กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 14-01-2013, 21:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมบูชาลูกแก้วของหลวงพ่อวัดท่าซุงมา จะใช้ควบกับคาถาเงินล้านอย่างไร ?
ตอบ : นึกถึงพระ นึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง นึกถึงลูกแก้ว ขอให้ท่านสงเคราะห์แล้วเราก็ภาวนาคาถาเงินล้านไป มีของเหล่านี้ช่วย ผลทั้งหลายจะเกิดเร็วขึ้น ถ้าไม่มีเราก็ต้องว่าเองสักประมาณ ๒ เดือน แต่ต้องเป็นคนช่างสังเกต แรก ๆ เงินเกินมาเราไม่ค่อยรู้หรอก จะไปสังหรณ์ใจตอนที่จำได้ว่าเรามีเงินเท่าไร ซื้อของไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้วเงินยังอยู่เท่าเดิม ตอนนั้นจะเริ่มรู้สึกว่าแปลก ๆ แล้ว

อย่างอาตมาเอาเงินไปฝากธนาคาร พนักงานธนาคารชอบถามว่าใครนับเงินเพราะผิดทุกที อาตมาก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นคุณมานับก็แล้วกัน เขาก็มานับเงินที่วัดแล้วก็เอาไป จดตัวเลขไว้เรียบร้อย เดี๋ยวสักพักโทรศัพท์มา เสียงอ่อยเลย “อาจารย์ครับ...เงินเกินมา ๓,๐๐๐ บาท เดี๋ยวผมเอาเข้าบัญชีเลยนะครับ” “เออ..คราวนี้เอ็งนับเองใช่ไหม ?” ไม่อย่างนั้นอาตมานับเองทีไร เขามองหน้ากันแล้วหัวเราะว่าอาตมานับผิดทุกที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 263 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-01-2013, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า เอาวัตถุมงคลของเก่าออกในเว็บแล้วคนไม่รู้จักกัน อย่างสมเด็จวัดพลับ ออกในเว็บราคาไม่ได้ครึ่งของท้องตลาด เขายังไม่รู้จักของกันเลย อาตมารู้สึกดีใจมากที่ไม่มีใครเอา เพราะจะได้บูชาต่อ ก็เลยคิดว่ากระทู้ต่อไปคงเอาของที่เขารู้จักเป็นหลัก

แต่คนที่เขารู้จัก อย่างพระมเหศวร ขนาดอาตมาบอกชัด ๆ ว่าสภาพ ๘๐% ยังโดดคว้าหมับเลย สมเด็จจิตรลดาคิดทองแท่งตั้ง ๒๐ บาท ก็คว้าไปทันทีเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 258 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 14-01-2013, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราจับภาพนิมิตอยู่แล้ววูบไป ไม่รู้ว่าหลับหรือรู้สึกตัวครับ ?
ตอบ : ถ้าสมาธิเริ่มทรงตัวจนเป็นฌาน แต่สติหยาบไปหน่อย สภาพจิตก็จะพลัดลงมา อาการจะวูบเหมือนคนตกจากที่สูง ก็แปลว่าใกล้จะดีแล้ว ให้เอาสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก แนบชิดสนิทติดตามไปเลย ถ้าเผลอหลุดเมื่อไรเดี๋ยวก็เป็นอีก แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้ทีเดียวจะไม่เป็นอีกเลย เพราะสภาพจิตชินแล้ว กระโดดข้ามไปเป็นฌานเลย

ถาม : คือเรารู้ตัวก็ดึงกลับมา ?
ตอบ : รู้ตัวก็เริ่มต้นใหม่ ตามลมหายใจไป ให้สังเกตว่า ทันทีที่เราหลุดจากลมหายใจเมื่อไรก็จะวูบ

ถาม : เราดึงกลับมาใหม่ก็คือเราถอยหลัง ?
ตอบ : เท่ากับเราถอยหลัง ก็เริ่มต้นใหม่ แค่พักเดียวเอง ถอยมาตั้งหลักแล้วก็ไปต่อ

ถาม : เวลาจิตเข้าสู่ฌานลึก การภาวนายังคงอยู่ต่อใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มีเป็นปกติ แต่จะรู้ลมอัตโนมัติ ลมหายใจละเอียดลง สนใจอยู่แต่กับลมหายใจ ไม่สนใจเรื่องภายนอก เรื่องภายนอกถ้ามีอะไรน่าสนใจก็จะส่งความคิดความรู้สึกไปสนใจหน่อยหนึ่ง แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 14-01-2013, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับเด็กวัยรุ่นที่กำลังเรียนว่า "การเรียนไม่มีอะไรยากหรอก ถ้าที่ผ่านมาไม่รู้เรื่องก็ทิ้งไปเลย เปิดเทอมใหม่ตั้งต้นใหม่ แล้วเริ่มให้ความสนใจกับวิชาใหม่ก็จะเข้าใจเอง การเรียนอย่าทิ้งช่วง ถ้าทิ้งช่วง ขาดเรียน โดดเรียน ต่อไปจะลำบาก เพราะต่อไม่ติด ถ้าต่อไม่ติดเมื่อไรต้องรีบถามอาจารย์ โดยเฉพาะถ้าเราขาดเรียน มีเอกสาร มีการบ้านอะไรต้องรีบติดต่อเพื่อนแล้วหามาศึกษา หามาทำไว้

หลวงพ่อเองไม่ได้เรียนเก่งกว่าคนอื่นเขาหรอก เพียงแต่ว่าให้ความสนใจ โดยเฉพาะหลวงพ่อเหมือนเป็นตัวแทนของห้อง ต้องทำสรุปคำสอนของอาจารย์แต่ละชั่วโมงแจกให้เพื่อน ก็เท่ากับว่าได้ทบทวนอยู่ตลอดเวลา ที่ได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ ของประเทศมา ไม่ได้เก่งหรอก แต่ว่าทบทวนอยู่ตลอด

ช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤต พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการเรียนมีเยอะแยะไปหมด แต่เราพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่เขาก็เป็นอย่างนี้ เราพลิกวิกฤตเป็นโอกาสคือมาเร่งตัวเองในเรื่องการเรียน จะแซงเพื่อนได้สบายเลย ที่แล้ว ๆ มาก็ช่างหัวมัน เรามาเริ่มต้นสนใจใหม่ ใครจะว่าอะไรปล่อยเขา เขาจะว่าเราบ้าเรียนก็ช่าง เรียนจบออกมาทำงานแล้ว คราวนี้จะเที่ยวเท่าไรจะกินเท่าไรค่อยไป เราต้องรู้หน้าที่ตัวเองว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 14-01-2013, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปกติกระแสโลกไปทางนั้นอยู่แล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่มาดึงดูดความสนใจมีมาก ถ้าวัยรุ่นตามพวกนี้ไม่ทัน คุยกับเพื่อนก็ไม่รู้เรื่อง แต่เราเองก็ต้องมีเวลา อย่างเช่นว่าอย่านอนดึก ถ้านอนดึกแล้วรุ่งขึ้นเรียนไม่รู้เรื่องหรอก แย่ที่สุด ๔ ทุ่มก็ให้นอนได้แล้ว ตื่นเช้ามาตี ๕ ทวนสิ่งที่เรียนมาสักหน่อย กินอาหารเสร็จ ไปโรงเรียนพร้อมลุยเลย

ตอนอาตมาเรียนอยู่ พอถึงเวลาเข้าห้องอาจารย์จะถามว่า "อาทิตย์ที่แล้วผมสอนไปถึงไหน ?" จึงต้องอ่านทวนอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวอาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้ ก็เท่ากับว่าได้ทวนความรู้อยู่ทุกวัน อาจารย์พูด จับจุดให้ได้ว่าท่านสอนเรื่องอะไร หัวข้อใหญ่คืออะไร หัวข้อย่อยคืออะไร ถ้าได้แค่นี้พอแล้ว คำพูดอื่น ๆ เราไปอธิบายเองได้

พอถึงเวลาก็จดตามไป อาตมามีแต่เศษกระดาษ โดยเฉพาะกระดาษใช้แล้วหน้าหนึ่ง จดไปเรื่อย อาจารย์พูดเร็วก็เขียนเร็ว พูดช้าก็เขียนช้า เสร็จแล้วมาลอกลงสมุด เท่ากับได้ทวนอีกรอบหนึ่ง อย่าทิ้งนานนะ..ถ้าทิ้งนานจะลืม แล้วบางทีมานั่งแคะลายมือตัวเองยังอ่านไม่ออกเลย พอลอกลงสมุด คราวนี้อ่านง่ายแล้ว ก่อนเข้าห้องเรียนก็อ่านทวนสักรอบหนึ่ง จะได้รู้ว่าอาจารย์ท่านสอนไปถึงไหนแล้ว

วันก่อนสอบวิชาสถิติ ทำเสร็จเพื่อนเอาไปลอกกัน ยังขำเพื่อนเลย “เฮ้ย...ไปกินกาแฟกันก่อน มารยาทในการลอกต้องใจเย็น ๆ อย่าไปเร่งเขา ให้เขาทำเสร็จก่อน” เพื่อนแต่ละคนสุดยอดจริง ๆ จริงของเขา ถ้ามาเร่งเดี๋ยวก็โดนเตะเพราะยังไม่เสร็จ พอทำเสร็จคราวนี้สุมหัวกันเป็นกระจุกเลย

พออาจารย์ออกไปห้องน้ำ “เฮ้ย ๆ ฉายขึ้นจอไปเลย” จะได้ลอกพร้อม ๆ กัน คนหนึ่งก็คอยดูต้นทาง อาจารย์ออกจากห้องน้ำหรือยัง ดูแล้วอย่างกับเด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่แต่ละคนอายุ ๕๐ - ๖๐ ปีแล้ว สมกับที่เรียนปริญญาเอก เพราะสามารถสรุปได้ว่าคนลอกที่ดีจะต้องทำอย่างไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 15-01-2013, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บูชาท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ไว้ที่บ้าน เอาไว้ที่ไหนดีคะ ?
ตอบ : ไว้ที่ไหนก็ได้จ้ะ ให้อยู่สูงหน่อย

ถาม : ที่บ้านมีศาลพระภูมิเจ้าที่ด้วย
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ ท่านเป็นนายใหญ่ของพระภูมิเลย ไหว้ท่านก็นึกถึงเจ้าที่ด้วย ท้าวมหาราชเป็นเจ้านายของพระภูมิ กว่าจะถึงพระภูมิเจ้าที่ยังต้องลงไปอีก ๓ ชั้น

ถาม : ควรบูชาท่านอย่างไรคะ ?
ตอบ :การบูชาท่านก็กราบไหว้ตามปกติ ถ้าอยากให้รู้สึกว่าเราได้ทำการบูชาท่านจริง ๆ วันพระใหญ่ก็ถวายผลไม้หรือน้ำสะอาดสักครั้งหนึ่ง เวลาเราทำบุญสังฆทานก็อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน มีอะไรที่ไม่เกินวิสัยขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์เราด้วย

ถาม : อุทิศแบบเจาะจงเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จะอุทิศเจาะจงเป็นท่านเลยก็ได้ หรือจะอุทิศให้เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้าก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 15-01-2013, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราจะอุทิศส่วนบุญให้พ่อแม่เลยได้ไหมครับ ?
ตอบ : บอกให้ท่านโมทนาดีกว่า ได้ตรง ๆ เลย

ถามว่าการอุทิศให้มีผลไหม ? เคยมีตัวอย่าง คนไทยไปลักลอบทำประมงในเขมร แล้วโดนจับไปขังคุกอยู่ ๒ - ๓ ปีกว่าจะปล่อยกลับมาได้ ตอนที่เรือของเขมรไล่ยิงเอา ต่างคนต่างก็โดดน้ำหนี คนที่รอดกลับมาเมืองไทยได้ก็นึกว่าเพื่อนตายแล้ว จึงมาบอกกับครอบครัวว่าเพื่อนตายแล้ว ทางครอบครัวก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

หลังจากออกจากคุก กลับมาถึงบ้านแล้ว เขาบอกว่าวันที่ทางบ้านทำบุญแล้วอุทิศไปให้ อยู่ ๆ เขาก็อิ่มขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่ในคุกอด ๆ อยาก ๆ จะว่าไปแล้วแสดงว่าก็มีผลเหมือนกันนะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ลักษณะของผลโดยตรงเหมือนกับเทวดา ที่เขาโมทนาแล้วก็ได้ดีไปเลย

ถ้าเอาแน่ ๆ ก็บอกให้ท่านโมทนาดีกว่า ได้ตรง ๆ ไปเลย ลักษณะอย่างนั้นถ้ากำลังใจไม่ได้คิดถึงทางบ้าน และทางบ้านไม่ได้อุทิศไป ก็พอดีไม่ต้องเจอกัน เขาคงคิดถึงทางบ้านเต็มที่แล้ว กลายเป็นว่าคลื่นต่อกันได้พอดี ยกเว้นอย่างหนึ่งคือบุญการบวช ถ้าบุญบวชพระบวชเณร พ่อแม่ไม่รู้หรือไม่โมทนาก็ยังได้บุญ เพราะว่าเราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านโดยตรง ส่วนบุญอื่นต้องโมทนาถึงจะได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 15-01-2013, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้เขา เขายังไม่ได้รับบุญ แล้วถ้าเขาตายไป เขาจะได้บุญกุศลนั้นไหมครับ ?
ตอบ : เอาอย่างคุณลุงที่ไปลงในเว็บ ที่บอกว่าทุกวันให้ตั้งใจโมทนาบุญที่คนอื่นเขาทำ

อย่างตอนที่คุณลุงขึ้นไปบนสวรรค์ แล้วเทวดาเขาให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล เทลงมาเป็นประกายคลุมลงมาทั้งโลกเลย ใครที่ตั้งใจรับก็จะได้ไป ใครที่ไม่ตั้งใจรับก็สูญเปล่า ท่านพบมาเองจึงบอกว่า ตื่นเช้าขึ้นมาให้ตั้งใจโมทนาความดีที่คนอื่นเขาทำทั้งหมด เท่ากับเราเปิดกำลังใจรับเลย ถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะได้แน่ ๆ กำลังใจของเราน้อมนึกถึงว่า วันนี้คนอื่นเขาทำความดีเท่าไร เราขอโมทนาด้วย แล้วสิ่งที่เราทำทั้งหมดก็ขออุทิศให้กับเขาทั้งหลายด้วย

พูดง่าย ๆ ก็คือเราก็อุทิศส่วนกุศลด้วย แล้วก็โมทนาเองด้วย ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นสูญเปล่าไปเฉย ๆ เหมือนกับส่งอาหารไปแล้วไม่มีใครกิน หมดสภาพไปเฉย ๆ


ถาม : อย่างนี้ก็ได้กำไรเพียบเลยสิครับ
ตอบ : กำไรก็คือกำไร แต่ต้องวางกำลังใจให้ถูก อย่างที่บอกว่า โมทนาเป็นการพลอยยินดีในความดีของคนอื่น ไม่ใช่ว่ากูจะเอาของมึง ถ้าวางกำลังใจประเภทกูจะเอาของมึงนั่นผิด เขาส่งให้ทางประตู แต่ไปรับทางหน้าต่างแล้วจะไปได้รับอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 15-01-2013, 22:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมจะมาช่วยตั้งกองทุนอาหารหมา อาตมาไล่เตลิดไปแล้ว บอกว่าไม่ต้องเลย หมาวัดท่าขนุนไม่ได้อด เลือกกินอีกต่างหาก อาหารเหลือเฟือ แต่ถ้าไม่อร่อยหมาไม่กินเลย นึกถึงสมัยเด็ก ๆ อาตมาเลี้ยงหมา อย่างเก่งก็ได้กินน้ำข้าวเท่านั้น ที่เหลือไปหากินเอาเอง ไล่จับตุ่น จับแย้ จับกิ้งก่ากินเอง ก็เห็นแข็งแรงดีออก

แต่สัญชาตญาณเขาสุดยอดเลย บางทีตั้งใจแกล้งเขา ตอนตรุษจีนกินไก่แล้วเหลือกระดูกขาไก่ ยกให้หมาดูแล้วขว้างเข้าไปในดงหญ้าคา หมาวิ่งพรวดเข้าไปไม่ถึง ๑ นาทีเอาออกมากินแล้ว สมัยนี้โยนเลยหัวไปคืบเดียวยังหาไม่เจอ สมรรถภาพของหมาเสื่อมลงขนาดนั้น ต้องปล่อยลักษณะอย่างที่อาตมาเลี้ยง แบบนั้นอยู่ในสถานการณ์ไหนก็เอาตัวรอดได้

หนังสือ Survival ที่เขาแปลเป็นไทยว่าต้องรอด เนื้อเรื่องกล่าวถึงว่าแผ่นดินไหวแล้วถล่มลงทะเลไป ตัวเองไปติดอยู่บนเกาะ กว่าจะข้ามมาทางด้านแผ่นดินใหญ่ได้ก็หลายเดือน ปรากฏว่ามาเจอหมาจับกลุ่มกันล่าสัตว์ หมากลับคืนสัญชาตญาณป่าแล้ว มาเจอคนก็จะกินคน พอตัวเองเดินอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของกรุงโตเกียว อยู่ ๆ เสือก็โผล่ออกมา เสือหลุดจากสวนสัตว์มา เจออะไรก็จับกินไปเรื่อย คราวนี้ไม่มีคนให้กินก็กินสัตว์ อยู่ ๆ มาเจอคนเข้าก็จะกินคนแล้ว

สัญชาตญาณของสัตว์จะมีความเป็นสัตว์ป่าอยู่เยอะ พอถึงเวลาตามความเคยชินก็จะออกล่า เราจะสังเกตว่า ที่หมากัดคน ถ้ายิ่งร้องเอะอะเอ็ดตะโรหมาจะยิ่งกัด เพราะว่าเป็นสัญชาตญาณในการล่าของเขา สัตว์ที่โดนล่าก็จะต้องร้องอย่างนี้"


ถาม : เป็นกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็น...แต่น้อย เพราะว่าเขาอยู่ในภพภูมิที่มืดบอดกว่า เมื่ออยู่ในภพภูมิที่มืดบอดกว่า สิ่งที่เขาทำกรรมก็น้อยกว่า ถ้าอย่างเราทำบาปจะหนักกว่ามาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 16-01-2013, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการสร้างพระพุทธรูปทองคำว่า "ช่างเขาประเมินมาว่า ต้องใช้ทองประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้ได้มาแล้วประมาณ ๒ กิโลกรัม เหลืออีก ๓๘ กิโลกรัม ไม่ได้กลัวเลย..เพราะว่าเหลือเวลาอีกตั้ง ๖ ปี..อีก ๖ ปีข้างหน้าจะหล่อพระฉลองอายุ ๖๐ ปี จึงเตรียมการตั้งแต่ตอนนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 251 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 16-01-2013, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยประเพณีนิยมแล้วในงานศพ ถ้าผู้ตายอาวุโสกว่าเราต้องแต่งชุดขาว ถ้าผู้ตายเด็กกว่าเราถึงแต่งชุดดำ แต่ในปัจจุบันนี้แต่งดำกันให้มั่วไปหมด กลายเป็นว่าคนตายอายุ ๘๕ ปี คนไปงานศพอายุ ๒๐ ปีก็แต่งดำไป มีอยู่อย่างเดียวคนที่จะแต่งดำได้ต้องอาวุโสด้วยฐานะ อย่างเช่นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตัวอย่างสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปงานของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ โดยพระยศสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สูงกว่าจึงแต่งดำ ถ้ายศต่ำกว่าท่านต้องแต่งขาว คนสมัยใหม่ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียม เอะอะก็แต่งดำกันหมด

ถ้าคนตายอาวุโสกว่าเราต้องแต่งขาว ถ้าคนตายเด็กกว่าเราแต่งดำ จำไว้แม่น ๆ "


ถาม : เคยเห็นรัชกาลที่ ๖ ไปงานสมเด็จพระพันปีหลวง พระองค์แต่งขาว ?
ตอบ : แบบนั้นพระองค์ท่านยกย่องให้ แบบเดียวกับในหลวงเสด็จงานสมเด็จย่า พระองค์ท่านก็แต่งขาว เพราะแม้สมเด็จย่าพระยศจะต่ำกว่า แต่พระองค์ท่านยกย่องให้ในฐานะของแม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 16-01-2013, 12:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเป่ายันต์เกราะเพชร จึงเป็นเสาร์ ๕ ทำไมถึงไม่เป็นวันอังคาร ?
ตอบ : ในเรื่องของวันเวลาที่โบราณาจารย์ท่านกำหนดมาตามสายครูบาอาจารย์นั้น ท่านศึกษาทางโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง แล้วก็รู้ว่าในวันนั้นเวลานั้น กำลังของดวงดาวที่ส่งลงมาจะแรงที่สุด ในเมื่อเป็นอย่างนั้นท่านก็จะเอาประโยชน์ตรงจุดนั้น จึงต้องเลือกวันที่เหมาะกับงาน

ไปนึกถึงปราสาทหินเขาพนมรุ้ง พอถึงวันเวลาแล้วพระอาทิตย์จะส่องแสงตรงทุกช่องพอดี กำลังที่ว่าก็จะมาในลักษณะอย่างนั้น ถ้าไม่ได้วันนั้นก็จะเอียงไปบ้าง ส่องไม่ได้ทุกประตู เรื่องอย่างนี้โบราณเขาเก่งกว่าเราเยอะ เพราะว่าเขาศึกษาทางจิตมามาก รู้โดยความเป็นทิพย์ ซึ่งแม่นกว่าตำรา

แต่ปฏิทินมายานี่คนรุ่นใหม่มั่วเอานะ ตกลงโลกแตกไปหรือยัง ?


ถาม : จริง ๆ เป็นเรื่องหลอกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องถามคนมายา มายาภาษาบาลีแปลว่าหลอกลวง จะได้รู้ว่าคนเราที่กลัวตายนั้นกลัวตายจริง ๆ คนที่กลัวตายอย่างมีสติ อย่างเช่นว่าเตรียมตัวรับมือก็ดี ตั้งหน้าตั้งตาประกอบกองบุญการกุศลก็ดี อย่างนี้ถือว่ามีสติ แต่หลายคนไปปล้นไปจี้ ปล้นธนาคารเอาเงินไปกินไปเที่ยวก่อนโลกแตก ๗ วัน นั่นไร้สติ คิดว่าโลกจะแตกแล้วก็เลยรีบทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 16-01-2013, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยอาตมาเรียนมัธยมอยู่ตอนปี ๒๕๑๘ อาตมาอายุ ๑๖ ปี เขามีคำร่ำลือว่าอีก ๑๐ วันโลกจะแตก เพื่อน ๆ ในห้องลาออกไปแต่งงานกันหลายคู่ กลัวว่าโลกแตกแล้วจะไม่ได้แต่ง สรุปแล้วพอหลังจาก ๑๐ วันโลกไม่แตก อาตมายังคงเรียนหนังสือต่อ แต่เพื่อนเขาต้องไปเลี้ยงลูกแล้ว จะบอกว่าสมน้ำหน้าดีไหม ?

เรื่องพวกนี้แสดงให้เห็นว่าคนเราขาดหลักธรรมมาก พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้ว มา อิติ กิรายะ อย่าเชื่อเพราะเขาลือกัน แม้กระทั่ง มา ตักกะเหตุ ขนาดตรองแล้วเข้ากับตรรกะหรือทฤษฎีต่าง ๆ ยังเชื่อไม่ได้เลย เพราะถ้าคนเอาข้อพิสูจน์มายืนยันได้ว่าทฤษฎีนี้ไม่ถูก ตั้งทฤษฎีใหม่ขึ้นมานี่ก็เจ๊งแล้ว

ดังนั้น..สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ทุกอย่างเป็นสัจธรรมที่ไม่สามารถที่จะเถียงได้ คราวนี้เราไปเชื่อคำร่ำลือก็ไปกันใหญ่ แต่ว่าคนที่เชื่อคำร่ำลือแล้วตั้งหน้าตั้งตาประกอบกองบุญการกุศล คิดว่าใกล้วาระสุดท้ายของชีวิตแล้วเราต้องทำกำลังใจให้ดีที่สุด ถึงเวลาจะได้ไปให้ไกลที่สุด ถือว่าเชื่ออย่างมีสติ แต่พวกไปทำผิดทำพลาด ถือว่าสิ้นสติ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 16-01-2013, 12:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถวายสังฆทานให้แม่ แม่เขาเสียมาครบปีแล้ว ไม่ทราบว่าแม่จะได้รับหรือเปล่า ?
ตอบ : ผู้ตายได้รับไม่ได้รับไม่เป็นไรหรอก เราเองให้ได้ทำไว้ก่อน เพราะว่าคนทำต้องได้เอง ถ้าฝันถึงท่านบ่อยนี่ได้แน่จ้ะ พวกที่มาในฝันได้แสดงว่าไม่ลำบากหรอก พวกที่ลำบากจะมาไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 16-01-2013, 12:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เคยอ่านเรื่องสาวฝรั่งเศสไม่มีวันอ้วนไหม ? สาวฝรั่งเศสไม่ดื่มกาแฟ ไม่ดื่มน้ำหวาน ไม่ดื่มโค้ก สาวฝรั่งเศสดื่มแต่น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ว่ามาเป็นตัวอ้วนดีนักแล ดื่มแล้วไม่อิ่ม ลองเปลี่ยนนิสัยมาดื่มน้ำเปล่าดูสิ แล้วจะรักษาหุ่นได้อย่างหลวงพ่อบ้าง หลวงพ่อก็ถนัดแต่น้ำเปล่า

สาวฝรั่งเศสเขาไม่อ้วนเพราะว่าแม้กระทั่งตามออฟฟิศเขาก็เตรียมน้ำเปล่าไว้ให้ มีทั้งใส่คูลเลอร์ ตามโต๊ะก็ตั้งน้ำแร่โต๊ะละขวด โรงอาหารก็มีน้ำแร่โต๊ะละขวด ขวดขนาดลิตรครึ่ง ถ้าหมดก็เบิกเพิ่มได้ เพราะฉะนั้น..ตามออฟฟิศของเขาก็เลยไม่มีของพวกนี้ขาย ไม่มีน้ำหวาน ไม่มีโค้ก ไม่มีเป๊ปซี่ ไม่มีกาแฟ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 16-01-2013, 12:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนอยากจะศึกษาว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างไร ทำไมถึงตรัสห้ามผู้หญิงบวช ?
ตอบ : ท่านบอกว่าถ้าพระธรรมวินัยนี้มีผู้หญิงเข้ามาบวช ศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ครบ ๕,๐๐๐ ปี คุณลองนึกถึงทุกวันนี้ว่าขนาดผู้หญิงอยู่นอกวัด ยังมีเรื่องมีราวฉาวโฉ่ไม่รู้ตั้งเท่าไร แล้วภิกษุณีนี่ท่านบังคับเลยว่าต้องอยู่ในอารามที่มีผู้ชายคือภิกษุ เพียงแต่ให้กันเขตไว้ต่างหาก เพราะสมัยก่อนอยู่แต่ในอารามที่มีแต่ผู้หญิงแล้วโดนเขาข่มขืน จึงต้องมีภิกษุคอยป้องกันให้ แต่แบ่งเขตให้อยู่ต่างหาก คราวนี้กลายเป็นว่าน้ำมันกับไฟใกล้กัน โอกาสเสียหายมีเยอะ เพราะสมัยหลัง ๆ ไม่ใช่พระอริยเจ้า ส่วนใหญ่เป็นปุถุชน พระพุทธเจ้าท่านไม่ต้องการที่จะให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา ถึงได้สั่งห้ามไว้

ถาม : สามเณรีกับสิกขมานาต่างกันมากน้อยแค่ไหน ?
ตอบ : สามเณรีบวชเป็นเณรผู้หญิง ถือศีล ๑๐ ข้อ ส่วนสิกขมานาเป็นผู้หญิงเตรียมบวช ถือศีลแค่ ๖ ข้อ ถึงแค่ข้อวิกาลโภชนา แต่สิกขมานาให้ถือศีล ๖ อยู่ ๒ ปี ถ้าภายใน ๒ ปีศีลขาด ให้เริ่มต้นนับ ๑ ใหม่

ถาม : สามเณรีต้องถือสิกขมานาก่อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ต้อง...บวชเป็นสามเณรีเลย ถ้าอายุครบ ๒๐ ปี ก็บวชเป็นภิกษุณีต่อไปได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 16-01-2013, 13:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สังฆาทิเสสที่บอกว่า ภิกษุห้ามถูกต้องจับกายหญิง แล้วถ้าผู้หญิงถูกตัวพระ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร..แต่เราต้องระมัดระวังตัวเองว่ามีจิตยินดีหรือเปล่า ? ถ้าเขาจับตัวแล้วเรายินดีในสัมผัสนั้นก็ซวยไปด้วย

ถาม : ถ้าเป็นผู้ชายจับผู้ชายด้วยกัน ?
ตอบ : โดนอาบัติเหมือนกัน ท่านใช้คำว่า กายสังสัคคัง มีกายอันสัมผัสกัน ต่อให้พระกับพระ ถึงไม่ถูกตัวกันก็ห้ามนอนใต้ผ้าห่มเดียวกัน พระวินัยห้ามไว้ชัดเลย โดนอาบัติทุกกฎ

พระพุทธเจ้าท่านรู้ยิ่งกว่ารู้ ถึงได้ห้ามไว้รอบคอบขนาดนั้น เพราะถ้าไม่ห้าม สมัยนี้พวกชอบผู้ชายด้วยกันมีเยอะ ของพระจึงห้ามถูกต้องเนื้อตัวกันทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชาย ต่อให้ไม่ถูกเนื้อตัวกัน นอนใต้ผ้าห่มเดียวกันก็ไม่ได้ สั่งห้ามขาดเลย

ถาม : ที่มุงที่บังเดียวกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าที่มุงที่บังเดียวกันต้องแยกส่วน ก็คือเป็นพระด้วยกันไม่เป็นไร แต่ต้องมีเขตของตัวเอง เรียกว่า ติจีวรวิปปวาส เขตที่อยู่ที่ปราศจากไตรจีวรของตัวเอง

ถาม : พวกจีวรที่ให้อยู่ในเขตหัตถบาส ?
ตอบ : หนุนหัวสิครับ รักษาจีวรง่ายจะตาย เอาหนุนหัวไปเลย

ถาม : ภิกษุที่มีกำหนัดถูกจับต้องภิกษุ ผิดอาบัติทุกกฎหรือครับ ?
ตอบ : ภิกษุก็ผู้ชาย อย่าลืมว่าจับต้องกายผู้ชายโดนอาบัติทุกกฎ ถ้าจับต้องกายบัณเฑาะว์ โดนสังฆาทิเสส ซวยหนักเข้าไปอีก ขาดความเป็นพระเลย ไปเห็นเขากระตุ้งกระติ้งแล้วไปลูบ ๆ คลำ ๆ เข้าก็เป็นเรื่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2013 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 18-01-2013, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาว่าคนรวยจริงมักจะไม่อวดรวย แต่คนไม่เคยรวยมักจะอวดรวย เขาใช้คำว่า "มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี" เขาว่าได้แสบมาก คนทั้งหลายเหล่านี้ขาดความมั่นใจในตนเอง ก็เลยต้องเอาเครื่องประดับมาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ ทำให้กลายเป็นเป็นประเภทตู้เพชรตู้ทองเคลื่อนที่

มีอยู่รายหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดเขาใส่สร้อยคอทองคำหนัก ๑๗ บาท โดนกระชากแล้วสร้อยเหนียวดึงไม่ขาด ตัวเองก็เลยหัวฟาดพื้นเป็นอัมพาตไปเลย การแต่งตัวอวดร่ำอวดรวย สมัยนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด

สมัยก่อนยายของอาตมามีแหวนปลอกมีด เป็นทองคำเกลี้ยง ๆ เหมือนโลหะรัดปลอกมีด เขาก็เลยเรียกว่าแหวนปลอกมีด ยายจะใส่ติดนิ้วไว้ อาตมาถามยายว่าทำไมต้องใส่ ยายว่า “ถ้าเผื่อข้าตายแล้วคนเห็นว่ามีแหวนทองอยู่ ก็ยังคิดที่จะช่วยทำศพให้” แหม..ยายคิดรอบคอบมากเลย ของตัวเองมีเท่าไร ๆ ให้ลูกให้หลานหมด ส่วนตัวเองมีแหวนปลอกมีดติดนิ้วไว้วงเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2013 เมื่อ 19:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 18-01-2013, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีสวรรค์ชั้นไหนที่เทวดาบนนั้นอายุ ๗๐,๐๐๐ ปีบ้างคะ ?
ตอบ : แค่ชั้นแรกก็เกินแล้ว..อย่าลืมว่าเทวดาชั้นจาตุมหาราชเขาอายุ ๒๐๐ ปีทิพย์ วันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เดือนหนึ่งของเขาปาไปกี่ปีของเราแล้ว ? ปีหนึ่งของเขาตั้งเท่าไรแล้ว ? ลองคูณออกมาดูสิ เกิน ๗๐,๐๐๐ ปีไปตั้งเยอะ ๗๐,๐๐๐ ปีมนุษย์นี่น้อยเกินไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2013 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 18-01-2013, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศีลข้อสามในศีลแปด เป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ห่างผู้หญิง ๓ วาได้จะดี ใกล้กว่านั้นไม่ได้ ใกล้กว่านั้นเดี๋ยวเผลอแตะ..! จริง ๆ แล้ว อพฺรหฺมจริยา หมายถึงการที่เราทรงอารมณ์ภาวนาอยู่โดยที่ไม่ส่งใจออกนอกเลย เขาจึงเรียกว่า จริยาอย่างพรหม เพราะพรหมท่านทรงฌานอยู่ตลอดเวลา ในเมื่อทรงฌานอยู่ตลอดเวลา กามราคะก็เกิดไม่ได้ เขาถึงได้เรียกว่าประพฤติพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น..ถ้าตั้งใจจะเอาอพฺรหฺมจริยาจริง ๆ ก็แปลว่าต้องไม่หลุดจากฌานเลย

ถาม : แล้วที่เขาไปถืออุโบสถศีล ?
ตอบ : สมัยก่อนถ้าเขาถืออุโบสถศีลก็คือไปนอนที่วัดเลย เว้นจากเรื่องพวกนี้โดยตรง ปัจจุบันนี้จะมีขาประจำอยู่ที่วัดท่าขนุนประมาณ ๓๐ คน วันพระก็จะไปนอนค้างที่วัดเลย

ถาม : แล้วนึกถึงกามสัญญา ?
ตอบ : เรื่องนึกถึงหรือจิตประหวัดถึงเขาเรียกว่า กามสัญญา นับเป็นเรื่องปกติ แต่กายวาจาต้องงดเว้นให้ได้ ไม่ไปพูดจาเกี้ยวเขา ไม่ไปแตะต้องเขาอะไรแบบนั้น

ถาม : ห่าง ๓ วาหรือครับ ?
ตอบ : ๓ วา ตาก็ไม่มอง ปากก็ห้ามพูด อกจะแตกตาย..!

ถาม : อย่างนี้ต้องปฏิบัติในศีล สมาธิ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีสมาธิจะตัดตัวนี้ยาก ถ้าจะตัดกามราคะ อย่างน้อยสมาธิต้องทรงตัว

ถาม : ถ้าไปล่วงศีลข้อนี้ใจก็เศร้าหมอง ?
ตอบ : เศร้าหมองก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเรายังห้ามความคิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าทรงฌานอยู่ความคิดไปในกามก็ไม่มี อยู่กับการภาวนา หลุดออกมาแล้วค่อยฟุ้งใหม่ ตอนที่ทรงฌานอยู่ก็เอาตัวรอดไว้ก่อน ถ้าไม่มีสมาธิส่วนใหญ่แล้วพระเณรอยู่ไม่ได้หรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2013 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว