กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 13-06-2012, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมพาผู้สูงอายุมาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "เวลาเดินให้รอคนแก่ด้วย ตนเองไม่แก่บ้างก็แล้วไป สมัยก่อนอาตมาดูแลปู่ย่าตายาย รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำ เพราะทางครอบครัวเขาอบรมมาว่า ให้กตัญญูต่อผู้ใหญ่ มีโอกาสให้ทดแทนท่าน นี่เป็นหลักการของขงจื๊อตามที่ครอบครัวคนจีนสั่งสอนมา

อาตมาเองพอได้ทำแล้ว รู้สึกว่าปลื้มใจและภูมิใจที่ได้ทำ แต่เด็กรุ่นใหม่รู้สึกอายที่จะไปไหนกับคนแก่ ต้องคิดถึงอกเขาอกเราบ้าง มนุษย์เราน่าจะเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีการสงเคราะห์ผู้ชรา สัตว์อื่นน้อยตัวที่จะมี สัตว์อื่นที่สงเคราะห์พ่อแม่ที่แก่ชรา ส่วนใหญ่เป็นจริยาของพระโพธิสัตว์มาทั้งนั้น นอกนั้นพอถึงเวลาโตก็ทิ้งกันเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-06-2012 เมื่อ 10:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 13-06-2012, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พออาตมาโกนหัวแล้วมักจะเป็นไข้ สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงให้หลวงพี่ประทีปโกนหัวทั้งแห้ง ๆ ท่านบอกว่าน้ำโดนหัวแล้วจะเป็นไข้ ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่าเป็นผลของมาลาเรีย พอโดนความเย็นเข้าหน่อยก็ไข้จับเลย อย่างอาตมาฟอกสบู่แล้วฟอกสบู่อีก โกนหัวยังแสบบ้างคันบ้าง ส่วนหลวงพ่อท่านโกนแห้ง ๆ เท่ากับขูดหนังหัวตัวเองเล่น คงจะแสบน่าดูเลย

เมื่อวันที่ ๑๖ ลงไปปักษ์ใต้ ไปวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ์วัดรัตนานุภาพ ก็ปรากฏว่ามีโยมเขาขอเกศา อาตมาบอกว่าให้ไม่ได้ เขาถามว่าทำไม ? ตอบไปว่ายังไม่อยากเจอแบบที่หลวงปู่แหวนท่านเจอ พอคนหนึ่งได้อีกคนหนึ่งก็จะเอา หลวงปู่แหวนท่านบอกว่า “โกนจนหัวแสบไปหมดแล้ว ยังจะเอาอีก” เพราะฉะนั้น..อย่าเอาเลย ถ้าได้ไปสักคนเดี๋ยวที่เหลือก็จะเอาบ้าง เดือดร้อนอาตมาอีก

รุ่นหลวงปู่แหวนนั่นเป็นรุ่นแรก ๆ ที่เขานิยมสร้างพระแล้วใส่เส้นเกศาลงไป ท่านก็เลยโดนโกนไม่เว้นแต่ละวัน อยากได้เมื่อไรก็ไปขอโกน ช่วงนั้นจะมีกระแสการสร้างพระ แรก ๆ ก็นำโดยคณะศิษย์ทหารอากาศ พอคนอื่นเห็นว่าท่านอนุญาต ก็เลยตามมาขอกันใหญ่ ช่วงนั้นจะมีหลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ฝั้น ๒ รูป ที่คนออกเหรียญท่านเป็นร้อยรุ่น ออกมาเท่าไรก็จำหน่ายหมด เห็นกำไรดีก็ทำกันใหญ่ หารู้ไม่ว่าทำให้หลวงปู่ท่านลำบากขนาดไหน

อย่างวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ถ้าไปคบกับพวกตลาดพระจะดังกว่านี้เยอะ เขาจะช่วยปั่นให้ แต่อาตมาไม่คบหรอก..คบแล้วเหนื่อย เพราะยิ่งดังมากเท่าไรก็ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 13-06-2012, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาบอกว่า

ถ้าแคบนักมักจะคับขยับยาก............ถ้าหลวมมากไม่มีอะไรจะใส่สม
ถ้าสูงนักมักจะลอยไปตามลม............ถ้าต่ำนักมักจะจมลงบาดาล

สรุปว่าถ้าไม่พอดีนี่หาดีไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น..พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสทางสายกลาง คือ มัชฌิมาปฏิปทา แต่มัชฌิมาปฏิปทาต้องกลางจริง ๆ คือกลางที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ทำได้ แต่มีคนจำนวนหนึ่งที่สมรรถภาพน้อย จะเห็นว่ายากมาก ขณะเดียวกันพวกที่สมรรถภาพสูงก็จะเห็นว่าง่าย แต่ว่าต้องเอาคนส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 13-06-2012, 21:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การส่งข้อความคุยโต้ตอบกันเรื่องธรรมะตามเว็บสังคมออนไลน์ อันนี้จัดว่าเป็นอภิญญาด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกวิชชามัยฤทธิ์ ลองไปค้นคำนี้ดูแล้วก็เข้าใจเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้วเพิ่งจะทำกันได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 14-06-2012, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่เครียดเรื่องงานว่า "เลิกงานแล้วก็กองไว้ตรงนั้น ถ้าเลิกงานแล้วยังเก็บมาคิดต่อก็เครียด ถ้าพวกเราไม่เคยชินกับการตัด ถึงเวลาแล้วจะอดคิดไม่ได้ ถ้าเคยชินกับการตัด ปล่อยแล้วจะปล่อยเลย จนกว่าจะไปชนกับเหตุการณ์ใหม่ถึงจะคิดใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 14-06-2012, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึง "ฮก ลก ซิ่ว" ว่า "ฮกเซียนคืออำนาจวาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ ลกเซียนคือ ร่ำรวยเงินทอง ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ซิ่วเซียนคือ อายุวัฒนะ อายุยืนยาว ซิ่วเซียนอายุ ๘๐๐ ปีแล้วก็ยังไม่ตาย ท่านคงเบื่อเต็มทีเลยเดินเข้าป่าเข้าดง หายไปเฉย ๆ"

ถาม : เซียนที่อยู่ได้ถึง ๘๐๐ ปีเพราะว่าอิทธิบาท ๔ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาใช้คำว่า "เข้าถึงเต๋า" อย่างน้อย ๆ น่าจะอยู่ระดับสมาบัติที่ปรับธาตุตัวเองได้ พอสภาพร่างกายไม่ไหวก็ปรับธาตุใหม่ ธาตุเสมอกันก็อยู่ต่อไปได้อีก

ถาม : อย่างนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธก็อยู่ได้ ?
ตอบ : อยู่ได้..ลองไปอ่านหนังสือโยคีมหัศจรรย์ดูสิ อยู่มาเป็นพันปี ไม่ได้กินอะไรเลย ปีหนึ่งออกจากถ้ำมาครั้งเดียว มาเดินแตะ ๆ ของสังเวยที่บรรดาสาวกเอามาไว้ให้ บางทีหยิบขนมกินชิ้นเดียว แล้วก็หายไปอีกปีหนึ่งค่อยออกมาใหม่

ถาม : เข้าสมาบัติ ?
ตอบ : เป็นสภาพร่างกายที่ปรับธาตุ ดึงเอาดิน น้ำ ลม ไฟ รอบข้างมาใช้งานเองได้ ไม่ต้องกินอะไร ที่เขาเรียกว่าอยู่ด้วยธรรมปีติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 14-06-2012, 09:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันก่อนมีเด็กอายุ ๙ ขวบที่ออกรายการแฟนพันธุ์แท้ครั้งหนึ่ง แล้วมารายการล้วงลับตับแตก เขาสามารถที่จะสวดมนต์และรู้เรื่องครูบาอาจารย์ได้ มีคนสงสัยว่าเขาเคยเป็นพระสงฆ์หรือเปล่า ?
ตอบ : ต้องไปถามเขาเอง

ถาม : มีคนเปิดกรรม เขาก็ดูว่า เด็กคนนี้เคยเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง แต่ไม่สามารถบอกได้มากกว่านี้ เด็ก ๙ ขวบแต่มีความสนใจอ่านหนังสือธรรมะ
ตอบ : คนที่รู้ในส่วนที่คนทั่วไปไม่รู้ ถ้ารู้จริงจะต้องรู้ด้วยว่าควรจะบอกได้แค่ไหน ถ้าหากว่าบอกเกินนั้นตัวเองก็ซวย ส่วนใหญ่พวกที่ได้มโนมยิทธิในปัจจุบันนี้ ผิดซะ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าพูดไปเรื่อยเปื่อย บางทียังไม่ทันจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นจริงหรือไม่จริง ก็พูดไปแล้ว ท่านที่รู้จริง ๆ ท่านรู้ว่าสมควรพูดแค่ไหนถึงจะพอดี แต่มีพวกแสนรู้ไปอธิบายขยายความจนเสียหายหลายแสนทุกที ถ้าเรื่องสมควรพูดท่านพูดไปแล้ว

ถาม : บางคนมีบอกว่าเคยเป็นภรรยาเป็นสามีกันมาก่อน
ตอบ : ประเภทนั้นแหละ แทนที่รู้แล้วจะตัดได้ ก็กลายเป็นผูกหนักขึ้นไปอีก และกอดคอกันตายทั้งขบวน ไปดูว่าคนนั้นเป็นผัวฉัน คนนี้เป็นเมียฉันให้ยุ่งไปหมด ดูแล้วแทนที่จะรู้จักเข็ด ว่ากี่ชาติ ๆ ก็ทุกข์ กลับไม่เข็ด แล้วยังไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่อีก

มีตัวอย่างสมัยก่อนที่อาตมาจะบวช บางรายไปบอกเขาอย่างนั้น โดนพ่อแม่เขาไล่ฟาดกบาลออกจากบ้าน ต่อให้เขาเคยเป็นจริง ๆ ก็เป็นอดีตแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ แสดงว่าเขาไม่รู้ว่าไม่ควรพูด ส่วนใหญ่จะอย่างนี้

แต่ก็แปลก..เขาก็เชื่อกันได้ อาตมาเป็นคนเชื่อยาก ตามพิสูจน์หลวงพ่อวัดท่าซุงมา ๑๐ กว่าปี กว่าจะยอมมอบกายถวายชีวิต ของแท้พิสูจน์อย่างไรก็ยังเหมือนเดิม ของไม่แท้เดี๋ยวก็หางโผล่

วันก่อนมีโยมท่านหนึ่งไม่ได้มาเป็น ๑๐ ปีแล้วโผล่มา อาตมาก็หัวเราะ เขาเป็นฮินดู เพิ่งไปโดนคนหลอกหมดเงินไปเป็น ๑๐ ล้านบาท เกี่ยวกับพวกบรรดาของเก่าต่าง ๆ ว่าเป็นของคู่บารมีสมควรจะมีไว้ อาตมาเห็นก็รู้ว่าเป็นของปลอม แต่ก็พูดไม่ออก เพราะเขามั่นใจว่าแท้ เขาบอกว่าอาจารย์จับพลังแล้วสุดยอดมากเลย อาตมาก็นั่งเซ็งในอารมณ์ เล่นจับพลังไม่ใช้สายตาดูเลยหรือวะ..?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 14-06-2012, 09:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การให้ทานที่ให้ผลด้านปัญญา ?
ตอบ : ธรรมทานให้ผลด้านปัญญา ความจริงการให้ทาน ถ้าเราให้จนทรงเป็นสมาธิ กำลังของสมาธิจะช่วยให้เกิดปัญญาได้ แต่ส่วนใหญ่เราให้ทานในลักษณะที่ทำไปเรื่อย ไม่ได้เอาสมาธิเข้าไปควบด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าจะเอาเรื่องของปัญญาโดยตรงต้องเป็นธรรมทาน ไม่อย่างนั้นถ้ามีสมาธิอยู่ด้วยก็ได้ปัญญาเลย

แต่ถ้าหวังโภคทรัพย์ ก็ให้อามิสทาน ทานที่ประกอบด้วยวัตถุสิ่งของ จะเกิดผลเป็นโภคทรัพย์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 14-06-2012, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ฝนฟ้าตกทุกเย็น ไม่ต้องโทษเทวดาหรอก ต้องโทษพวกเราเอง บรรพบุรุษของเราเลือกกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งเมืองหลวง เพราะว่าสมัยนั้นต้องทำไร่ทำนา ท่านก็หาที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลทั้งปี คราวนี้แทนที่เราจะทำไร่ทำนา เราดันมาปลูกตึกก็เป็นเรื่องนะสิ

เห็นสนามหลวงไหม ? นั่นเป็นนาของพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้น..ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่ของแปลก ต้องท่วมแน่นอน เพราะโบราณเขาตั้งใจที่จะตั้งเมืองหลวงตรงนี้ สมัยก่อนน้ำจะท่วมเสมอกัน พรวดเดียวแล้วก็ลดลง นำเอาโอชะ ก็คือ บรรดาปุ๋ยต่าง ๆ มากับน้ำด้วย เวลาน้ำท่วมผ่านไปปลูกข้าวปลูกผักล้วนแล้วแต่งอกงามทั้งนั้น

แต่อย่างปีที่แล้วท่วมมากเพราะเราไม่ได้ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เราไปกักเอาไว้ ไปกันพื้นที่บางส่วนออก ส่วนที่ไม่ได้กันก็จะท่วมหนัก เพราะน้ำมาเท่าเดิม ถ้าเฉลี่ยสูงศอกหนึ่ง แล้วเราไปกันพื้นที่ไว้ ๘ ส่วน เหลืออยู่ ๒ ส่วน น้ำก็ต้องสูงเป็นวา ฉะนั้น..ถ้าหากว่ากรุงเทพฯ ของเรายอมเดือดร้อนพร้อม ๆ กัน ปล่อยให้ท่วมเต็มที่เลย อยู่อย่างเก่งก็ท่วม ๒ - ๓ วันเท่านั้น เพราะว่าน้ำต้องลงที่ต่ำคือทะเล ในเมื่อไปกันพื้นที่เอาไว้ ส่วนที่ไม่ได้กันก็รับไปเต็ม ๆ

ยังโชคดีว่าเรามีเส้นทางพระราม ๒ ถ้าไม่มีคนกรุงเทพฯ คงได้อดกันบ้าง อย่างน้อย ๆ ข้าวปลาอาหารยังออกมาทางสมุทรสาครได้ ถ้าไม่มีนี่เรียบร้อย อดกันแน่ ๆ"

ถาม : ปีนี้ท่วมเหมือนปีที่แล้วไหมครับ ?
ตอบ : ปีนี้ไม่ท่วมเหมือนปีที่แล้ว แต่พิลึกพิลั่น ที่ท่วมก็ท่วมไป ที่แล้งก็แล้งไป เป็นปีที่ประหลาด เรื่องน้ำไม่น่าห่วงสำหรับปีนี้ ห่วงเรื่องแผ่นดินไหวมากกว่า

ถาม : แผ่นดินไหว กรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบไหมครับ ?
ตอบ : กรุงเทพฯ ข้างใต้เป็นโคลน ไม่ได้เป็นหินดาน กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนตะกอนปากแม่น้ำ ข้างล่างเป็นดินโคลน แผ่นดินไหวมาทีเหมือนกับเขย่าแก้วน้ำ จะเกิดผลแรงมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 14-06-2012, 10:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนนี้ทองผาภูมิที่ดินราคาถูก เพราะเขากลัวเขื่อนแตกกัน จากไร่ละเป็นล้านบาท ตอนนี้เหลือ ๓ - ๔ หมื่นบาทก็ซื้อได้ คนเขาก็ไม่คิดกันว่า เขื่อนแตกน้ำต้องทะลักไหลลงข้างล่าง ไปซื้อที่เหนือเขื่อนเสียก็หมดเรื่อง ถ้าอาตมาเป็นนายหน้าค้าที่ดินจะกว้านให้เหี้ยนเลย

ส่วนวัดท่าขนุนอยู่ปากเขื่อนพอดี ตูมแรกเขาบอกว่าน้ำจะมาสูง ๓๕ เมตร เลยหัวเราไป ๑๘ - ๑๙ เท่า หลังจากอีกนั้น ๓ ชั่วโมง จะมาถึงกาญจนบุรีประมาณ ๖ เมตร หลังจากนั้นอีก ๕ ชั่วโมงถัดมาจะถึงกรุงเทพฯ ประมาณ ๓ เมตร เพราะฉะนั้น..วัดท่าขนุนต่อให้รู้ว่าเขื่อนแตกตอนนั้นก็หนีไม่ทัน เพราะไม่กี่วินาทีก็ถึงแล้ว ถึงได้บอกโยมว่าถ้าพระย้ายเมื่อไรแล้วค่อยย้ายตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 14-06-2012, 11:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาหมาตายไปจะมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ไหมครับ ?
ตอบ : สัตว์ที่อยู่ใกล้คน กรรมที่จะต้องเป็นสัตว์ใกล้จะหมดแล้ว เวลาตายไปถ้าใจเขาเกาะคนก็จะเกิดเป็นคน ถ้าเกาะพระก็จะเกิดเป็นเทวดา ฉะนั้น..เขาได้เปรียบกว่าเราเยอะ

ถาม : แล้วที่บอกว่าต้องเกิดเป็นสัตว์ประเภทนั้น ๕๐๐ ชาติ ?
ตอบ : ก็ใช่..นี่เป็นชาติท้าย ๆ ของกรรมที่จะต้องเกิดเป็นสัตว์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 14-06-2012, 14:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเขาห้ามกินเนื้อหมา เนื้อ ๑๐ อย่างที่เป็นเนื้อต้องห้าม พระภิกษุห้ามฉัน ได้แก่ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว เนื้อหมี ที่เราจะพลาดได้ก็เนื้อหมากับเนื้องูนี่แหละ

ถาม : ถ้าคนไม่รู้ทำอาหารมาถวาย ?
ตอบ : ไม่รู้ก็โดน ต้องโดยไม่รู้ ต้องโดยสงสัยแล้วขืนทำ ต้องโดยไม่ละอาย ต้องโดยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร ต้องโดยสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร ต้องโดยลืมสติ หมดสิทธิ์เบี้ยวทุกประการ รู้หรือไม่รู้ก็โดน

ฉันเนื้อดิบก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..พวกลาบก้อยซอยแซ่นี่หมดท่าเลย ปลาร้ายังต้องต้มก่อน

ถาม : ซ่า ?
ตอบ : คล้าย ๆ กับยำ

ถาม : ลวกมาเนื้อยังแดง ๆ เลย
ตอบ : ที่แม่ฮ่องสอน พวกไทยใหญ่เขามีเป๊อะหว่าง ลักษณะเป็นเลือดสด ใส่พวกสมุนไพรอะไรบางตัวลงไป ตี ๆ กันจนจับแข็งเป็นก้อนแล้วกิน พวกผู้ใหญ่เวลาเข้าวงเหล้าจะสั่งมากินกัน แต่เขาบอกว่าเด็กกินแล้วไม่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 14-06-2012, 14:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางเหนือของเราติดธรรมเนียมพม่ามาเยอะ แม้กระทั่งงานปอยของทางเหนือ จริง ๆ เป็นภาษาพม่า ภาษาพม่าเรียกว่าปวย ก็คืองานฉลองรื่นเริง

ปอยส่างลอง คือ บวชลูกแก้ว หนาน คือ บวชพระแล้วสึกมา ถ้าหากว่าเป็น น้อย คือ บวชเณรแล้วสึกมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2012 เมื่อ 14:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 15-06-2012, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนพม่าเข้ามาในไทยเยอะมากนะครับ ความรู้สึกของผมพอได้ศึกษาประวัติศาสตร์ว่าเรารบกันตลอด ความรู้สึกตรงนั้นยังมีอยู่ ?
ตอบ : ตรงนี้เป็นความผิดของเราเอง ต้องมองให้เห็นว่า เราก็เกิดเป็นเขา เขาก็เกิดเป็นเรา อาตมาก็เกิดเป็นพม่ามาเยอะแยะ อีกอย่างหนึ่งควรจะมองให้เห็นค่านิยมในสมัยนั้น ค่านิยมในสมัยนั้น คือ บุคคลที่เป็นผู้นำจะต้องแสดงให้เห็นเดชานุภาพ ด้วยการไปปราบปรามคนอื่นเขา

การที่ไปปราบปรามคนอื่นเขา ก็คือ อันดับแรกได้ประเทศราชมาอยู่ใต้การปกครอง อันดับที่สอง คือ ได้พวกแรงงานพวกทรัพย์สินมา เท่ากับเสริมเศรษฐกิจของตัวเองให้มั่นคง เมื่อค่านิยมเป็นอย่างนั้น แสดงว่าตำหนิใครไม่ได้ เพราะถ้ามีโอกาสเราก็ทำ เพียงแต่ว่าเรามีโอกาสน้อยกว่า เราเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า

พม่าเขาเจริญมาก่อน อย่างอาณาจักรพุกามนี่อยู่ก่อนเชียงแสน ต้องบอกว่าเพราะอาณาจักรพุกามนี่แหละทำให้กุบไลข่านไม่ตีมาถึงเรา ติดอยู่แค่นั้น กว่าเขาจะตีพุกามแตก พอดีทางบ้านเขาก็มีปัญหากันจึงต้องยกทัพกลับ ไม่อย่างนั้นเขากวาดหมดตลอดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2012 เมื่อ 16:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 15-06-2012, 16:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่ามัวแต่ไปคิดถึงเรื่องเก่าอยู่ก็มองไม่เห็นว่าเป็นธรรมดาของยุคนั้น ความเป็นศัตรูระหว่างเชื้อชาติก็จะไม่หมดไป ตอนอาตมาไปเขมร ไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชของเขา เขมรมีสมเด็จพระสังฆราชทั้ง ๒ นิกาย ก็คือ สมเด็จพระสังฆราชธรรมยุติ คือสมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ ส่วนสมเด็จพระสังฆราชมหานิกาย คือสมเด็จพระสังฆราชเทพวงษ์มีปัญหา

พอเข้าเฝ้าท่าน ทำบุญอะไรเสร็จจะลาท่านกลับ ท่านนิมนต์เข้าไปห้องข้างใน เข้าไปเฉพาะคณะของเรา ท่านบอกว่า "ถ้าไม่ใช่เป็นรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ผมจะไม่รับคณะของท่านเลย" ท่านเกลียดรัฐบาลอภิสิทธิ์สุด ๆ นั่นขนาดพระสังฆราชนะ เขาไปโกรธตรงที่รบกันเรื่องเขาพระวิหาร กลายเป็นว่าขนาดนักบวชระดับพระสังฆราชยังยึดติด ปล่อยวางไม่ได้ โยมก็สะกิดยิก ๆ "อาจารย์กลับเถอะ" อาตมาบอกว่ากลับไม่ได้ งานนี้ถ้าเรื่องไม่จบนี่แพ้เขา เพราะฉะนั้น..ต้องลุยกันอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะรู้เรื่องกัน

ถาม : รู้เรื่องไหมครับ ?
ตอบ : รู้เรื่องอยู่ แต่ว่าท่านก็ไม่ค่อยยอมฟัง ต้องชี้แจงให้ท่านฟังว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ถ้าหลวงพ่อมีโอกาส หลวงพ่อก็เล่นผมเหมือนกัน แต่คราวนี้เขมรโดนมากกว่าเท่านั้นเอง ลองคิดดู..ถ้าหากว่าลูกของฮุนเซนไม่คิดที่จะแสดงฝีมืออวดบารมีในหมู่ทหารว่า เขาเป็นผู้นำที่กล้าหาญถึงขนาดยกทัพมาตีกับไทย แล้วเรื่องจะเกิดไหม ? ต้องดูทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ดูแค่ฝ่ายเดียว

ในเมื่อฝ่ายนั้นเขาอยากอวดศักดานุภาพเพราะพ่อเพิ่งตั้งเป็นนายพลใหม่ ๆ ก็ไม่มีอะไรนอกจากหาเรื่องมารบกับไทย คราวนี้ยุทโธปกรณ์ของไทยดีกว่าตั้งหลายเท่า เอาคืนไปก็ทั้งเจ็บทั้งตายกันเยอะแยะ เขาก็เอาไปปลุกระดมหวังผลทางการเมือง คือ ทำให้ชาวบ้านเขารวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว สนับสนุนรัฐบาลว่าโดนไทยรังแก เรื่องของการเมืองเขาเล่นวิธีกันทั้งนั้นแหละ คือใช้วิธีช่วงชิงกระแสชาวบ้านให้มาสนับสนุนตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-06-2012 เมื่อ 17:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 15-06-2012, 16:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เรื่องวัตถุมงคล ถ้ามัวแต่สงสัยเดี๋ยวก็กลายเป็นของปลอม จำไว้ว่าตะกรุดมหาสะท้อน รุ่น ๒ หน้าตาห่วย ๆ นี่แท้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนของปลอมส่วนใหญ่จะสวย

มีวัตถุมงคลอยู่ถ้ามัวแต่ไปกังวล ไม่มั่นใจว่าจริงหรือปลอม แสดงว่ากำลังใจไม่มั่นคง ถ้ากำลังใจไม่มั่นคงของจริงก็กลายเป็นของปลอมได้ แต่ถ้ากำลังใจมั่นคง ของปลอมก็เป็นของจริงไปเองแหละ ขนาดเขาคว้าลูกเขียดไปอมยังหนังเหนียวได้เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2012 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 16-06-2012, 10:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หลักธรรม แต่พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าพระองค์ท่านรู้ธรรมเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง พระองค์ท่านตรัสยืนยันว่าธรรมะทั้งหลายมีอยู่เป็นปกติแล้ว เพียงแต่ว่าพระองค์พบเห็นเข้า จึงนำมาสั่งสอนพวกเรา

บาลีท่านกล่าวว่า อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตเจ้าทั้งหลายจะอุบัติขึ้นก็ดี อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง หรือพระตถาคตเจ้าทั้งหลายจะไม่อุบัติขึ้นก็ดี ฐิตา วะ สา ธาตุ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่แล้ว ธัมมัฏฐิตะตา ธัมมะนิยามะตา ธรรมดาธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีเป็นปกติอยู่แล้ว

สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ สัพเพ สังขารา ทุกขาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีความทุกข์เป็นปกติ สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้ ไม่เที่ยงเลยยึดไม่ได้

ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ เมื่อพระตถาคตเจ้าได้รู้เห็นแล้ว อะภิสัมพุชฌิตวา อาจิกขะติ ก็ได้นำมาบอกกล่าว เทเสติ นำมาสั่งสอน ปัญญะเปติ นำมาบัญญัติ ก็คือกำหนด ปัญฐะเปติ นำมาจัดเป็นหมวดหมู่ วิวะระติ วิภะชะติ นำมาจำแนก นำมาแยกแยะ อุตตานีกะโรติ ทำของยากให้ง่าย เหมือนหงายของที่คว่ำอยู่

เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าหากว่าเราศึกษาในเรื่องของศาสนาเปรียบเทียบ จะเห็นว่าบรรดาศาสดาต่าง ๆ มักกล่าวว่าได้รับพรหรือความรู้จากพระเจ้าบ้าง หรือบัญญัติธรรมเหล่านั้นขึ้นมาบ้าง แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ท่านรู้เองจริง ๆ แต่พระองค์ท่านกลับบอกว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านเพียงแต่ไปเจอของที่มีอยู่ นำมาจัดหมวดจัดหมู่ นำมาบอกเล่าแก่พวกเรา คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะฟังแล้วจะนำมาปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 16-06-2012, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จากนาค ๑๕ ตัว ตอนนี้เหลือ ๑๔ ตัวแล้ว กว่าจะถึงวันบวชไม่รู้ว่าเหลือเท่าไร วัดท่าขนุนเป็นวัดเดียวที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ไล่ออกตั้งแต่ตอนเป็นนาคเลย จะได้ไม่ต้องบวชให้เสียเงิน"

ถาม : ทำไมไม่ให้บวชครับ ?
ตอบ : เขาจะได้บาปมากกว่า เคยเจอไหม ? ประเภทที่ใครบอกก็ไม่ฟัง ต้องพระอาจารย์เท่านั้น ถ้าประเภทนี้ไล่ไปตั้งแต่วันแรกเลย ถ้าเราไม่อยู่แล้วใครจะไปดูแลเขาได้ล่ะ ? ต่อให้เขาเลื่อมใสศรัทธาเรามากแค่ไหนก็ตาม ต้องรีบไล่ไปเลย เขาเรียกมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีใครสั่งไม่มีใครสอนได้ ก็แปลว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่มีความหมาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 19:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 16-06-2012, 10:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าพระไปนั่งร้องเพลงเขาปรับอาบัติ ขนาดเทศน์มหาชาติก็ยังปรับ เทศน์เสร็จต้องไปปลงอาบัติเพราะศีลขาดเสียแล้ว พระวินัยบอกว่า ภิกษุห้ามขับลำด้วยเสียงอันยาว การขับลำนั้นย่อมมีโทษหลายสถาน ตนเองย่อมหลงในเสียงของตนเอง ผู้อื่นย่อมหลงในเสียงนั้น ฯลฯ เห็นโทษหรือยัง ?

สมัยก่อนมีสามเณรรูปหนึ่ง เทศน์แล้วมีแม่ยกแห่ตามกันเป็นร้อย ๆ ตอนหลังสึกออกมาร้องเพลง น่าจะชื่อ สามเณรวิเศษ สิงห์คำ เขาสึกมาร้องเพลงดังเหมือนกันนะ แต่พอเพลงต่อไปไม่ดังก็เงียบไปเฉย ๆ

เรื่องที่เทศน์แล้วเป็นโทษ อย่างสามเณรแก้ว เทศน์เสร็จนางพิมปลดสไบถวายเลย สมัยนั้นเขามีผ้าแถบผืนเดียว ก็เลยไม่รู้ว่าปลดแล้วข้างในมีอะไรห่มหรือเปล่า ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 16-06-2012, 13:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,512 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงที่ผ่านมา ถ้าใครติดตามข่าวอุบัติเหตุจราจร เส้นสระแก้วกับชลบุรี ๒ เส้น จะมีรถกระบะพลิกคว่ำประจำ และมีคนเจ็บตายทีละมาก ๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกต่างด้าวที่เขาเอาเข้าเมือง ถ้ารถไม่คว่ำ เขาก็ไม่รู้ พอรถคว่ำตายบ้าง เจ็บบ้าง ตำรวจก็ไปสอบสวน มีแต่พวกต่างด้าวทั้งนั้น

สมัยหนึ่งเขาบอกว่า "อยู่ทองผาภูมิ ถ้าไม่เล่นมอญก็ต้องเล่นม้า ไม่เล่นม้าก็ต้องเล่นไม้" พูดง่าย ๆ คือจะวิ่งมอญ หรือจะขายยาม้า หรือจะทำไม้เถื่อน ให้เลือกเอา แต่ระยะนี้เงียบสนิท เพราะว่าเจ้าพ่อทำไม้ตายไปแล้ว ส่วนยาเสพติดเขาไม่เข้าทางด้านนี้ เขาไปเข้าด้านอื่น ส่วนเรื่องการวิ่งมอญไม่ต้องวิ่งแล้ว เดี๋ยวนี้ทำบัตรไทยกันเป็นว่าเล่น

โดยเฉพาะบรรดาท่านที่ทำบัตร เขาบอกว่าภายใน ๕ ปีห้ามมีคดีขึ้นโรงขึ้นศาล ถ้ามีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลเขายึดบัตรไม่ให้เป็นคนไทย ถ้าไม่มีคดี สามารถเปลี่ยนชื่อและหานามสกุลได้ ก็จะเป็นคนไทยได้เลย เพราะฉะนั้น..ช่วงนี้ทองผาภูมิไม่มีคดีอะไรเลย เงียบสนิท เพราะทุกคนอยากเป็นคนไทย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว