆ แต่ท่านให้ตรง ๆ ในอีกหลายงวดข้างหน้า ถ้าอยากได้ให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียวแล้วจะถูก แต่ว่าได้น้อย แต่สำหรับพี่ชายอาตมาเขาไม่สนใจหรอก "ตัวเดียวได้น้อยผมก็เอา" อาตมาถามว่าทำไม ? เขาบอกว่า "เติมหน้า ๑๐ ตัว เติมหลัง ๑๐ ตัว ต้องถูกแน่นอน"

ลองนึกดู ได้มาตัวเดียวใช่ไหม ? ถ้าจะเล่นเลขท้าย ๒ ตัว เติมหน้า ๑๐ หลัก เติมหลัง ๑๐ หลัก อย่างไรก็ได้แน่ นั่นพวกเซียนหวยเขาเล่นกัน อาตมาเล่นไม่เป็นหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 08-09-2012, 20:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า หลวงพ่อท่านห้ามอาตมาให้หวย เพราะอาตมากั๊กไม่เป็น มักจะให้ตรง ๆ ไม่ได้ให้มา ๒๐ - ๓๐ ปีแล้ว รู้สึกว่าวิชาจะเสื่อมไปแล้วกระมัง ?

อะไรที่ครูบาอาจารย์ท่านห้าม เราจะไปฝืนไม่ได้ ถ้าฝืนก็แปลว่าไม่เชื่อกัน ก็ไม่ต้องมาเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันเท่านั้น ที่ท่านห้ามไว้เพราะท่านรู้ว่า ถ้าว่ามัวแต่ไปให้หวยอยู่ จะเป็นแบบหลวงปู่เนื่อง คนจะไปเอาแต่หวย ไม่เอาธรรมะ แล้วอีกอย่าง ท่านบอกว่า ถ้ารู้แล้วไปบอกตรง ๆ เท่ากับไปปล้นเขากิน..!

สู้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้นะ นั่งคันไหนออกคันนั้น ต่อไปถ้าทำนางกวัก ต้องทำเป็นรูปนายกฯ ยิ่งลักษณ์..!

ความจริงท้าวมหาราชท่านเคยให้สูตรสำหรับคิดหวยได้ แต่ท่านไม่ได้บอกตรง ๆ ท่านบอกว่า ให้เอาเลขตัวผู้คูณ ๓ เลขตัวเมียคูณ ๗ เอาผลมากตั้ง เอาผลน้อยลบ เลขที่ออกมาจะเป็นเลขท้าย ๒ ตัวหรือตัวเดียว คราวนี้เราต้องไปตีความว่าเลขตัวผู้กับเลขตัวเมีย อย่างไหนเลขคู่อย่างไหนเลขคี่

อาตมาเคยคิดย้อนหลังไป ๓๐ กว่างวด ปรากฏว่าออกจริง ๆ แต่บางงวดบวกลบออกมาเหลือเลขตัวเดียวก็ต้องเล่นน้อย ถ้าอย่างพี่สุรกานต์เขาไม่สนใจหรอก ตัวเดียวเขาก็เพิ่มหน้าเพิ่มหลัง เขาเล่นของเขาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 08-09-2012, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราอย่าไปเล่นเลย เสียเงินเปล่า ๆ เดี๋ยวจะไปเหมือนกำนันเถา กำนันตำบลบางนมโค เขาไปขอเลขหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่จงบอกว่า “อย่าเอาไปเลย เอ็งไม่ได้เล่นหรอก” กำนันเถาไม่เชื่อ เวลาประกาศหวย เลขออกตรงตามหลวงปู่จงเต็ม ๆ เลย ไม่ต้องกลับ กำนันเถาตรวจโพยเสร็จ ปรากฏว่าซื้อเลขทุกเจ้าที่ไปขอเขามา ยกเว้นเลขของหลวงปู่จง ลืมไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

ต้องบอกว่าบุญไม่มีก็เลยโดนกรรมบังไป กำนันเถาคว้าปืนจะยิงหัวตัวเอง ลูกเมียต้องห้ามกันวุ่น หลวงปู่จงท่านรู้ขนาดว่าเอาไปก็ไม่ได้ซื้อหรอก เขาก็ยังดื้อจะเอาให้ได้

แต่อย่างแม่ลูกอ่อนที่ผัวไปโดนเกณฑ์ทหาร ไม่มีเงินเลี้ยงลูก จึงไปขอหวยหลวงปู่จง หลวงปู่จงให้เลขไปเสร็จสรรพ นึกขึ้นมาได้ จึงพายเรือตามมาถึงบ้าน บอกว่า “อีหนูอย่าเล่นเกิน ๕ บาทนะลูก ถ้าเล่นเกิน ๕ บาท เกินบุญของเอ็ง เลขจะเคลื่อน” เขาก็เชื่อ เล่น ๕ บาทก็ถูก ดังนั้น..ใครถ้าเคยเล่นหวยประมาณเท่าไรแล้วเคยถูก ต่อไปอย่าเล่นเกินนั้น บุญเรามีแค่นั้นแหละ มากไปกว่านั้นจะไม่ถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 08-09-2012, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ความจริงการดูหวยเป็นการใช้ทิพจักขุญาณในอนาคตังสญาณ แต่บางท่านที่ได้อนาคตังสญาณและได้มโนมยิทธิ เขาใช้วิธีวิ่งไปที่กองสลาก ไปถามเทวดาที่รักษากองสลากว่าจะออกเลขอะไร แต่ส่วนใหญ่เทวดาเขาจะบอกตัวเดียว ไม่บอกด้วยว่าบนหรือล่าง ให้ไปเล่นเอาเอง

งานที่เป็นส่วนของราชการทุกภาคส่วนจะมีเทวดารักษา ดังนั้น..อาตมาจึงชอบใจที่เวลารัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง ท่านจะไปไหว้เจ้าที่กันก่อน นั่นท่านทำถูก แต่อย่างบางกระทรวง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่านไปไหว้เจ้าที่คนโห่เอา เขาว่าเป็นกระทรวงทันสมัยสุด ๆ แล้วยังไปไหว้ผีอีก แสดงว่าพวกที่ว่าท่านนี่ทันสมัยจนลืมรากเหง้าตัวเอง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 08-09-2012, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาหลุดออกไปแล้วจะไปที่ไหน ๆ รู้สึกว่าหนักมากเลยค่ะ กว่าจะไปได้แต่ละที่แสนจะลำบาก
ตอบ : ให้พิจารณาร่างกายก่อน จำไม่ได้หรืออย่างไร..? เดี๋ยวฆ่าทิ้งเลย..! ไม่ทันพิจารณาไปก่อนทุกที แล้วจะไปเบาอีท่าไหนได้ ?

สภาพจิตจะต้องเห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีห่วงไม่มีกังวล ถึงจะไปแบบเบามาก แต่ถ้ายังหน่วง ยังหนัก ยังดึง ยังรั้งอยู่ เหมือนกับวิ่งฝ่าน้ำตกดี ๆ นี่เอง บอกไปเท่าไรไม่เคยจำ..!

แต่ว่าเรื่องของอภิญญาสมาบัติก็แบบนี้แหละ..ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง คนอื่นบอกเราเหมือนเข้าใจ..แต่ไม่ใช่ พอตัวเองไปได้สักทีถึงจะรู้ว่าที่แท้ต้องทำอย่างนี้ เพราะฉะนั้น..ต้องไปลองผิดลองถูกต่อไป ถามคนอื่นก็ได้แค่แนวทางไปเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 08-09-2012, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่อย่างหนึ่งที่อาจารย์สอนปริญญาเอกของอาตมาท่านเป็นห่วง ก็คือความจงรักภักดีต่อในหลวง ว่าอยู่ในลักษณะที่เทิดทูนพระองค์ท่านเกินไปหรือเปล่า ? อาจารย์ท่านใช้คำนี้นะ ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนั้น ในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก

ท่านอรรถาธิบายว่า ในหลวงองค์ปัจจุบันทรงงานมา ๖๐ กว่าปี คนเคารพเทิดทูนท่านอย่างนั้นก็ไม่แปลก แต่อีกพระองค์หนึ่งอายุ ๖๐ ปีแล้ว ยังไม่ได้ทรงงานเลย อยู่ ๆ ขึ้นมาทำงานจะเป็นอย่างไร ? อาจารย์ท่านห่วงตรงนี้

อาตมาก็เลยเรียนท่านอาจารย์ไปว่า "อาจารย์ครับ..ก็เหมือนกับเจ้าอาวาสนั่นแหละครับ ถ้าเจ้าอาวาสรูปเก่าเก่ง เจ้าอาวาสรูปใหม่จะลำบากสาหัสเลย ถึงเจ้าอาวาสรูปใหม่เก่ง คนเขาก็ยังคิดถึงแต่รูปเก่าอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่เก่งนี่ จมดินหายไปเลยครับ..!"

ฟัง ๆ ดูก็จริงอย่างที่อาจารย์ท่านพูด แต่ว่าอาจารย์ท่านลืมไปอย่างหนึ่งว่า นิสัยของคนไทยอย่างหนึ่งก็คือ เคารพสถาบันโดยไม่มีข้อแม้ ในเมื่อไม่มีข้อแม้ ในหลวงพระองค์ใหม่มาก็เคารพรักอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากว่าจะให้รักเท่าพระองค์เก่า ก็ต้องแสดงผลงานกันหลายยกหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 08-09-2012, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาจารย์ท่านคิดแบบนักวิชาการ ท่านคิดว่าชาวบ้านรักเทิดทูนในหลวงมากเกินไป คำว่ามากเกินไปนี่เป็นในสายตาของท่านอาจารย์นะ แต่ถ้าในความรู้สึกของพวกเรายังรู้สึกว่าน้อยเกินไป..ใช่ไหม ? ท่านคิดว่ามากเกินไปแล้วในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก..ไม่ลำบากหรอก ก็ประคับประคองกันไประยะหนึ่ง ถ้าพระองค์ท่านทรงงานให้เห็นว่าทุ่มเทเพื่อประชาชนอย่างไร เดี๋ยวความศรัทธาเลื่อมใส ความจงรักภักดี ความเทิดทูนก็จะมาเอง

เราลองนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๘ ครองราชย์ตั้งแต่พระองค์น้อย ๆ ยังเป็นเด็กเล็กอยู่แท้ ๆ ต้องมารับภาระทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยความที่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างเข้มงวด พระองค์ท่านจึงวางพระองค์ได้ถูกต้อง ออกต้อนรับคณะทูตานุทูตต่าง ๆ หลังจากขึ้นครองราชย์ พระองค์ท่านยังวางพระองค์ได้ชนิดเหมาะสมทุกประการ เรียกง่าย ๆ ว่าไม่อายใคร

พอเจริญพระชันษาขึ้นมา จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะ ความจงรักภักดีของคนก็มากขึ้น ๆ อยู่ ๆ ก็เหมือนกับฟ้าผ่า..! พระองค์เสด็จสวรรคต ไม่ใช่แต่ในรั้วในวังเท่านั้น คนข้างนอกก็ร้องไห้กันทั้งบ้านทั้งเมือง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 10-09-2012, 10:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือของสมคิด ลวางกูร มีดีอยู่หลายเล่ม มีอยู่เล่มหนึ่งใช้คำค่อนข้างจะแรง เขาใช้ว่า “มึงสู้จริงหรือเปล่า ?” ลองไปหาอ่านดู เขายกตัวอย่างเรื่องของซิงเกอร์ ทำจักรเย็บผ้าขึ้นมาแล้วมั่นใจมากว่าสินค้าของเขาดี ก็เลยลาออกจากงาน แล้วไปเสนอขายจักรเย็บผ้า จากที่คิดว่าน่าจะขายได้มากมาย กลายเป็นว่ามีคนสนใจน้อยมาก ขายได้แค่ไม่กี่ตัว แต่เขาไม่ยอมแพ้ ถือว่าผลงานของตัวเองดี ต้องคนรู้จักของดีเท่านั้นถึงจะซื้อ

เขาก็ไล่ขายไปเรื่อย กว่าจะได้รับความสนใจใช้เวลา ๒๐ ปี กว่าที่โรงงานใหญ่จะรู้ว่าเครื่องจักรนี้ผ่อนแรงคนได้มหาศาล ค่อยสั่งซื้อครั้งเดียวเป็นร้อย ๆ ตัว พอคนอื่นเห็นก็เอาตามอย่างกัน คราวนี้ขายไปทั่วโลกเลย

เขาถึงได้บอกว่า ถ้านักขายประกันยังขายไม่ได้ภายใน ๒๐ ปี อย่าเพิ่งท้อ เพราะตัวอย่างมีแล้ว เขาบอกว่าคนสู้จริงไม่มีอะไรเลย นอกจากพระเจ้าต้องมอบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้แก่คุณเท่านั้น สำคัญคือคุณสู้จริงหรือเปล่า ?

หนังสือของเขา วลีกวนตา วาจากวนตีน อาตมาเห็นก็สะดุดตาเลย อย่างไรก็ซื้อแน่..ถ้าเอ็งไม่ดีจริงเดี๋ยวข้าจะโทรศัพท์ไปด่า..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2012 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 10-09-2012, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,211 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระแตก..?
ตอบ : บรรจุใส่พระองค์ใหญ่สิ หรือไม่ก็ซ่อมไว้ใช้งาน มีคนทำพระปิดตาแตก อาตมารีบขอแลกเขามาเลย อย่าลืมว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดารักษา ๑ องค์ ยิ่งแตกหลายชิ้นยิ่งดี อาตมาจึงรีบขอแลกเขามา แล้วมาติดกาว บางคนเขาคงไม่รู้ โอ๊ย..พระแตก เสียอกเสียใจกันใหญ่ หาทางปล่อยให้พ้นตัวเอง จึงทิ้งของดีไปแบบน่าเสียดาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว