กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 24-10-2012, 22:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูจะสร้างตลาดนัดอยู่ที่ลพบุรีค่ะ หนูจะต้องทำบุญอย่างไร ?
ตอบ : บริเวณนั้นมีพวกศาลเจ้าที่หลัก ๆ อะไรอยู่ไหม ?

ถาม : ไม่มีค่ะ
ตอบ : อย่างแรกยึดเอาศาลพระกาฬเป็นหลัก อย่างที่สองก็ศาลที่เราตั้งเอง ตรงนั้นเป็นพื้นที่เปล่าหรือมีตัวอาคารด้วย ?

ถาม : พื้นที่เปล่าค่ะ
ตอบ : ให้เรายึดทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก ตั้งศาลพระภูมิให้เขาสักจุดหนึ่ง และทำพิธีอัญเชิญเจ้าที่ ทำพิธีเสร็จแล้ว จุดธูปบอกกล่าว ขอให้ท่านช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยและให้สถานที่นี้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วย แล้วเราจะถวายสังฆทานให้ท่านหรือทำบุญอะไรให้ท่านก็ว่าไป และอย่าลืมบอกเจ้าพ่อศาลพระกาฬ เพราะว่าท่านเป็นผู้ใหญ่คุมทั้งจังหวัดเลย

เจ้าพ่อศาลพระกาฬที่ลพบุรีเป็นพรหม น้อยที่จะมีพระพรหมลงมาดูแล อย่างเจ้าพ่อหลักเมืองกรุงเทพมหานครเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ ถ้าไม่ใช่ที่สำคัญจริง ๆ ไม่มีทางที่พรหมท่านจะลงมาดูแล คราวนี้โยมจะทำงานที่ลพบุรี ก็ต้องอาศัยบอกกล่าวเจ้าพ่อศาลพระกาฬท่านเป็นหลัก เพราะว่าเขตดูแลของท่านกินทั้งจังหวัดเลย ส่วนเฉพาะที่เราทำงานอยู่ ก็บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางแถวนั้นอีกทีหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 24-10-2012, 22:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราไม่ค่อยเข้าใจคำว่า "ใบเถา" มาจากอะไร ? คำนี้มาจากปิ่นโต เถาหนึ่งมีกี่ใบซ้อนกัน ถ้าปิ่นโตซ้อน ๓ ชั้นก็เรียก ๓ ใบเถา ถ้า ๕ ชั้นก็เรียก ๕ ใบเถา เขาไม่เรียกแถว แต่ไปเรียกเถา

เถาก็คือชุด อย่างเช่นเพลงโบราณเขาเรียกว่า เพลงเถา ถ้าเพลงเถาจะมีเนื้อเพลง ๒ - ๓ ชุด เป็นเพลงเดียวกัน แต่เนื้อเพลงจะต่อเนื่องกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 24-10-2012, 22:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงอาการคันของท่านว่า "ถ้าเราสามารถอดใจไม่ทำในสิ่งที่ละเมิดศีล สามารถอดใจไม่ทำในสิ่งที่เป็นราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็อดที่จะไม่เกาได้ เพราะใช้กำลังเท่ากัน ถ้าหากว่ากำลังถึง อยากจะคันก็คันไป อยากเป็นอะไรก็เป็นไป เกาแล้วก็ไม่ได้หายสักหน่อย เกาแล้วหนังถลอกปอกเปิกก็ยังคันอยู่ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ การเกานั้นไปแก้ที่ปลายเหตุ

ถ้าไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ทุกข์ก็ไม่หาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 26-10-2012, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่โยมเขาเห็นใจถวายยาคาลาไมล์แก้คันมาให้ รู้อยู่ว่าถ้าทายาก็เป็นเรื่อง เห็นเขาซื้อมาเยอะแยะก็ทา ๆ ให้เขาหน่อย ที่ไหนได้ทาไปแล้วหนาวสั่นแทบตาย นั่ง ๆ อยู่ตาลาย ดูหนังสือไม่รู้เรื่อง กลายเป็นว่ากำลังหมด จากที่พอมีกำลังทรงตัวอยู่ได้ ก็เอาไปสู้ความหนาวจนหมดกำลัง

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลายวาระที่ท่านตาย สายตาจะสั้นเข้ามา ๆ จากที่ไกลก็มองไม่เห็น เห็นแต่ที่ใกล้ จากที่ใกล้ก็มองเห็นราง ๆ ดูอะไรไม่รู้เรื่อง ท้ายสุดก็ประสาทตาไม่ทำงาน ก็แปลว่าถ้ากำลังของเราไม่พอ การควบคุมอวัยวะก็ทำได้ไม่เต็มที่

ทำให้เห็นสัจธรรมหลายอย่าง อย่างแรกก็คือ การมีร่างกาย อย่างไรก็ต้องป่วยแน่ อย่างที่สองก็คือ ถ้าสร้างกรรมเอาไว้ อย่างไรก็ต้องรับ ส่วนอย่างที่สามก็คือ ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ตอนนอนสั่นอยู่ข้างบนยังคิดว่า "ถ้ายังไม่หายสั่น เราจะลงไปรับสังฆทานอย่างไร ?" กว่าจะหายสั่นได้ก็ตั้งนาน

จะเห็นว่าบางทีญาติโยมเขาเมตตามานวดให้ แต่ส่วนใหญ่นวดไม่เป็น กดเสียจนเจ็บมาก ร่างกายก็ต้องใช้กำลังไปต่อต้านความเจ็บ ทำให้หมดกำลังที่จะสู้โรค กลายเป็นโรคกำเริบขึ้นมา แล้ววันนี้ร่างกายเอากำลังไปสู้ความหนาวเสียหมด ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 14:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 26-10-2012, 21:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยอาตมาอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน มีอยู่ครั้งหนึ่งโยมเขานวดถวายหลวงปู่ แล้วเขาเอาน้ำมันเซียงเพียวอิ๊วละเลงหลังหลวงปู่จนทั่วแล้วค่อยนวด อาการเดียวกันเลย พอหนาวขึ้นมาหลวงปู่ต้องคว้าผ้าห่มมาห่ม สั่นอยู่ตั้งนานถึงจะหาย พอคนแก่เข้ากำลังร่างกายไม่ดี เวลาหนาวนาน ๆ ก็จะแย่ไปเลย

อาการที่อาตมาเป็น จะอยู่ในลักษณะหนาวเข้าไปในอก แล้วก็สั่นแหง็ก ๆ ท้ายสุดก็ยังคงคันเหมือนเดิม สรุปว่าใช้ยาทาไปก็ไร้ประโยชน์

ถ้าใครเคยป่วยหนัก ๆ ลักษณะนี้ การที่เราต้องตั้งสติ เพื่อที่จะควบคุมร่างกายให้ทำงานได้ จะเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ๆ ดีตรงที่เห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่งที่หมดสภาพแล้ว ทำอย่างไรที่จะประคับประคองไปให้ได้ ? ทำอย่างไรที่จะไม่ให้พังลงกลางทาง หรือไม่ให้ตกถนนไปเสียก่อน ?

ฉะนั้น..ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรต่าง ๆ นั้น สำหรับนักปฏิบัติถือว่าเป็นของดี ใช้วัดอารมณ์การปฏิบัติตัวเองได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-10-2012 เมื่อ 05:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 26-10-2012, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การป่วยไข้หรือความตายไม่ได้เลือกอายุ อยู่ที่วาระว่าจะมาสนองเมื่อไร หรือวาระของอายุขัยมาถึงเมื่อไร หรือวาระกรรมใหญ่เข้ามาช่วงไหน ก็จะป่วยเป็นเรื่องปกติ

ในเรื่องของร่างกายเราเชื่อมากไม่ได้ เราหลอกคนอื่นได้ แต่ใจเรารู้อยู่ บางทีเห็นสาว ๆ ที่อายุมากหน่อย พอเริ่มอายุสัก ๓๐ ปีต้องพยายามทำตัวให้สวยอยู่ตลอดเวลา นับเป็นภาระที่หนักมาก ไม่ใช่แค่หนักเฉย ๆ ค่าใช้จ่ายยังมากอีกด้วย ถ้าหากว่าเราปล่อยไปตามปกติ ยอมรับว่าแก่เสียก็หมดเรื่องหมดราวไป

มีโยมอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้ผมแซมขาวเกือบทั้งหัวแล้ว เจ้านายบอกให้ไปย้อมผมหน่อยเพราะเสียบุคลิก แต่เขาไม่ยอมย้อมสักที ความรู้สึกของเขาก็คือ บุคลิกอย่างนี้ดูแก่ดี คนเห็นแล้วน่าเชื่อถือ กลายเป็นมองคนละอย่างกัน

มีข่าวสาวรัสเซียที่แต่งตัวเหมือนกับตัวการ์ตูนของญี่ปุ่น แขนยาว ๆ ขายาว ๆ ตาโต ๆ ตัวเขาเองก็อดข้าวเสียจนกระทั่งผอมโกรก แต่งตาตัวเองจนใหญ่เบ้อเร่อ เขาบอกว่ากว่าจะเขียนตาให้โตได้อย่างใจ ข้างหนึ่งใช้เวลาเกิน ๓๐ นาที

เราลองมานึกดูว่า วันหนึ่งแม่เจ้าประคุณกว่าจะแต่งตัวออกมาให้หน้าตาเหมือนการ์ตูนได้ต้องเสียเวลาไปเท่าไร ? คนที่สูงขนาดนั้น น้ำหนักแค่ ๓๘ กิโลกรัม ต้องอดข้าวให้ผอม เพื่อจะได้แต่งตัวเหมือนการ์ตูน อาตมาเห็นแล้วเหนื่อยแทน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 26-10-2012, 21:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ญาติโยมหลายคนซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สายแต่งงานไป ก่อนจะแต่งงานก็มาถามว่าจะเลือกคนอย่างไรดี ? อาตมาบอกว่า “อย่างไรก็ได้ แต่ให้เลือกคนที่ไม่แต่งหน้า” เขาถามว่าทำไม ?

อาตมาบอกว่า “คุณลองประมาณเงินเดือนตัวเองดูสิ ว่าพอให้เจ้าหล่อนแต่งหน้าหรือเปล่า ?” ถ้าไม่พอแล้วไปมีแฟนแต่งตัวเก่งก็ชีช้ำละคุณเอ๋ย

มีอยู่ยุคหนึ่ง สมัยสังข์ทอง สีใส ยุคนั้นน้ำปลาขวดละ ๑๐ สลึง เขาบอกว่า "เครื่องสำอางขวดเท่านิ้วก้อย ร้อยสองร้อยเที่ยวหาซื้อมา ห่วงแต่แต่งตัว..แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา.." เข้าครัวจะกินข้าวหาน้ำปลาไม่ได้ เขาจึงร้องเพลงประชดผู้หญิง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 26-10-2012, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝนตกที่ผ่านมาไม่ใช่ไต้ฝุ่นเข้าประเทศไทย..เข้าประเทศอื่น แต่มีอิทธิพลให้ฝนตกหนักในประเทศไทย พูดง่าย ๆ ว่าชายขอบมาถึง แต่คุณแกมี่เป็นลูกแรก ๆ ที่มาเยี่ยมเมืองไทยอย่างเป็นทางการ

วันนี้ที่ยังตกไม่ได้เพราะหลวงพี่นิลท่านขอเอาไว้ ๓ วัน เพราะต้องไปเร่งให้เขาทำพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชให้เสร็จ ถ้าไม่มีแดดเดี๋ยวทำไม่ได้ เวลาเอามาประกอบต้องตากแดดให้แห้งแน่ ๆ ก่อน ท่านขอแดด ๓ วัน วันนี้วันสุดท้าย

เรื่องของพระขรรค์ต้องบอกว่าท่านทุ่มสุดชีวิตจริง ๆ ท่านบอกว่า "ถ้าไม่ใช่พี่เล็กที่ผมรักเหมือนพี่จริง ๆ นี่ไม่ทำให้หรอก เหนื่อยแทบตาย.." เพราะเรื่องของประเทศชาตินี่เป็นเรื่องใหญ่สาหัส เราตั้งใจจะทำให้ดี ฝ่ายขวางเขาก็ต้องขวางเต็มที่ ช่างทุกรายที่ไปหาจะต้องมีปัญหาทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่ติดงานใหญ่รับงานของเราไม่ได้ ก็เจ็บไข้ได้ป่วย โดนรถชนบ้าง ล้มป่วยหนักบ้าง..สารพัด

จนกระทั่งตอนนี้เหลือขั้นตอนสุดท้ายอีกขั้นหนึ่ง ก็คือชุดลวดลายรัดปลอก ปรากฏว่าลูกน้องทิดจิตรป่วยทุกคนเลย ไม่มีใครทำงานได้ เดินเป็นผีตายซากไปหมด หลวงพี่นิลบอกว่าขนาดทำบวงสรวง ๒ ครั้งแล้ว ถึงขนาดต้องเอาอาหารทำด้วยเลือดไปเซ่นให้แล้ว เขายังไม่ค่อยจะยอมเลย วันนั้นทำอาหารประเภทเกาเหลาเลือดหมูล้วน ๆ ให้ไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 27-10-2012, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มาตราโบราณแปลก ๆ บางทีเราไม่เคยได้ยิน เช่น การหล่อพระใช้ทอง ๖ หมื่น ไม่ใช่ทองราคา ๖๐,๐๐๐ บาทนะ หมื่นเป็นหน่วยวัดน้ำหนักของทางเหนือ ๑ หมื่นเท่ากับน้ำหนัก ๑๒ กิโลกรัม

ดอยสามหมื่น
เกิดจากว่า ถ้าใครจะข้ามดอยลูกนั้น ต้องแบกข้าวไป ๓ หมื่น คือ ๓๖ กิโลกรัม เท่ากับ ๒ ถังกว่า จึงจะเป็นเสบียงพอกินจนเดินข้ามเขาได้ เพราะฉะนั้น..ดอยสามหมื่นมีชื่อมาทุกวันนี้ ก็เพราะว่าต้องแบกเสบียงไป ๓ หมื่นถึงจะไปรอด

บางทีเราไม่เข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นทองคำ ๖ หมื่นที่ว่าก็คือ ทองคำ ๗๒ กิโลกรัม หล่อพระ ๑ องค์ อย่าง
ความยาว ๑ เกียก เกียกหนึ่งยาวแค่ไหน ? ยาวจากปลายนิ้วโป้งถึงปลายนิ้วชี้ ยืดออกมาสุดได้ ๑ เกียก แต่ถ้านิ้วโป้งถึงนิ้วกลางได้ ๑ คืบ ๒ คืบเป็น ๑ ศอก ลองดูได้ โบราณเขาว่าไม่ผิดหรอก

ไม่ใช่เกียกกายนะ..
เกียกกายของโบราณคือกองเสบียง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือพวกกองส่งกำลังบำรุง และมีตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้คงหาคนรู้จักได้ยาก ก็คือตำแหน่งยกกระบัตร ยกกระบัตรสมัยก่อนก็คือตำแหน่งปลัดจังหวัดของสมัยนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 27-10-2012, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะหลัง ๆ ญาติโยมทำบุญแล้วไม่ได้คิดถึงพระผู้รับ อย่างงานครูบาวิฑูรย์ที่ผ่านมา ย่ามของท่านเองก็มีของตั้งครึ่งย่ามแล้ว ยังมีคนยัดพวงมาลัยดอกดาวเรืองเบ้อเร่อลงไป ๓ พวง ล้นย่ามแล้ว คนอื่นไม่ต้องใส่อะไรเลย เขาเรียกว่าทำบุญโดยไม่ได้ใช้ปัญญาแม้แต่น้อย

อาตมาไปงานพุทธาภิเษกที่วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ รู้ไหมว่าเขาถวายอะไรมาบ้าง ? พระเจ้าพรหมทรงช้างพลายประกายแก้ว ๑ องค์ เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมฉัตร สูงประมาณ ๒ ฟุตครึ่ง ๑ องค์ โถบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาด ๔ นิ้ว ๔๒ โถ ขนาด ๖ นิ้ว ๑๐ โถ..! อันนี้ยังพอทน


ปรากฏว่ามีปลาอินทรีมาด้วย..! ขึ้นรถนี่ไปไม่เป็นเลย อาตมาสั่งแม่ชีที่วัดไว้ว่า ภายใน ๑๐ ปี อย่าทำอาหารให้มีปลาอินทรีมาเป็นอันขาด แค่ดมกลิ่นอย่างเดียวก็พอแล้ว คนถวายเขาไม่ได้คิด เขาจะถวายอย่างเดียว


ตอนไปที่ภูเก็ต อาตมานั่งเครื่องบินไป เขาถวายพระพุทธรูปแก้วทรงเครื่อง ๙ นิ้วมา ๓ องค์ ถวายรูปท่านแม่ศรีสลักจากหินเขียวมา ๑ องค์ พระพุทธรูปสลักจากหยกขาวพม่า ๑ องค์ บาตร ๙ นิ้ว ๑ ใบ อาตมาจะเอากลับอย่างไร ? สรุปก็คือทำบุญทั้งทีไม่ได้ใช้ปัญญาเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 27-10-2012, 16:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอย่างไรถึงจะให้บริวารดีภายในชาตินี้คะ ?
ตอบ : การที่บริวารดีขึ้นอยู่กับการปกครองของเราเหมือนกัน ตามที่โบราณเขาบอกว่า ไม้ใหญ่โคนต้องเย็น ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ปกครองบริวาร ถ้าหากเราร้อน เขาก็อยู่ด้วยไม่ได้

เพราะฉะนั้น..การปกครองบริวารให้ยึดหลักเหตุผลและความยุติธรรม เขาจะอยู่กับเราได้ ต่อให้โกรธเขาก็ตาม แต่ถ้าผลงานเขาดี เราต้องมีรางวัลให้เขา ต้องเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้เขา ต้องขึ้นเงินเดือนให้เขา แต่ถ้าผลงานไม่ดี ต่อให้เขามาประจบสอพลออยู่ข้าง ๆ ทุกวันก็ไม่ต้องไปเลื่อนตำแหน่งให้เขา

ถ้าในเรื่องของเหตุผลและยุติธรรมของเราสามารถทำได้ดี ใคร ๆ ก็อยากอยู่ด้วย เพราะเขารู้สึกว่าอยู่กับเราแล้ว เขาได้รับความยุติธรรม แล้วเราเองก็ไม่ไปเฉ่งลูกน้องอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล อะไรไม่ถูกต้องว่ากันไปตามตรงให้เขาแก้ไข พูดง่าย ๆ ก็คือ ชี้ที่ผิดได้ บอกที่ถูกได้

โดยเฉพาะเจ้านาย ต้องบอกว่าสมัยนี้บางคนความเป็นเจ้านายของเขาก็คือชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ซึ่งจะว่าไปก็ถูกหลัก แต่ถ้าเกิดลงไปคลุกกับงานเอง ซึ่งบางคนก็ดูถูกในลักษณะว่า “ผู้อำนวยการสันดานเสมียน” หรือ “ผู้จัดการนิสัยภารโรง” ปล่อยให้เขาดูถูกไป เพราะถ้าเราสามารถลงไปคลุกอยู่กับงาน รู้งานทุกเรื่อง ลูกน้องเขาจะเกรงใจ ถึงเวลาเขาติดขัดตรงไหนเราก็แนะนำเขาได้

ถ้าเขาทำไม่ได้จริง ๆ เราต้องทำเป็นตัวอย่างให้เขาดูได้ แล้วต้องทำใจว่า คนเราสมรรถภาพไม่เท่ากัน ถ้าเท่ากันเกิดมาต้องได้เหมือนกันหมด แต่เนื่องจากคนเราสร้างบุญบารมีมาไม่เท่ากัน สมรรถนะในการทำงานจึงไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นเราต้องมีปุคคลปโรปรัญญุตา ก็คือ การรู้จักเฉพาะตัวบุคคล ว่าคนประเภทไหนเหมาะสมกับงานอย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 27-10-2012, 16:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างของอาตมาที่วัดท่าขนุน แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสแท้ ๆ แต่ของพระครูน้อย ถ้าให้ทำงานกรรมกรจะถนัด ให้ไปชี้นิ้วสั่งการท่านจะประสาทกิน พออาตมาไม่อยู่บอกว่า “ฝากวัดด้วยนะ” ท่านทำหน้าอย่างกับแบกโลกเอาไว้ แต่ถ้าบอกให้ไปแบกอิฐแบกปูนสัก ๓ - ๕ คันรถ ท่านเฉยมาก แต่ก็จำเป็นเพราะท่านอาวุโส เราแต่งตั้งให้ท่านมีตำแหน่ง อย่างน้อย ๆ ได้ดูแลรุ่นหลัง ๆ เขาบ้าง แต่นิสัยของท่านก็คือ ถ้าท่านทำงานหนักท่านจะถนัด

เพราะฉะนั้นในเรื่องหลักธรรมของพระพุทธเจ้า อัตตัญญุตา รู้ตัวเราเอง ตัวเราเป็นใคร ? มีความถนัดอย่างไรชำนาญอย่างไร ? ความสามารถมีเท่าไร ? ปริสัญญุตา รู้บริษัท ก็คือลูกน้องของเรา รู้ว่าเป็นอย่างไร ?
ปุคคลปโรปรัญญุตา รู้ว่าเฉพาะว่าแต่ละคนมีความสามารถอย่างไร ? แล้วก็ทำอย่างฝรั่งเขาว่า Put the right man on the right job แล้วเขาจะทำงานได้ดี ไม่ใช่พวกถนัดงานกรรมกรแล้วเอาไปนั่งโต๊ะ อย่างพระครูน้อยปั้นเป็นวันกว่าจะเขียนหนังสือได้หน้าหนึ่ง แต่ให้ไปทุบอิฐแบกเหล็กพักเดียวก็เสร็จเรียบร้อย

อยากมีลูกน้องดี ๆ นอกจากจะใช้หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แล้ว เรายังต้องยึดหลักเหตุผลและความยุติธรรมด้วย ใช้คนอย่าใช้เปล่า ด่าคนอย่าด่าต่อหน้าคนอื่น แต่ชมคนให้ชมต่อหน้าคนอื่น จะตำหนิเขาให้เรียกมาคนเดียวแล้วค่อยตำหนิ รักษาหน้าเขาหน่อย คนอื่นตัวกูของกูยังเยอะอยู่ ไปด่าต่อหน้าคนอื่นเดี๋ยวเขาอาย ต่อไปจะไม่กล้าทำอะไรเลย

เขาถึงได้บอกว่า บุคคลที่ไม่เคยทำผิดเลย คือบุคคลที่ไม่เคยทำอะไรเลย เพราะคนที่เคยทำจะต้องมีทำผิดบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 27-10-2012, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีบริษัทใหญ่อยู่บริษัทหนึ่ง รับสมัครผู้อำนวยการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง คนหนึ่งเก่งมาก ทำงานมาไม่เคยผิดพลาดอะไรเลย ชื่อเสียงในวงการนักบริหารสุดยอด ในฐานะผู้บริหารมืออาชีพ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ

ส่วนอีกรายหนึ่งความสามารถไม่ถึง เคยพลาดมาหลายครั้ง แต่ปรากฏว่าสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ชี้บอกว่าเอาคนหลัง คนที่เคยผิดมาหลายครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งก็งงไปเลย เขาคิดว่าเขาได้แน่ แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้

อุตส่าห์ไปสอบถามว่าเหตุที่เขาไม่ได้คืออะไร คำตอบก็คือ “คุณไม่เคยทำผิดเลย คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดจะไม่มีประสบการณ์ในการแก้ไขงาน แต่คนที่เคยพลาดมาแล้ว มีประสบการณ์ในการแก้ไขงาน ต่อไปเจอเรื่องแบบนี้เขาแก้ไขได้ การงานของบริษัทถึงพลาดไปก็ไม่สะดุด”

จะเห็นว่าคนที่เขามองการณ์ไกล เป็นผู้บริหารจริง ๆ เขาไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์แบบ แต่เขาต้องการปุถุชนธรรมดาที่มีผิดมีพลาด แต่พลาดแล้วให้รู้วิธีแก้ไขด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 27-10-2012, 16:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนดูข่าวกีฬา จะมีนักเทนนิสหญิงคนหนึ่งก็คือ มาร์ตินา ฮินกิส บางทีก็ได้แชมป์ บางทีก็ตกรอบแรก อาตมาบอกกับพระกับเณรว่า “สังเกตยายคนนี้ไหม ? ต่อไปรุ่งแน่” พระเณรถามว่าทำไม ? อาตมาบอกว่า “เขาแพ้เป็น” คนที่เคยแพ้มาแล้วจะไม่เสียกำลังใจ เพราะเขารู้ว่าแพ้ต้องเป็นอย่างนี้ ชนะต้องเป็นอย่างนี้ แล้วเขาก็เริ่มต้นใหม่ ท้ายสุดเขาก็กลายเป็นมือหนึ่งของโลก

เสียดายเขาหลุดตำแหน่งไปแล้ว เพราะรุ่นนั้นมีสาว ๆ หุ่นดี ๆ เป็นนักเทนนิสหญิงหลายคน จนกระทั่งนักเทนนิสชายปัจจุบันวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ถ้ามีแต่เซเรนา วิลเลียม มีแต่วีนัส วิลเลียม มีแต่อเมลี โมเรสโม ผมเลิกเล่นเทนนิสดีกว่า หาความเจริญหูเจริญตาไม่ได้เลย” อเมลี โมเรสโม หุ่นเหมือนผู้ชายดี ๆ นี่เอง แล้วแถมยังล่ำสันสูงใหญ่กว่าผู้ชายอีก หรือไม่ก็หุ่นอย่างน้องแทมมี่ของเรา

จริง ๆ แล้วนักเทนนิสเขาต้องการความแข็งแกร่งมาก ถ้ารูปร่างได้เปรียบ โอกาสชนะก็มาก แต่ก็อย่างว่าแหละ คนดูก็อยากจะมีอะไรที่เจริญหูเจริญตาบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2012 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 27-10-2012, 19:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจะหลับ แล้วไม่ค่อยหลับค่ะ ?
ตอบ : ภาวนาให้หลับ ถ้าภาวนาแล้วอารมณ์ใจทรงตัว หลับไปแล้วส่วนใหญ่จะไม่ฝัน ยกเว้นถ้ามีเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น จะเป็นลักษณะของเทพสังหรณ์ คือเทวดานิมิตให้เห็น หรือบางทีเป็นนิมิตที่เกิดจากการปฏิบัติของเราจริง ๆ ส่วนใหญ่พวกนี้กว่าจะรู้เรื่องก็เกิดเรื่องไปแล้วทุกที

นิมิตกับฝันไม่เหมือนกัน ฝันจะเป็นเรื่องเป็นราว แต่นิมิตมาไม่มีหัวไม่มีท้าย อยู่ ๆ ก็โผล่มาแล้วก็หายไปเฉย ๆ มารู้อีกทีก็ตอนเกิดเรื่องแล้ว

แบบเดียวกับประวัติของโป๊ยเซียนที่โดนเนรเทศ หลานชายเป็นหนึ่งในแปดเซียน ทำภาพนิมิตแล้วเขียนโคลงไว้ให้ "เมฆบังพนัสเถื่อน ทิศก็เลือนมิแลเห็น ด่านรำเมืองลำเค็ญ หิมะติดอกอาชาฯ" ตีความไม่ได้ ด้วยความที่ตัวเองเป็นขุนนางตงฉิน ทำเรื่องกราบทูลฮ่องเต้เกี่ยวกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงในวงราชการ ปรากฏว่าโดนเนรเทศไปสุดหล้าฟ้าเขียวเลย

ตัวเองเดินทางไปแล้วหิมะตกจนกระทั่งท่วมอกม้า ม้าแทบจะก้าวเดินไม่ได้ แล้วตรงนั้นเป็นด่านเก็บภาษีรำข้าว พอเขาเห็นก็นึกได้เลย เพราะหลานชายบอกไปแล้วว่า "เมฆบังพนัสเถื่อน ทิศก็เลือนมิแลเห็น" พายุหิมะมาก็บังคลุมไปหมดทั้งท้องฟ้า แทบจะมองทางไม่เห็น "ด่านรำเมืองลำเค็ญ หิมะติดอกอาชาฯ" หิมะตกจนท่วมอกม้าเลย คงสูงไม่หนี ๓ - ๔ ศอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2012 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 27-10-2012, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กำลังจะหนาวตายอยู่แล้ว หลานชายที่เป็นเซียนก็เหยียบเมฆมาฉุดขึ้นไป แล้วให้ดูภาพนิมิตทั้งหมด เป็นข้อความที่ว่า

ปุพพัณหเฝ้าทูลสาส์น..........นฤบาลสิโกรธา
ตกบ่ายประทานตรา...........เนรเทศ ณ เชียวเอี๋ยง
มรรคจรัลแปดร้อยโยชน์.......ธ ทรงโปรดให้จากเวียง
เพราะบาปขนาบเคียง...........จึ่งวิโยคระกำเป็น ฯ


แล้วก็มาถึงประโยค

เมฆบังพนัสเถื่อน..............ทิศก็เลือนมิแลเห็น
ด่านรำเมืองลำเค็ญ................หิมะติดอกอาชาฯ


นิมิตตัดท้ายมาให้หน่อยเดียว "ปุพพัณหเฝ้าทูลสาส์น นฤบาลสิโกรธา" ตอนเช้าเข้าไปยื่นเรื่อง ฮ่องเต้โกรธมาก คนชั่วนี่ไม่อยากให้ใครเปิดโปงเขาหรอก แล้วบางทีถึงคนชั่วเราก็ต้องอาศัยเขา ตัวเองเป็นคนดีให้ระวังไว้ เป็นแกะขาวในหมู่แกะดำมักจะตายเร็ว ถ้าคุณเป็นแกะดำในหมู่แกะขาวไม่เป็นไรหรอก เพราะคนดีเขาไม่ทำอะไรคุณอยู่แล้ว

ด้วยความไม่ดูตาม้าตาเรือ ขุนนางกังฉินทั้งท้องพระโรง ตัวเองเป็นตงฉินอยู่คนเดียว แล้วก็ไปถวายเรื่องร้องเรียนแก่ฮ่องเต้ เท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ถ้าฮ่องเต้จัดการพวกกังฉินไปสักคน ที่เหลือเป็นพวกเขาทั้งหมด แล้วฮ่องเต้จะอยู่ได้ไหม ? มีทางเดียว..คนกราบทูลซวยไปก็แล้วกัน สั่งเนรเทศไป ๘๐๐ โยชน์เลย..!

"ตกบ่ายประทานตรา เนรเทศ ณ เชียวเอี๋ยง"
ตอนเช้าเข้ากราบทูล มีคำสั่งเนรเทศตอนบ่าย "มรรคจรัลแปดร้อยโยชน์ ธ ทรงโปรดให้จากเวียง เพราะบาปขนาบเคียง จึ่งวิโยคระกำเป็นฯ" เป็นความซวยของตัวเอง ทำกรรมเอาไว้ก็รับไปเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2012 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 29-10-2012, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้นโยบายลูกคนเดียวของจีนกำลังสร้างความเดือดร้อนสาหัส คนจีนนิยมลูกชาย ก็เลยกลายเป็นหาเมียไม่ได้ เพราะลูกผู้หญิงมีน้อย จึงมีการสั่งนำเข้าผู้หญิงไปเป็นลูกสะใภ้

แต่อาตมาอยากจะบอกว่า ถ้าโอกาสตกมาถึงใคร ให้รีบปฏิเสธไว้ก่อน เพราะลูกคนเดียวจะโดนดูแลมาอย่างพระราชา พ่อแม่คอยเอาใจไม่พอ ยังมีปู่ ย่า ตา ยาย รวมแล้ว ๖ คนคอยเอาใจคนเดียว ถ้าแต่งเข้าไปก็เป็นทาสดี ๆ นี่เอง เพราะทั้ง ๖ คนจะมารุมจี้ลูกสะใภ้ ให้คอยดูแลลูกหลานตัวเองซึ่งถูกตามใจจนเสียคน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 29-10-2012, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปีนี้น้ำจะท่วมไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องกลัวน้ำท่วมนะจ๊ะ น้ำยังไม่มากพอที่จะท่วม โลกของเราเขาบอกว่าจะเสื่อมสูญไปด้วยอำนาจของน้ำ ลม ไฟ ๓ อย่าง แต่ละกัปป์จะโดนทำลายไปด้วยอำนาจของน้ำ ของลม ของไฟ ขึ้นอยู่กับว่าในยุคนั้นธาตุอย่างไหนจะกำเริบมากกว่า

จะว่าไปแล้วเรื่องของน้ำท่วมเป็นเรื่องปกติ เพราะในอดีตของเราก็มีน้ำท่วมเป็นปกติอยู่ อย่างปี ๒๔๘๕ หลังจากสงครามโลกไม่นาน ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 29-10-2012, 19:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ประมาณช่วงวันที่ ๒๔-๒๖ กันยายน อาตมาลงไปภูเก็ต มีโยมอยู่คนหนึ่งเจอหน้าอาตมาเมื่อไรต้องร้องไห้เมื่อนั้น เขาบอกว่าปกติเขาไม่ใช่คนขี้แยนะ แต่ทำไมตอนนี้เจอหน้าใครเป็นต้องร้องไห้ทุกครั้ง

เขาไม่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของปีติซึ่งเขาพยายามไปกลั้นไว้ ในเรื่องของปีติ พอไปกลั้นเอาไว้ เวลาอารมณ์ใจถึงช่วงนั้นก็จะน้ำตาไหลไปเรื่อย อาตมาจึงบอกเขาว่าปล่อยให้เต็มที่เสียที แต่โยมยังทำใจไม่ได้ ยังอายเขาอยู่

อย่างอาตมาไปน้ำตาไหลตอนอยู่บ้านสายลม คนเป็นพัน นั่นก็อายเหมือนกัน แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงเมตตาบอกว่า "ปล่อยให้เต็มที่ไปเลยลูก ไม่อย่างนั้นถ้าข้ามไม่ได้ก็จะเป็นอยู่เรื่อย" อาตมาจึงปล่อยให้น้ำตาไหล เช็ดหน้าจนแสบไปหมด ท้ายสุดไหลจนเย็นก็เลิกไปเอง

แต่โยมยังอายอยู่เพราะตัวเองเป็นผู้หญิง และเป็นวัยรุ่นด้วย พยายามไปกลั้นเอาไว้ ก็จะแปลว่าน้ำตาจะไหลไปเรื่อย ๆ จนรำคาญไปเอง พอเบื่อพอรำคาญก็จะหาทางก้าวพ้น ก็ต้องปล่อยให้ไหลอย่างจริง ๆ จัง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2012 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 29-10-2012, 19:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,381 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเรื่องของปีติทั้งหมด รู้สึกว่าอุเพ็งคาปีติน่าสนุกกว่าเพื่อน เพราะลอยไปที่อื่นได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าให้ฟังว่า มีอยู่พรรษาหนึ่งเจริญกรรมฐานกันอยู่ในโบสถ์ ท่านเองก็ไม่ได้คิดอะไร ภาวนาของตัวเองไปเรื่อย ปรากฏว่าอยู่ ๆ ได้ยินเสียงดังปัง..! จึงหันไปดูพบว่าเพื่อนพระรูปหนึ่งเปิดประตูโบสถ์ แล้ววิ่งกลับกุฏิ

ท่านสงสัยว่าเพื่อนพระเป็นอะไร พอเลิกกรรมฐานก็ไปถาม เขาบอกว่าเขาภาวนาแล้วลอย ก็เลยกลัว..เลิกภาวนา ผลักประตูโบสถ์เปิดได้ก็เผ่นกลับกุฏิ

จึงทำให้นึกถึงครูบาอาจารย์เก่า ๆ หรือแม้กระทั่งหลวงปู่ปาน ก่อนลูกศิษย์จะภาวนา ท่านให้เอาหนังสือวิสุทธิมรรคไปท่องก่อน จะได้รู้ว่าอารมณ์กรรมฐานแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร เวลาเกิดขึ้นจะได้ไม่กลัว

อุเพ็งคาปีติ ถ้าเป็นแล้วซักซ้อมให้คล่องตัว รักษากำลังใจ
ให้ไม่เกินนั้น จะใช้วิชาตัวเบาได้ นึกถึงเมื่อไรก็จะลอยเมื่อนั้น แต่จะลอยไม่สูงมาก อย่างเก่งก็ ๒ วา ๓ วา อาตมาก็แค่ลอยติดเพดานเท่านั้นเอง เพราะลอยสูงกว่านี้ไม่ได้ ติดเพดานแล้ว บางทีอยู่ในท่านอนก็ดันลอยขึ้นไป อัดติดกับเพดานจนจมูกบี้หายใจไม่ออก สรุปว่าปีติเกิดได้ทุกอิริยาบถ จะยืน เดิน นั่ง นอนไปได้ทั้งนั้น

ถ้าประเภทโอกกันติกาปีติ ก็สั่นพับ ๆ เป็นเจ้าเข้า บางคนก็หกคะเมนตีลังกาไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2012 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว