#61
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๒)
คนเรานั้นชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่กับความคิด ความคิดเป็นตัวชี้วัดความสุขของเราก็ว่าได้
คนเรามีความสุขได้ก็เพราะความคิด คนเราทำดี ก็เพราะคิดดี คนเรามีความเศร้า เพราะเราคิดไม่ดี คนเราทำไม่ดี ก็เพราะคิดไม่ดี แล้วเรานั้นก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับความคิด สิ่งที่สำคัญนั้นก็คือ เราไม่ได้เห็นว่า เราคิดอะไร ? ความคิดของเราทำงานอย่างไร ? เราไม่ได้มาสังเกตการทำงานของความคิด ซึ่งมีน้อยคนที่จะมาเรียนและก็มาศึกษาในเรื่องของการทำงานของความคิดว่า ความคิดทำงานอย่างไร ? จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำคัญที่สุดในชีวิตเราเลยก็ว่าได้ แต่ว่า ไม่รู้เพราะอะไร ? เขาจึงไม่ได้มาบรรจุวิชานี้ไว้ในวิชาเรียนของเรา ตอนที่เราเรียน ไม่ว่าจะเป็นอนุบาล ประถม มัธยม หรือในระดับชั้นมหาวิทยาลัย
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๓)
แต่พระศาสดาของเรา ท่านได้เห็นความสำคัญ
แม้ว่า พระองค์ท่านนั้นจะมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน แต่พระองค์ท่านนั้นตระหนักว่า สิ่งนี้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และพระองค์ท่านก็คิดว่า ยังไม่มีใครที่สนใจและสอนวิชานี้อย่างจริงจัง ? พระองค์ท่านจึงได้ตัดสินใจ เสด็จออกจากราชวังของท่าน ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านนั้นมีความพร้อมทุกอย่าง แล้วก็จะเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ท่านกลับทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาศึกษาเรื่องของความคิด เรื่องของจิตใจว่า ความคิดนั้นเป็นอย่างไร ? จิตใจนั้นเป็นอย่างไร ? กายนี้-ใจนี้เป็นอย่างไร ? แล้วก็ความทุกข์ที่เกิดจากความคิด ที่เกิดจากจิตใจเรานั้น เป็นอย่างไร ? สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลายคนนั้นรู้สึกแปลกใจว่า คนนั้นมีความพร้อมขนาดนั้น ทำไมถึงจากสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มา ?
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๔)
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าเรามี สิ่งที่เราคิดว่าเราพร้อม สิ่งที่เรากำลังวิ่งหาอยู่นี้
เราคิดว่า ไปถึงตรงนั้นแล้ว เราจะมีความสุข แต่ไม่มีใครมารับประกันว่า เราไปถึงตรงนั้นแล้ว เราจะมีความสุข เป็นเพียงแค่ความคิด ที่เราคิดขึ้นมาเองว่า ถ้าเราไปถึงจุดนั้นจุดนี้แล้ว เราจะมีความสุข ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เราทำงานวันหนึ่ง ๘ ชั่วโมง ๑๐ ชั่วโมง ๑๒ ชั่วโมง เพื่ออะไร ? เพื่อเราคิดว่า วันหนึ่งเราจะมีเงินเก็บมาก ๆ ไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ สวยงาม สะดวกสบาย มีรถคันโต นั่งแล้วรู้สึกสบาย นุ่มนวล ได้ไปเที่ยวรอบโลก ได้ไปในที่ซึ่งเราไม่เคยไป ได้ไปรับประทานอาหารที่ราคาแพง ที่เราไม่เคยได้รับประทาน ได้ไปเห็นอะไรต่าง ๆ นานา ที่เราอยากเห็น อันนี้ก็คือความคิดที่เราคิดขึ้นมา ก็มีความคิดเป็นตัวตั้ง แล้วเราก็ปฏิบัติประพฤติตามความคิดนั้นไป เมื่อเราไปถึงจุดนั้นแล้ว บางทีความจริงกับความคิดไม่เหมือนกัน บางครั้งหลายคนทุกข์แสนสาหัสกว่าจะไปถึงจุดที่ตัวเองคิดไว้ บางคนบางท่านนั้นก็ไปไม่ถึงจุดที่ตัวเองคิดไว้ก็มี แต่ก็ไม่เคยหันกลับมามองว่า ทำไมเราถึงคิดเช่นนั้น ? ทำไมเราถึงอยากเช่นนั้น ? ทำไมเราถึงเป็นเช่นนั้น ?
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๕)
เพราะฉะนั้น การที่เราได้มานั่งดูความคิดของเราจึงสำคัญมาก
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เราได้นั่งกันถึงจะไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนาน จริง ๆ ระยะเวลานั้นก็ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์เสมอไป ขึ้นอยู่กับว่า ตอนที่เรานั่งนั้น เราทำอะไรมากกว่า ? บางคนก็นั่งกันทั้งวันทั้งคืน เพราะว่า ความอยากที่จะปฏิบัติ อยากจะใช้เวลา แต่ว่า ในขณะที่นั่งนั้น ก็ไม่ได้พิจารณาความคิด ยกตัวอย่าง เหมือนกับเราอ่านหนังสือ ถ้าเราอ่านหนังสือหลายเล่มเลย อ่านเร็วด้วย เราอยากได้จำนวนหน้า จำนวนเล่ม จำนวนเรื่อง แต่เรานั้นไม่ได้พิจารณาบทความที่เราอ่านไป ไม่ได้วิเคราะห์ว่า ทำไมเราถึงอ่านหนังสือเล่มนี้ ? อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วได้อะไร ? (เราก็ได้แต่อ่าน ได้แต่จำนวนหนังสือ เราได้แต่จำนวนหน้า แต่เรานั้นไม่ได้ความรู้)
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๖)
เพราะฉะนั้น การนั่งก็เช่นเดียวกัน บางครั้งอาจจะนั่งไม่นาน
แต่ที่สำคัญคือ ขณะที่เรานั่งนั้น เราทำอะไร ? ถ้าขณะที่เรานั่งนั้น เราได้พิจารณาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วเราสามารถที่จะรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นได้นั้น แสดงว่าเราอยู่กับปัจจุบันได้ การอยู่กับปัจจุบันนั้น จริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่า จริง ๆ เรานั้นอยู่กับปัจจุบันตลอด เราไม่สามารถวิ่งกลับไปในอดีตได้ ไม่มีเครื่องมือให้เรากดปุ่ม แล้ววิ่งกลับไปอดีต ไม่มีเครื่องมือที่พาเราไปอนาคตได้ จริง ๆ เราอยู่กับปัจจุบันตลอด แต่ใจของเราต่างหากที่ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน ใจของเราต่างหากที่บางครั้งวิ่งไปติดกับในอดีต ใจของเราต่างหากที่บางครั้งวิ่งไปติดกับในอนาคต บางคนก็วิ่งไปติดกับอดีตที่ไม่ดี แล้วก็ติดอยู่อย่างนั้น ออกมาไม่ได้ นั่งหลับตาทีไร ? ก็วิ่งไปหาอดีตอันนั้น บางคนก็ไปติดกับอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ที่เราอยากได้ อยากเป็น อยากมี ไปติดกับอนาคตอันนั้น เพราะฉะนั้น ใจของเราก็เลยวิ่งข้ามไป ข้ามมา ข้ามปัจจุบันไป ไปติดกับอดีตบ้าง ไปกับอนาคตบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องเตือนให้เราอยู่ในปัจจุบันได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดี
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๗)
ยกตัวอย่าง เช่น เวลาเรานั่งสมาธิ เราดูลมหายใจเพื่ออะไร ? (เพื่อต้องการอยู่กับปัจจุบัน)
ตอนนี้เราหายใจเข้า เราก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็ให้รู้ว่าออก ขณะที่เราดูลมหายใจอยู่กับปัจจุบัน โดยปกติใจของเราจะไม่นิ่ง ชอบเคลื่อนไหว ถ้าให้อยู่กับลมหายใจนาน ๆ ก็จะรู้สึกเบื่อ ไม่อยู่แล้ว ใจก็จะวิ่งออกไปคิดบ้าง ไปติดกับเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง ถ้าเราไม่พิจารณาการทำงานของใจเรา การทำงานของความคิด เราก็จะไปติดอยู่กับความคิดนั้น นั่งก็นั่งไป แต่ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันหรอก ไปคิดถึงอดีตบ้าง ไปคิดถึงอนาคตบ้าง แล้วก็หมดเวลา นั่งมาพอสมควรแล้วก็ลืมตามา ก็ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันอีก อาจมาอยู่กับปัจจุบันตอนที่ได้ยินเสียงว่า ให้ลืมตา รู้ว่า กำลังลืมตา นี่!!...อยู่กับปัจจุบัน
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๘)
เพราะฉะนั้น เราต้องพัฒนาสติเราให้เร็ว ให้ทันความคิดให้ได้
เพราะอะไร ? เพราะความคิดเรานั้นเร็วมากเร็วจริง ๆ เร็วกว่ารถยนต์ เร็วกว่าเครื่องบิน เร็วกว่าแสง เครื่องบินที่ว่าเร็ว ๆ สู้ใจเราไม่ได้ นั่งอยู่ที่นี่คิดถึงลอนดอน ใจก็วิ่งไปแล้ว เห็นภาพแล้วว่า ที่ลอนดอนเป็นอย่างไร ? คิดไปถึงปารีส ใจก็วิ่งไปแล้ว เห็นหอไอเฟลชัดเจนแล้ว นั่ง ๆ อยู่เราคิดถึงที่บ้าน ใจก็วิ่งไปที่บ้านทันทีเลย คิดถึงคนที่เรารัก หน้าคนที่เรารักขึ้นมาทันทีเลย นึกถึงคนที่เราเกลียด คนที่เราไม่ชอบ หน้าของคนที่เราไม่ชอบก็ขึ้นมาทันทีเลยเหมือนกัน ไม่ต้องขับรถไปหาเขา ไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาเขา นี่!!...คือการทำงานของความคิดของเรา ที่ทำงานอยู่ตลอดและก็เร็วมาก ซึ่งเราไม่ได้สังเกตดู
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๙)
บางคนนั้นน่าสงสารมากคือ ไม่รู้จักวิธีหยุดคิด
ตั้งแต่เด็กประถม มัธยม มหาวิทยาลัย เราเรียนแต่วิธีคิดมาตลอด แต่เราไม่เคยเรียนวิธีทำอย่างไรให้ใจของเรานั้นได้พักจากการคิดบ้าง ? เมื่อสักครู่แม้ตัวเองจะได้นั่งในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มีความสุข เพราะว่า ได้หยุดคิด ได้อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็รู้สึกเบาสบาย และก็รู้สึกว่า มีแรง เพราะฉะนั้น การที่เราได้มาจัดสรรเวลาช่วงหนึ่งของวัน ได้มาดูใจของเราว่า ใจของเรานั้นทำงานอย่างไร ? สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็จะปล่อยให้ความคิดของเรานั้น ทำงานอยู่ตลอด ใจของเราทำงานอยู่ตลอด เปรียบเสมือนกับอะไร ? เปรียบเสมือนกับเครื่องจักร รถยนต์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ตลอด ทีวีที่เปิดอยู่ตลอด ไม่เคยปิดเลย นั่นคือความคิดของเราที่คิด ๆ ๆ อยู่ตลอด คิดจนเครื่องพัง ถึงจะเลิกคิด นี่!!...คือคนที่ไม่เคยคิดที่จะหยุดพัก
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๐)
เพราะฉะนั้น การที่เรารู้จักใจของเรา รู้จักการทำงานของใจเราสำคัญมาก
พอถึงจุดหนึ่งที่ใจของเราว้าวุ่นมาก ๆ วุ่นวายมาก ๆ ที่เราคิดมาก เราจะรู้ตัวทันทีว่า ตอนนี้ใจเราว้าวุ่น เราคิดมากไปแล้ว เราวิตกกังวลแล้ว เราอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ พาใจเรากลับบ้านให้ได้ คนส่วนใหญ่หลงอยู่ในความคิด เหมือนกับเราเดินทาง แล้วเราไม่มีแผนที่ เราไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย คนที่คิดเรื่อย ๆ คิดเรื่อยเปื่อย คิดอยู่ตลอด ไม่มีจุดหมาย คิดไปเรื่อย ๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงจุดหมาย? แต่คนที่มีแผนที่ คือคนที่มีสติ เขาจะดูว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้ว ? เราไปถูกทางหรือเปล่า ? คนที่มีสติไปดูความคิด เอ๊ะ!!..เรานั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เรากำลังทำงานอยู่ ทำเรื่องนี้อยู่ แต่ทำไมใจเราไปคิดเรื่องที่บ้าน ? เราหลงทางแล้ว ทำไมเราไม่คิดเรื่องงาน ? แต่ถ้าไม่มีสติไปดูตรงนั้น เราก็ไม่รู้หรอกว่า เราหลงทาง คนที่ไม่รู้ว่า ตัวเองหลงทาง ชีวิตก็จะหลงอยู่ในความคิดตลอด คิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็จะรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่รู้ว่า ทำไมเหนื่อย ? เพราะว่า ไม่เคยไปสังเกตดูว่า ทำไมตัวเองถึงเหนื่อย ?
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๑)
แต่คนที่มีสติไปดูความคิดก็จะรู้ว่า เราทำงานอยู่ เราไปคิดเรื่องอื่น เราไม่ได้จดจ่ออยู่กับงาน
เวลาผ่านไปแต่เราไม่ได้อะไรเลย อยากจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จ แต่ก็ไปทำอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องนั้นให้ดี ให้เสร็จได้ หรือขณะที่เราอ่านหนังสือ แต่เราไปห่วงว่า เราอยากดูทีวี อูย!!..เวลานี้เราน่าจะดูทีวี เพราะมีรายการที่เราชอบ รายการที่เราอยากดู แต่ใจเราไปอยู่กับหนังสือ ใจเราอยากอ่านหนังสือ อีกใจหนึ่งอยากดูทีวี เดี๋ยว ๆ ใจอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้นมาอีก อยากฟังเพลง ทั้งอยากอ่านหนังสือ อยากดูทีวี อยากฟังเพลง แล้วเดี๋ยว ๆ ก็มีใจอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้นมาอีก อยากคุยกับเพื่อน เอาละซิ!! ถ้าเราไม่สังเกตตามความคิดนั้น เราก็จะพยายามทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน นี่!!...ก็เป็นที่มาของความเครียด มันผิดธรรมชาติ จริง ๆ แล้วใจเรานั้นมีประสิทธิภาพมาก ถ้าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในขณะนั้นเพียงสิ่งเดียว
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้น (๑๒)
เพราะฉะนั้น การที่เราอยู่กับปัจจุบันขณะได้ คือใจของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียว
อันนี้ก็ต้องมาฝึกกัน เหมือนอย่างที่พวกเรามาฝึกดูลมหายใจเข้า-ออก ให้ลมหายใจนั้นเปรียบเสมือนกับบ้าน พอใจของเราออกจากบ้านไป เหมือนเราออกไปทำงาน พอตกเย็นเราก็ต้องกลับมาพักที่บ้าน พาใจเรากลับบ้านให้ได้ นั่งหายใจเข้า-ออก เข้า-ออก มีความคิดเกิดขึ้น ก็รู้ว่าคิด ไม่ต้องมาตามว่า คิดเรื่องอะไร ? ไม่ต้องไปถาม เพียงแต่ให้รู้ว่าคิด ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังทำอยู่คือเรากำลังดูลมหายใจ ต้องรู้ตรงนี้ให้ได้ กลับบ้านเรามาดูลมหายใจ พอนั่ง ๆ ไปอีก ก็คิดอีก ไม่เป็นไร!! คิดก็ให้รู้ว่าคิด พาใจของเรากลับมาบ้าน มาดูลมหายใจ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 26-04-2010 เมื่อ 20:51 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๓)
ตัวอย่าง เรานั่ง ๆ อยู่รู้สึกปวดเมื่อย ก็ให้รู้ว่าปวดเมื่อย
ไม่ต้องไปติดกับอาการปวดเมื่อยนั้น ๆ เอ๊!!..ปวดเข่าข้างไหนหนอ ? ข้างซ้ายหรือข้างขวา ? เอ๊!!..ปวดไปแล้วจะอักเสบหรือเปล่า ? นั่งไปเดี๋ยวเราจะพิการหรือเปล่า ? อูย!!..เลิกนั่งดีกว่า ถ้าเราไปคิด ใจของเราก็จะปรุงแต่งไปเรื่อย ๆ ปวดก็ให้รู้ว่าปวด พาใจเรากลับมาบ้านให้ได้ มาดูลมหายใจ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๔)
เอาล่ะ!!..ฝึกกันในห้องนี้ให้เสร็จ เหมือนกับเราซ้อมรบ เหมือนกับนักกีฬา
ต้องเข้าห้องยิม ต้องยกเวต สร้างกล้ามเนื้อ ต้องวิ่ง ถึงเวลาไปลงสนามแข่ง ไปแข่งจริง เอากล้ามเนื้อส่วนนั้นมาประยุกต์ใช้ในตอนที่แข่ง เช่นเดียวกันที่เรามาฝึกในห้องนี้ เหมือนเรากำลังเข้าห้องยิม ฝึกใจของเราให้แน่น ให้นิ่ง ถึงเวลาเราออกจากห้องนี้ไป เข้าลิฟท์ไปทันที มีอะไรเข้ามาเต็มแล้ว ลงจากลิฟท์ไป เดินไปที่จอดรถ ขึ้นรถ ขับรถออกไป เจอความวุ่นวายแล้ว ถนนเพลินจิตข้างหน้า ขับรถกลับบ้านระหว่างทาง มีอะไรเต็มไปหมดเลย เราจะต้องเจริญสติให้รู้เท่าทัน ถ้าเราขาดสติ เดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุ ขับรถชน
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๕)
เพราะฉะนั้น การฝึกตรงนี้สำคัญมาก
ดูลมหายใจ พาใจกลับบ้านได้ ไปขับรถ พาใจอยู่กับรถได้ ไปที่โต๊ะทำงาน พาใจไปอยู่ที่ทำงานได้ ทำอะไรอยู่บนคอมพิวเตอร์ ? เวลาพิมพ์เราก็รู้ว่าพิมพ์ เสียงโทรศัพท์ดัง ควรรับไหม ? โทรศัพท์อันนี้ อันไหนสำคัญกว่า ? สติเรามี เราพิจารณาได้ ถ้าสติเราไม่มี มันเป็นปฏิกริยาโต้ตอบ โทรศัพท์ดัง ยกมาจับ แล้วรับเลย ไอ้ที่พิมพ์อยู่อาจจะสำคัญ ลืม!! ไปคุยโทรศัพท์ พอคุยเสร็จแล้ว ลืม!! เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ ? ทำไปถึงไหนแล้ว ? จึงต้องมาเริ่มใหม่ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาตลอดในขณะที่เราทำงาน ถ้าเราไม่มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ เราก็จะตอบกลับไปทุกอย่างที่เข้ามา
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๖)
ตัวอย่าง บางครั้งมันเข้ามาพร้อมกันมากกว่าหนึ่งอย่าง โทรศัพท์ดัง งานก็ยังพิมพ์อยู่
เพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ก็เรียกแล้วก็มีคนเอาเอกสารมาวางบนโต๊ะ เอาล่ะสิ จะทำอะไรก่อน ? มันสับสนแล้ว บางคนเครียด สติไม่ทันอารมณ์ ระเบิดอารมณ์ออกมา
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๗)
ตัวอย่าง อาตมาเคยเจอบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด
กำลังนั่งอ่าน ๆ ๆ หนังสือ โทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำอะไรไม่ถูก ? หยิบโทรศัพท์นั้น แล้วมีอาการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ทันที รีบลุกลี้ลุกลน ปิดหนังสือ หยิบโทรศัพท์เดินออกไปคุยข้างนอก กลับเข้ามา จำไม่ได้ว่า อ่านหนังสือไปถึงหน้าไหนแล้ว ? ต้องมาค่อย ๆ เปิดหา ซึ่งจริง ๆ แล้วขณะหนึ่งของจิตเร็วมาก เราไม่จำเป็นต้องรีบปิดหนังสือก็ได้ ถ้ามีสติ โทรศัพท์ดังก็รู้ว่าดัง เราอ่านหนังสือรู้ว่าอยู่หน้าไหน ? เปลี่ยนใจจากโทรศัพท์ มาดูที่หน้าหนังสือนิดหนึ่ง อาจจะหาอะไรมาวางทับไว้ "แป๊บเดียว!!" วางได้ แล้วก็เดินออกไป ไม่ต้องรีบมาก บางคนรีบมาก พอเดินออกไป เตะเก้าอี้ก็มี ชนประตูก็มี เพราะขาดสติในตอนนั้น มันเป็นความหลง เพราะใจไม่ได้อยู่กับปัจจุบันแล้ว มันอยากจะออกไปนอกห้องให้เร็วที่สุด ไม่ได้ดูแล้วว่า เดินอย่างไร ? ประตูต้องเปิดอย่างไร ? บางทีประตูต้องดึงเข้า ก็ไปผลักออกก็มี เพราะไม่มีสติ ไปดันกระแทกเปรี้ยงเลย ทั้ง ๆ ที่ปกติก็ดึงประตูเปิดได้ เสียเวลาไปอีก!!
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2010 เมื่อ 02:33 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๘)
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจตรงนี้แล้ว เราก็จะรู้ว่า
จิตของเราทำงานได้เพียงหนึ่ง รู้อะไร ? รู้เพียงหนึ่ง แล้วก็จะได้ไม่เครียด แต่ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เราไม่รู้เพียงหนึ่ง ? จะเสียทุกอย่างเลย แล้วก็เครียดด้วย ชีวิตเราหนีไม่พ้นการทำงาน เพราะฉะนั้น เวลาเราทำงาน ตอนเช้าเราไปที่ทำงาน งานเต็มโต๊ะเลย งานค้างเมื่อวานก็มี งานเข้ามาใหม่ก็มี งานที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็มี โทรศัพท์ดังก็มี เปิดเมล์มา เมล์ต้องตอบก็มี เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ถ้าเราไม่มีสติไปรู้เท่าทัน เราก็เครียด เราก็วิตกกังวล แต่ถ้าเรามีสติรู้เท่าทัน เราจะไม่กลัวปัญหา ไม่กลัวงาน แต่นั่งดูงานเลยว่า เราจะทำอะไรก่อน ? ไปนั่งพิจารณา จัดอันดับได้ แต่ถ้าเราไม่มีสติ ไปรู้ไปดูตรงนั้นแล้ว ความเครียดเกิดขึ้นมาแทน แล้วพอความเครียดเกิด สติปัญญาไม่เกิด แก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ถ้าสติเกิด พอเราเห็น เราจะพิจารณาได้ทันทีว่า อันไหนควรทำ ? อันไหนไม่ควรทำ? อันนี้เรื่องที่ทำงาน ("โอเค!!"..จบไป) แล้วเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ทำงานล่ะ ? สิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบเราเต็มไปหมดเลย เมื่อเห็นแล้ว เราจะทำอะไรกับสิ่งนั้น สำคัญมาก!! เห็นแล้ว ถ้าเรามีสติรู้เท่าทัน เราจะรู้ว่า สิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๑๙)
ตัวอย่าง บางคนต้องดูแลเกี่ยวกับการเงิน มีเงินเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
ไม่ใช่เงินของเรา แต่มันเยอะเหลือเกิน ช่วงนี้เราก็ลำบากด้วยซิ มีความจำเป็น คงไม่ผิดศีล ขอยืมไปใช้ก่อน ยังไม่เอาไปเข้าแบงค์หรอก เดี๋ยวถึงเวลาเราได้เงินคืนมาแล้ว ค่อยเอากลับมาคืนให้ที่ทำงานของเรา แต่ถ้าเขามีสติรู้เท่าทัน นี่!!..ความโลภเกิดขึ้นแล้ว เราอยากได้สิ่งที่ไม่ใช่ของของเรา นี่!!..เราพาใจกลับบ้านได้ กลับมาดูความจริงได้ แต่ถ้าพาใจกลับบ้านไม่ได้ มันก็หลงไปแนบกับสิ่งนั้น โอ้โฮ!!...เงินมันเยอะ เดี๋ยวเราก็เอาเงินมาคืนได้ ทำแค่ครั้งเดียวแหละ ครั้งหน้าไม่ทำแล้ว แต่ถ้าเราทำไปแล้ว เราเกิดเอาเงินมาคืนไม่ได้ล่ะ ? สร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตทันทีเลย ผิดศีลข้ออื่นอีก ต้องโกหกเจ้านายอีก นอกจากลักทรัพย์แล้ว ยังต้องโกหกอีก บางครั้งบางคนถึงกับต้องไปฆ่าชีวิตคนเลยก็มี เพราะฉะนั้น สติตัวรู้ นี่!!..จึงสำคัญมาก
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 20-05-2010 เมื่อ 20:44 |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๒๐)
ตัวอย่าง เราเป็นคนมีครอบครัวแล้ว วันหนึ่งเกิดเดิน ๆ ไปเจอพนักงานใหม่ที่หน้าตาดี รูปร่างดี
แล้วเราลืมไป เราหลงไปแนบกับรูปที่เราเห็น เราลืมว่า เรามีครอบครัวแล้ว มีลูกที่ต้องรับผิดชอบ ต้องดูแล ถ้าเราไปหลงกับสิ่งนั้น เราก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างเลย ไม่นึกแล้วว่า สิ่งนี้ถูกหรือผิด ? อยากรู้จักเขา อยากคุยกับเขา อยากให้เขามารู้จักเรา จิตคิดไปถึงอนาคต ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน คิดว่า อนาคตคงดี ถ้าอยู่กับเขาแล้ว เราคงมีครอบครัวที่มีความสุข แต่ถ้าจิตอยู่กับปัจจุบันก็จะนึกได้ว่า เรามีครอบครัวแล้ว มีลูกที่ต้องเลี้ยงดู นี่!!...คือของจริงที่เราอยู่ด้วย ถ้าเราคิดตรงนี้ได้ เราจะไม่ทำสิ่งนั้น แต่ถ้าจิตของเราหลงไป ไม่อยู่กับปัจจุบัน ไปปรุงแต่ง คิดถึงอนาคต คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อเราไปอยู่กับเขา ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ความคิด แล้วความคิดนั้นก็จะทำร้ายเรา ทำให้เราพบกับความทุกข์ได้ แค่ความคิดเท่านั้นเอง พาเราไปได้ทุก ๆ ที่ แค่ความคิดเท่านั้นเอง พาไปเราทำผิดศีลได้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
|||
|
|||
พาใจกลับบ้าน (๒๑)
เพราะฉะนั้น การสังเกตความคิดนั้นสำคัญมาก แต่ไม่มีที่ไหนสอน ?
ไม่มีมหาวิทยาลัยที่ไหนสอนเรื่องนี้เลย ? ไม่มีโรงเรียนที่ไหนเน้นสอนเรื่องนี้เลย ? มีแต่พระศาสดาของเราเท่านั้น ที่เน้นสอนเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น อาตมาภาพก็อยากจะฝากไว้ว่า อยากให้พวกเรานั้น ได้ฝึกดูความคิดเอาไว้บ่อย ๆ บางครั้งความคิดนั้นอาจจะเร็วและรู้สึกได้ยาก ก็ให้ฝึกรู้สึกที่กายด้วยก็ได้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|