กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 28-04-2013, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูมีหนังสือการปฏิบัติ ที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจที่จะทำลายเพราะกลัวจะเป็นการทำลายพระธรรม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าที่จะเอาไปแจกจ่ายเผยแพร่ต่อ ?
ตอบ : ใส่ลังดี ๆ ไว้ ที่ไหนมีสิ่งก่อสร้างที่ปิดมิดชิด เช่น พระพุทธรูปองค์ใหญ่หรือฐานพระ เราก็บรรจุไปเลย เสียดายว่าวัดท่าขนุนบรรจุไปจนเกลี้ยงแล้ว ไม่มีที่เหลือให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 28-04-2013, 20:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติความเคยชินของพวกเรา ก็คิดว่าพระพุทธรูปทุกองค์มีเทวดารักษาใช่ไหม ? พระพุทธรูปองค์เมื่อครู่ (ที่ถวายสังฆทาน) มีนางฟ้ารักษา เขาโผล่หน้ามาให้เห็น ก็เลยงง ๆ เหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 28-04-2013, 21:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาหลับตานอน จะเห็นแสงตอนกลางวันเป็นสีแดงฉาน สักพักจะเห็นเป็นดวงอาทิตย์สีแดงฉานใหญ่มากเลย เล็กบ้างใหญ่บ้าง ติดอยู่ตรงนี้ค่ะ ?
ตอบ : นอกจากจับลมหายใจเข้าออกเคยฝึกอย่างอื่นมาบ้างไหม ? ต่อไปให้จับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับนึกถึงภาพสีแดง นึกไปเรื่อย ๆ ถ้าภาพนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนสี เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เรามีหน้าที่จับภาพไป ภาพนั้นจะจางลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งใสขึ้น

เราต้องรักษาความใสให้อยู่ได้ตลอดเวลา ถ้าใสได้ตลอดเวลาเมื่อไร ให้เราลองอธิษฐานดูว่า ขอให้ใหญ่ได้ไหม ? เล็กได้ไหม ? ลองอธิษฐานขอให้ใหญ่ขึ้น ขอให้เล็กลง ขอให้หายไป ขอให้กลับมา แต่ต้องรอให้ใสก่อน อย่าไปบังคับให้ใส เรามีหน้าที่ภาวนาแล้วนึกถึงเฉย ๆ น่าจะเป็นของเก่าที่เราเคยทำได้ ต่อไปถ้ามาอีกเราก็จับต่อไปเลย


ถาม : อย่างอื่นที่เข้ามามากมายละคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ เอาแค่อย่างเดียวก่อน จนกระทั่งใสเต็มที่แล้ว ลองอธิษฐานให้ใหญ่ ให้เล็ก ให้หาย ให้กลับมา ถ้าทำได้คล่องตัวแล้วค่อยมาถามใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 28-04-2013, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีอยู่วันหนึ่งผมตื่นเช้าขึ้นมา มีความรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเหลือเกินครับ อิ่มใจ สบายใจ รู้หมดเลยว่าศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้าง ขอบเขตของศีลอยู่ที่ไหน ปฏิบัติอย่างไรศีลจะบกพร่องหรือขาดหรือว่าสมบูรณ์ เบาสบายใจเรื่องศีลอย่างบอกไม่ถูก เวลามีคนพูดอะไรถามอะไรไม่ว่าเรื่องไหน คำตอบจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ทันจะคิดเลย ไม่ทราบว่าความรู้สึกอันนี้เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : อาตมาเคยบอกว่าหลายคนเปะปะทำถูก แล้วก็หาไม่เจอว่าตัวเองทำถูกเพราะอะไร กลายเป็นว่าผลดีเกิดขึ้นตรงหน้าแต่หาเหตุไม่เจอ ถ้าเป็นลักษณะนี้ต้องบอกว่าอีกนาน..!

เราต้องนึกย้อนทวนไปว่าก่อนหน้านั้นเราคิดอะไร ทำอะไร พูดอะไร ภาวนาอย่างไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน จึงทำให้อารมณ์ใจอย่างนี้เกิดขึ้น แล้วก็ย้อนกลับไปคิดแบบนั้น ทำแบบนั้น พูดแบบนั้น อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น เรื่องอย่างนี้ก็จะเกิดขึ้นใหม่ แต่ถ้าเราไม่สามารถจะนึกย้อนกลับไปได้ว่า เราทำอะไรมาผลนี้จึงเกิด ก็แปลว่าต้องรอกินผลจนเกลี้ยง แล้วก็เปะปะไปทำถูกเข้าอีกครั้งหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไร แล้วก็ต้องไปย้อนดูอีกทีว่าเกิดจากอะไร

ถาม : ตอนนี้ความรู้สึกนั้นหายไปหมดแล้วครับ ?
ตอบ :
ไม่ใช่เรื่องแปลก..เป็นทุกคน คือถ้าเราหาเหตุไม่เป็น เราก็สร้างผลให้เกิดไม่ได้ ตอนนี้ถึงเรามั่วไปสร้างเหตุได้ถูกแล้วผลเกิด เราก็รักษาผลไว้ไม่ได้ แต่ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เหมือนกับเราเคยกินอาหารรสอร่อยแล้ว เราจำรสอาหารนั้นได้ ต่อไปก็จะพยายามตะเกียกตะกายที่จะหารสอาหารนั้นมากินให้ได้อีก

บอกได้อย่างเดียวว่าสภาพนี้คือ การที่ศีล สมาธิ ปัญญา ทรงตัวในระดับหนึ่ง จึงทำให้เกิดความคล่องตัวขึ้นมา มีสติรู้รอบว่าควรจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร ถึงจะอยู่ในกรอบของศีล สามารถรักษาศีลได้โดยไม่บกพร่อง มีสติไม่ยุให้คนอื่นทำศีลขาด ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำศีลขาด จะเรียกว่าเป็นสีลานุสติเต็มระดับก็ได้ แต่ว่ายังเต็มไม่จริงหรอก ถ้าเต็มจริงต้องบรรลุมรรคผลไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-04-2013 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 29-04-2013, 09:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมปฏิบัติโดยดูลมหายใจควบกับคำภาวนาว่าพุทโธ หลับตานึกถึงภาพพระได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำไปไม่นานรู้สึกว่าพอแล้ว ก็ถอนกำลังใจออกมานึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป็นคำพูดที่ฟังมาหรือว่าหนังสือที่อ่านมา พิจารณาแล้วก็สรุปทุกครั้งว่าคุณสมบัติของพระโสดาบันมีอะไรบ้าง เมื่อพิจารณาว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ผมมีครบ ตายเมื่อไรจะไปพระนิพพาน แล้วก็หลับ หรือไม่ก็ไปทำงาน ทำแบบนี้เรื่อยมา

แล้วก็เกิดเหตุว่า ผมไปผ่าตัดเล็บขบ ตอนหมอทำผมก็ดูลมหายใจ ภาวนา นึกถึงภาพพระ นึกถึงภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเหมือนเดิม หมอก็ฉีดยาชาให้ ความรู้สึกบอกผมว่า ตอนนี้เข็มเข้าไปในเนื้อเท่าไร ยาชาวิ่งถึงไหน หมอดึงเข็มออกตอนไหน ฉีดไป ๕ เข็ม รู้สึกภายนอกว่าชา แต่ภายในไม่ชาเลยครับ ตอนหมอผ่าผมก็เจ็บ รู้สึกหมดเลยว่าหมอทำอะไร มีดกรีดตรงไหน หมอดึงเล็บออกอย่างไร หมอถามว่าเจ็บได้อย่างไร อัดยาชามากขนาดนี้ ผมก็ไม่ทราบจริง ๆ ครับว่าเจ็บได้อย่างไร เพราะตอนนั้นความรู้สึกชัดเหลือเกิน ล่าสุดไปถอนฟันมาก็เจ็บอย่างนี้ เจ็บมากจริง ๆ ทั้งสองครั้ง มีทางไหมครับที่พอถึงสถานการณ์แบบนี้แล้วจะหนีการเจ็บปวดโดยแยกจิตกับกายออกไปชั่วคราว ?

ตอบ : ลักษณะอย่างนี้คืออาการที่สติสมบูรณ์พร้อม แต่เป็นการสมบูรณ์เพราะเหตุฉุกเฉิน แปลว่าสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่ต้นค่อย ๆ สั่งสมตัวมา เมื่อสั่งสมตัวมาถึงระดับหนึ่ง พอเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เราจะรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ต้นทุนของเราเพียงพอ แต่คราวนี้ต้นทุนเราเพียงพอกับการมีสติอยู่กับปัจจุบัน แต่การมีสติอยู่กับปัจจุบัน เราดันเอาไปอยู่กับร่างกายที่หมอกำลังทำการรักษาอยู่ ก็เลยสาหัสอย่างที่ว่ามา เพราะถ้าสติสมบูรณ์พร้อม การรับรู้ของประสาทร่างกายจะรู้ครบทุกส่วน

ถ้าเราอ่านในพระไตรปิฎก บางตอนอย่างเช่นกล่าวถึงประวัติพระอนุรุทธเถระว่า เมื่อกินขนมที่เทวดาทำ รสก็ซาบซ่านไปยังประสาทรับรสทั้ง ๗ พันเส้น คนทั่วไปรับไม่ได้ถึงขนาดนั้น ในเมื่อคนทั่วไปรับไม่ได้ถึงขนาดนั้น เราก็ไม่รู้ว่าคนที่ประสาทหรือสติสมบูรณ์พร้อมเป็นอย่างไร เอาแค่คำว่า สับปะรด สัปปตะหรือสัตตะ มาจากคำว่า ๗ สับปะรดมี ๗ รส คือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม จืด ขม เผ็ด เราอาจจะคิดว่าสับปะรดเผ็ดด้วยหรือ ? รสเผ็ดก็คือกรดที่กัดลิ้นเรา แค่ ๗ รสเรายังแยกไม่ออกเลย ก็ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะแยกประสาทเพื่อรับรู้ถึง ๗ พันอย่าง

ในเมื่อเป็นดังนั้น เราต้องใช้วิธีภาวนาให้สภาพจิตของเราเคยชินกับการที่สมาธิทรงตัวในระดับสูง เมื่อสมาธิทรงตัวในระดับสูง จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการของร่างกาย บางทีหมอทำเสร็จเรายังสงสัยว่าเสร็จแล้วหรือ บางทีเข้าสมาธิลึก เวลาเหมือนผ่านไปพักเดียว แต่จริง ๆ แล้วข้างนอกอาจจะผ่านไปหลายชั่วโมง ฉะนั้น..เราต้องกลับไปซักซ้อมในอานาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออกให้สมาธิทรงตัวมากกว่านี้ แล้วจะหลีกเลี่ยงอาการแบบนี้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 29-04-2013, 09:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอยืนยันว่าสิ่งที่ทำมาจริง ๆ ใช้ได้แล้ว เพียงแต่ใช้ผิดเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยืนยันได้ว่า สิ่งที่เราทำมาทีละเล็กทีละน้อย เมื่อถึงเวลามีเหตุฉุกเฉินขึ้นมา สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะรวมตัวกันมา ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าต้นทุนเรามีเท่าไร หรือว่าสิ่งที่เราเพียรพยายามทำมาในระยะเวลายาวนาน แม้ว่าจะทำเล็กทำน้อย รวมแล้วได้เท่าไร

ฉะนั้น..นักปฏิบัติเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา จะรู้ต้นทุนของตัวเอง นักปฏิบัติที่แท้จริงก็เลยไม่ค่อยกลัวเรื่องเจ็บเรื่องตาย เพราะมั่นใจแล้วว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร สำคัญอยู่ตรงที่ว่าถึงเวลาแล้วเอาใจเกาะพระนิพพานได้หรือไม่เท่านั้น

ตอนแรกก็แปลกใจ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า พระอรหันต์ไม่ใช่ตอไม้นะ พระอรหันต์ความรู้ท่านละเอียดกว่าแกหลายเท่า เวลาเจ็บ ท่านเจ็บมากกว่าหลายเท่า เพราะความรู้สึกท่านละเอียด ท่านจึงรับรู้ได้ชัดเจนกว่า เพียงแต่ว่าท่านแยกจิตกับประสาทออกจากกัน ก็เลยสักแต่ว่าดูสักแต่ว่ารู้เท่านั้น ไม่ได้ไปใส่ใจกับความเจ็บปวดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 14:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 29-04-2013, 09:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระโยคาวจรคือฆราวาสที่ปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าพระแล้ว ขนาดพระสงฆ์ที่บวชเข้ามาท่านยังเรียกแค่สมมติสงฆ์ ยังไม่ใช่พระเลย พระโยคาวจร แปลว่า ผู้ที่เดินอยู่บนเส้นทางของการปฏิบัติธรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2013 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 29-04-2013, 09:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการต่อต้านและหนุนเสริมของสมุนไพรต่าง ๆ เห็นว่าอะไรดีก็จับยัดปนกันหมด การที่เราเอาสารพัดอย่างใส่รวม ๆ กันโดยคิดว่าทั้งหมดมีข้อดี ไม่แน่หรอก พวกคนจีนระดับเซียนที่วางยาพิษกัน เขาเอาของธรรมดา ๆ ให้กิน แต่พอกินปนกันเข้าไปแล้ว ก็กลายเป็นพิษ

ฉะนั้น..พวกที่เอาสารพัดอย่างยัดมาแล้ว จะมีปัญหาทีหลัง บอกให้ก็ได้ว่า อย่างเช่น ถ้าเรากินหอมหัวใหญ่ วันนั้นอย่าไปกินน้ำผึ้งตามลงไป หรือถ้ากินลูกพลับ ก็อย่าไปกินเนื้อปูทะเล ไม่อย่างนั้นสาหัสแน่ ของที่ดูแล้วไม่มีโทษอะไรเลย แต่ถ้าไปกิน ๒ อย่างรวมกัน ๓ อย่างรวมกัน จะกลายเป็นพิษขึ้นมา หมอสมัยใหม่รู้ว่าอาหารเป็นพิษ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นพิษเพราะอะไร เมื่ออาหารเหล่านี้ลงไปถึงก็ไปหักล้างกันเอง โดยมีร่างกายของเราเป็นสนามประลองยุทธ์ ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็หมอบกระแต

ขนาดน้ำสกัดจากผลไม้หรือผักหลายอย่าง อาตมาฉันลงไปยังคันแทบตาย เพราะบางอย่างลงไปเสริมกันแล้วไปหนุนให้ธาตุลมกำเริบ ต้องออกตามผิวหนัง ออกไม่ทันก็ดันอยู่ข้างในก็เลยคัน ที่เราเรียกกันว่าลมพิษนั่นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-05-2013 เมื่อ 10:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 02-05-2013, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูคิดว่าจริง ๆ แล้วศีลไม่ได้แบ่งเป็นข้อ ๆ แต่อะไรก็ตามที่ทำให้กิเลสเจริญ นั่นคือละเมิดศีล ใช่หรือเปล่า ?
ตอบ : ศีลก็คือเครื่องมือในการป้องกันกิเลสเบื้องต้น ถ้าเราห้ามใจของเราไม่ให้ละเมิดศีลได้ เราก็จะหักห้ามในเรื่องอื่นได้ คราวนี้ในเมื่อเราห้ามใจไม่ได้ ก็แปลว่าทุกอย่างที่เราทำคือการละเมิดศีล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2013 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 02-05-2013, 10:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การอ่านเป็นการเรียนรู้โลกนี้ในทางลัดที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาไปลงทุนลงแรงศึกษามาก คนเขียนใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง สมมติคนเขียนนั้นอายุ ๔๐ ปี นั่นคือประสบการณ์ชีวิตตลอด ๔๐ ปีที่เขียนหนังสือเล่มนั้นมา แล้วชีวิตเรามี ๔๐ ปีกี่ครั้งเราถึงจะเอาประสบการณ์ให้เท่ากับเขาได้ ก็มีอยู่ทางเดียวก็คือ เรียนลัด โดยศึกษาประสบการณ์คนอื่น

การอ่านเป็นการพัฒนาทั้งสมองและจิตใจของเรา หนังสือดี ๆ สามารถยกระดับจิตวิญญาณของคนได้ ลองหาหนังสือเรื่อง โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล ของ ริชาร์ด บาค ให้เด็ก ๆ อ่านสิ ถ้าไม่เอาปรัชญาทางศาสนาที่สนุก ๆ แบบโจนาธาน ก็เอาแค่หนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ ให้เด็ก ๆ อ่านจะได้รู้ว่าการมองโลกในแง่งามจริง ๆ คืออะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2013 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 02-05-2013, 10:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุง สมัยก่อนบวชท่านเป็นเรือตรีทหารเรืออยู่ วันนั้นหลวงสุวิชานแพทย์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือกับเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีทหารเรือ นิมนต์หลวงปู่ปานไปเทศน์ให้ทหารฟัง หลวงปู่ปานก็เทศน์เรื่องผีเรื่องเทวดา แล้วท่านก็รู้ว่าคนนี้ไม่เชื่อหรอก ท่านก็เลยถามว่าใครไม่เชื่อเรื่องนี้บ้าง ปรากฏว่าพ่อ ๓ ทหารเสือยกมือสุดแขนเลย (หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป็นหลานของพลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์)

ท่านเจ้ากรมแพทย์ หลวงสุวิชานฯ คำรามว่า "กูขังมึงแน่" เสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ตรัสว่า "ใจเย็น ๆ ฟังเหตุผลเขาก่อน" ถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ไม่เชื่อ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ไม่เคยเห็นครับ"

หลวงปู่ปานท่านก็เลยให้คาถาบทหนึ่งให้ไปภาวนา ทุกคนหลับตาภาวนาคาถาบทนี้ เดี๋ยวได้เห็นผี ปรากฏว่าไม่น่าเชื่อ ทหารเรือทั้งหอประชุม ภาวนาคาถาหลวงปู่ปานเห็นผีทุกคน หลวงพ่อท่านบอกว่า "แหม..แต่ละตัว สวยสะบัดเลยว่ะ ถ้าผีแบบนี้ข้าไม่กลัวหรอก"

หลวงปู่เลยถามว่าใครอยากฝึกวิชาอย่างนี้ไหม ? สามคนเลยมองหน้ากัน ถ้าไม่มีบารมีหลวงปู่คุ้มหัว ติดคุกแน่งานนี้ เลยบอกว่า "อยากฝึกครับ" "ถ้าอยากฝึกก็ต้องบวช" สามคนมองหน้ากันเสร็จ บวชไม่บวช สรุปแล้วบวชดีกว่าติดคุก เลยบอกหลวงปู่ท่านว่าจะบวช

เสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ท่านเป็นเสนาบดีทหารเรือ สมัยนี้ก็คงเป็นผบ.ทร. บอกว่า "ถ้าแกบวชได้ ๑ พรรษา เอาไปเลย ๑ ชั้นยศ" ไม่ใช่ ๑ ขั้นนะ แต่เป็น ๑ ชั้นยศ ตอนนี้เป็นเรือตรี บวช ๑ พรรษาได้เรือโท ถ้าบวชได้ ๒ พรรษาได้เรือเอก มาเซ็นรับเงินเดือนได้ทุกเดือน

ท่านมั่นใจว่าไอ้ลิง ๓ ตัวทนอยู่ได้ ๗ วันก็เก่งมากแล้ว ปรากฏว่าบวชอยู่ ๗ วัน ทรงฌานได้หมดเลย ก็เลยเซ็นรับเงินเดือนกันเพลิดเพลินเจริญใจ พอเซ็นรับเงินเดือนเรือเอกไปได้พักหนึ่ง ก็ละอายใจ ว่าเราเองก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ทางการเลย แล้วมารับเงินเดือนเปล่า ๆ เลยทำเรื่องลาออกจากราชการ เพราะตั้งใจบวชยาวแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2013 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 04-05-2013, 20:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเราถึงจะรู้ว่าปรารถนาพุทธภูมิ ?
ตอบ : ถ้าทำเพื่อคนอื่นมากกว่าก็เป็นพุทธภูมิ ประเภทเห็นคนอื่นลำบากไม่ได้ ต้องแถเข้าไปช่วยนั่นแหละ..ใช่เลย ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เห็นคนอื่นลำบากก็อยากจะช่วยเขา ไม่เคยนึกถึงความยากลำบากของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 04-05-2013, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ญาณต้องทำทีละอย่างหรือคะ ?
ตอบ : ถ้ามีความคล่องตัวสามารถทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แต่ส่วนใหญ่ที่เจอมักจะถนัดอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างอื่นอาจจะได้นิดหน่อย แต่จะมีอย่างหนึ่งที่ตัวเองถนัดและชำนาญกว่าเพื่อน เช่น บางคนถนัดเจโตปริยญาณ บางคนถนัดปุพเพนิวาสนุสติญาณ เป็นต้น ปัจจุบันนี้จะหาคนถนัดทุกอย่างมีน้อยมากเลย เท่าที่เจอมามักจะเก่งเรื่องเดียว

ถาม : ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์สอนหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่..ขึ้นอยู่กับที่เราฝึกมา สิ่งไหนที่เราเริ่มต้นไว้มาก สิ่งนั้นเราจะชำนาญมากกว่า ถ้าอยากจะให้ดีเท่ากันก็ต้องซักซ้อมให้มากหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 04-05-2013, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าโมทนาบุญคนอื่น เราจะได้รับบุญนั้นทันทีไหมคะ ?
ตอบ : การโมทนาผลบุญแล้วส่งผล เจ้าของต้องได้รับผลนั้นก่อน คนที่โมทนาจึงจะได้รับ ตราบใดผลนั้นยังไม่เกิดกับของเจ้าตัวผู้ทำ ตราบนั้นผู้ที่โมทนาก็ยังไม่ได้รับผล

สงสัยไหมว่าผีโมทนาบุญของเราแล้วมักจะได้ดีไปเลย ? เพราะสภาพจิตของเราตอนนั้นเสวยอานุภาพของบุญอยู่ในระดับนั้นอยู่แล้ว พอเขาโมทนาก็ได้เท่ากับเราในตอนนั้น เขาก็ไปเลย ส่วนเราต้องรอก่อน ตายเมื่อไรก็จะได้เมื่อนั้น


ถาม : แล้วอย่างเวลาทำบุญ อยากรู้ว่ามีสัญญาณอะไรบางอย่าง..?
ตอบ : แค่คิดก็เป็นบุญแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ เจตนาก็จัดว่าเป็นบุญแล้ว แต่ถ้าเจตนาแล้วยังไม่ได้ทำดันตายก่อน เราได้บุญแต่พระขาดทุน เพราะยังไม่ได้ทำ เพียงแต่คิด แม้ระลึกถึงการบริจาคให้ทานยังจัดเป็นจาคานุสติ เป็นกรรมฐานใหญ่อีกกองหนึ่งต่างหากเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 04-05-2013, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การแผ่เมตตาต้องแผ่ให้ตนเองก่อนหรือคนอื่นก่อนคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเรามักจะให้คนอื่นก่อน การแผ่เมตตาให้ตนเองคือการนึกถึงด้วยความรัก ความปรารถนาดี ต่อเราเองว่า ตัวเราเองตั้งใจที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ดี ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ เพราะว่าเรารักตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในกองทุกข์ ต้องการให้ตัวเองก้าวสู่ภพภูมิที่มีแต่ความสุข เหมือนการตั้งเจตนาเอาไว้ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้่เราจะทำและทำแน่ ๆ เป็นการตอกย้ำกับตัวเอง

ดังนั้น..การแผ่เมตตาให้กับตัวเองเป็นการซักซ้อมการหวังดีปรารถนาดีต่อตัวเราว่า ถ้าเรารักและสงสารอยากสงเคราะห์คนอื่น ก็ต้องให้เท่าเทียมกับตัวเราที่รักตนเองนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 04-05-2013, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การทำบุญหรือทำความดีจะได้ทันทีในชาตินั้นหรือไม่ ?
ตอบ : การทำบุญแล้วจะให้เป็นครุกรรมฝ่ายกุศลที่ส่งผลในชาตินี้ ประการแรก...หาโอกาสทำบุญกับพระที่ออกนิโรธสมาบัติ กำลังบุญที่ทำกับผู้ที่บริสุทธิ์ระดับนั้น ส่วนมากจะส่งผลเร็วทันที ประการที่สอง...สร้างฌานสมาบัติให้เกิดแก่ตัวเอง ยิ่งได้อภิญญาสมาบัติยิ่งดี ถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องการอะไรสามารถจะเนรมิตด้วยตนเอง ประการที่สาม...ช้านิดหนึ่ง แต่ให้ทำบุญกุศลต่อเนื่องกันไประยะเวลาหนึ่ง อาจจะเป็น ๕ ปีหรือ ๑๐ ปี ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนานพอ ผลบุญนั้นก็ส่งผลให้ในชาตินี้ได้

อย่าลืมว่าสิ่งที่ส่งผลในปัจจุบันคือสิ่งที่เราทำไว้ในอดีต ถ้าเราทำในปัจจุบันตอนนี้ เลื่อนไปอีกหนึ่งนาทีหรือสองนาทีตรงนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว ดังนั้น..ถ้าเราทำปัจจุบันนี้ให้ดีต่อเนื่องยาวนานพอ ถึงเวลาผลบุญตรงนี้ที่เป็นอดีตกลับมาส่งผลเมื่อไร เราก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ ตลอดไป

ดังนั้น..วิธีที่สามดูน่าจะเหมาะที่สุด ก็คืออดทนทำความดีไปก่อน เพราะสมัยนี้พระเข้านิโรธสมาบัติก็ไม่ได้มาประกาศบอกเรา เรื่องอภิญญาจะฝึกให้ได้เต็มที่ก็ลำบาก เพราะฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีให้สม่ำเสมอ เรื่องศีลก็ได้ สมาธิก็ได้ ปัญญาก็ได้ เลือกทำเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 04-05-2013, 21:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างไรคะว่าพระเข้านิโรธสมาบัติ ?
ตอบ : มีสองอย่าง อย่างแรกท่านบอกแก่คณะสงฆ์ไว้ พระที่เข้านิโรธสมาบัติจะไม่ได้ทำกิจต่าง ๆ ร่วมกับคณะสงฆ์ จึงเป็นระเบียบที่บังคับไว้ว่า อย่างน้อย ๆ ต้องบอกให้เพื่อนพระรูปใดรูปหนึ่งรู้ไว้ ถ้าเข้าสังฆกรรมจะได้มีผู้รับมอบฉันทะ พูดง่าย ๆ ว่าออกสิทธิ์ออกเสียงแทนท่าน ดังนั้น..ต้องรอว่ามีใครประกาศบอกชัด ๆ เราจะได้ทำบุญกับท่าน แต่ส่วนใหญ่สมัยนี้แห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน แทนที่จะได้คนเดียว ประเภทรวยวันนั้นเลย ก็เฉลี่ย ๆ กันไป

ประการที่สองสร้างทิพจักขุญาณให้เกิดและคล่องตัว จะได้รู้ว่าใครทำอะไรได้ขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่ถ้าถึงระดับเข้านิโรธสมาบัติ กำลังของท่านจะสูงกว่าเรา ถ้าท่านตั้งใจปิดจริง ๆ เราก็ไม่ได้เห็นหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2013 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 07-05-2013, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกที่เกิดมาสบายแสดงว่าเขาต้องมีบารมีดี ?
ตอบ : เด็กบางคนเกิดมาก็ต้องลำบากก่อน พอเขาเคยชินกับความลำบาก ต่อไปทุกอย่างจะสบาย เด็กที่เกิดมาแล้วสบาย อยู่ ๆ ไปพบกับความลำบากเข้าจะเอาตัวไม่รอด อาตมาถึงภูมิใจกับความเป็นเด็กบ้านนอกของตนเอง เมื่อลำบากมาทุกรูปแบบ จึงไม่มีอะไรลำบากสำหรับอาตมาอีกเลย

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : นั่นแหละ..บารมีเยอะต้องลำบาก ไม่อย่างนั้นก็ไม่สมกับที่สร้างบารมีมา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2013 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 07-05-2013, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราแผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทางดูแลลูกของเรา ?
ตอบ : ต่อไปเปลี่ยนเป็นอุทิศส่วนกุศล ตั้งใจว่าผลบุญทั้งหมดที่เราทำมา ขอให้เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายที่รักษาขอบเขตบริเวณนี้ จะเป็นอากาศเทวดา รุกขเทวดา ภุมมเทวดาก็ดี หรือจะเป็นสัมภเวสี เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานก็ดี ขอให้โมทนาให้ส่วนกุศลที่เราอุทิศให้ ประโยชน์ความสุขใดที่เราจะได้รับขอให้เธอได้รับด้วย และก็ฝากให้เขาดูแลเรื่องความสะดวกปลอดภัยให้แก่ลูกของเราด้วย

ถาม : บางทีก็ฝากบ้านกับพระภูมิเจ้าที่
ตอบ : ถือว่าเป็นภาระที่พระภูมิเจ้าที่รับผิดชอบ เราให้ความเคารพท่าน หน้าที่ของท่านคือดูแลบริเวณนั้น

ถาม : ยังไม่เคยเห็นท่านเลยค่ะ
ตอบ : จะไปยากอะไร จุดธูปบอกท่าน คืนนี้ขอพบหน่อย ช่วยแสดงให้เห็นชัด ๆ ด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2013 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 07-05-2013, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,712 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปกติตอนท่านมาแล้วเราเห็นคือสภาพจิตต้องนิ่ง ?
ตอบ : กำลังใจต้องอยู่ที่อุปจารสมาธิ อย่างเช่นตอนเคลิ้ม ๆ ใกล้หลับหรือตอนตื่นใหม่ ๆ สภาพจิตจะอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิจึงเห็นได้ หรือไม่ก็ต้องรอว่าถ้าท่านอยากติดต่อกับเราจริง ๆ ท่านก็จะปรับมาให้อยู่ในระดับเดียวกับจิตเราตอนนั้น เราก็จะเห็นได้

ถาม : บางทีเราได้ยินแต่ไม่เห็น ?
ตอบ : ได้ยินก็ดีแล้ว

ถาม : ตอนที่เราได้ยินเสียงกับตอนได้เห็น สภาพจิตเราเท่ากันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เท่ากัน..แต่ว่าท่านตั้งใจให้ได้ยินเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2013 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว