กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 10-02-2016, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ทำบุญให้แม่ที่เป็นโรคพาร์กินสัน)
ตอบ : ต้องบอกแม่ด้วย บอกให้แม่ได้โมทนา ทำแล้วแจ้งด้วย ไม่ใช่ทำเฉย ๆ

ถาม : เอาไปให้เขาโมทนาก่อนถวาย ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นได้แน่

ถาม : ถ้าของนั้นเป็นของเขา ?
ตอบ : ถ้าเป็นของแม่ได้จะดีมาก ถ้าเป็นของเราต้องให้แม่โมทนาด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 10-02-2016, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีประเด็นร้อนในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ที่อาจารย์สาวท่านหนึ่ง ได้ทุนของมหาวิทยาลัยมหิดล ไปเรียนต่อปริญญาเอกทางทันตแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วหนีทุน ทำให้เพื่อน ๆ ที่ลงชื่อค้ำประกัน ๓ คนต้องช่วยกันควักกระเป๋าใช้ทุนไปสิบกว่าล้านบาท

ขอให้จำเอาไว้ว่า อะไรที่โบราณกล่าวขึ้นมา เป็นภูมิปัญญาที่ตกผลึกสังเคราะห์แล้ว นำไปใช้งานจริงได้ ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก ท่านบอกว่า “อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน” นั่นเพื่อนเซ็นค้ำประกันให้ ดันทิ้งไปเฉยเลย เพราะว่าพอไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาแล้วได้งานดี ได้แต่งงานกับชาวต่างประเทศ ได้สัญชาติอเมริกัน เงินเดือนหลายแสนบาท ระดับหมอฟันปริญญาเอก เงินเดือนทางด้านโน้นอย่างน้อยก็ไม่หนีห้าแสนถึงหกแสนบาท ก็เลยไม่ยอมกลับมาใช้ทุน ปกติแล้วเขามีสัญญาชัดเจนว่า ถ้าหากว่าไม่กลับมาทำงานใช้ทุน ก็ต้องใช้หนี้ ๓ เท่าของทุน ในเมื่อเจ้าตัวไม่มา เขาก็ต้องไปกวดเอากับคนที่เซ็นค้ำประกันให้ เพื่อนทั้ง ๓ รายก็หน้ามืดสนิท

มีใครเป็นแฟนของกิดเดนส์บ้าง ? ที่เป็นนักเขียนของไต้หวัน กิดเดนส์เขาเขียนหนังสือเล่มล่าสุด น่าจะเป็นเรื่อง Killer มือสังหาร อันเกิดจากนักกีฬาทศกรีฑาดาวรุ่งคนหนึ่ง ไปเซ็นค้ำประกันให้กับโค้ช โค้ชไปกู้เงินนอกระบบ พอเซ็นค้ำประกันให้เสร็จ โค้ชหนี ตัวเองเลยโดนตามทวงหนี้ เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ท้ายสุดก็โดนจับไปซ้อม บังคับให้ขายอวัยวะเพื่อปลดหนี้ นั่นก็ลักษณะเดียวกัน ไว้ใจอาจารย์ตัวเอง
เพราะว่าเป็นโค้ชคอยดูแลเรื่องการฝึกมาตลอด ก็เลยไปเซ็นค้ำประกันให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-02-2016 เมื่อ 14:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 10-02-2016, 22:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โบราณเขาว่าไว้อีกอย่างว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง” อันนั้นก็ไว้ใจเพื่อน ภาษิตจีนก็บอกไว้ชัดว่า “จิตใจทำร้ายคนไม่ควรมี แต่จิตใจระวังคนไม่ควรละเลย” รู้สึกว่าโลกนี้หาความสุขไม่ได้เลย...ใช่ไหม ? ต้องคอยหวาดระแวงคนอื่นอยู่เสมอ ท้ายสุดก็ย้อนกลับมาในเรื่องการเกิดมาแล้วทุกข์ ไม่อยากจะทุกข์ก็ต้องหาทางไม่เกิด หนทางที่จะไม่เกิดก็มีอยู่ทางเดียวคือ ทางไปพระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 04:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 11-02-2016, 15:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อกลางเดือนไปงานฉลองวิสุงคามสีมาวัดธรรมยานของหลวงพ่อวิรัช เจอพี่ ๆ น้อง ๆ อุ่นหนาฝาคั่งดี นาน ๆ เจอกันทีก็คุยโขมง สรุปว่าอาตมาเป็นคนประหลาด คือพยายามหนีไปให้ไกลบ้านที่สุด แต่ท่านอื่น ๆ มักจะไปให้ใกล้บ้านเข้าไว้ หลวงพ่อวิรัชท่านควักเงินมรดกที่ทางครอบครัวให้ ไปซื้อที่สร้างวัดเอง

สมัยก่อนที่อยู่วัดท่าซุง คนที่พวกเราอิจฉาที่สุดสองคนก็คือหลวงน้าอมรกับหลวงพ่อวิรัชนี่แหละ เพราะว่าพระคุณท่านทั้งสองเป็นอเมริกันซิติเซ่น พอครบเดือนก็มาเซ็นรับเบี้ยยังชีพของคนตกงานที่สถานทูตอเมริกา คนละ ๕๐๐ ดอลลาร์ โห..! ๕๐๐ ดอลลาร์เยอะนะ คิดเป็นเงินไทยก็ ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท ท่านจะทำบุญอะไรท่านก็ทำได้สบายใจ ส่วนพวกเราก็รับเงินจากหลวงพ่อวัดท่าซุงเดือนละ ๕๐ บาท..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 11-02-2016, 15:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัจจุบันขึ้นหรือยัง ? (พระถาม)
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ก็เดือนละ ๕๐ บาท ของผมมาขึ้นเป็น ๒๖๐ บาท ตอนที่เป็นฐานานุกรมของหลวงพ่อ ฐานานุกรมถ้าไม่ใช่พระครูปลัดชั้นธรรมขึ้นไป ปกติจะไม่มีนิตยภัต แต่หลวงพ่อท่านเห็นว่าพวกเราเหนื่อยมากก็เลยตั้งเงินเดือนให้ ตอนนั้นหลวงพ่อเป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถระ รับนิตยภัตเดือนละ ๔๔๐ บาท ส่วนอาตมาเป็นฐานานุกรม รับเดือนหนึ่งตั้ง ๒๖๐ บาท ท่านให้เยอะ เกินครึ่งของท่านอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 18:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 11-02-2016, 15:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราจะสะเดาะเคราะห์ ใช้ผ้าขาวกี่เมตรคะ ?
ตอบ : เอาแค่คลุมตัวได้ มีอยู่คนหนึ่งเอามาทั้งไม้เลย ไม้หนึ่ง ๕๐ เมตร ผ้าสะเดาะเคราะห์เล่นยกมาทั้งไม้เลย งานนั้นก็เลยสนุกสนานเฮฮา เข้าไปได้ทั้งบ้าน ผ้าขาวก็ซื้อผ้าลินินธรรมดา จะเอาผ้าดิบก็ได้ บางท่านเล่นผ้าแพรมาเลย แพงไปเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 11-02-2016, 15:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยเจอคนไม่โกรธแบบแกล้ง ๆ กับคนโกรธแบบแกล้ง ๆ บ้างไหม ? ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสถึงหญิงแม่เรือนคนหนึ่ง ชื่อนางเวเทหิกา ใคร ๆ ก็ร่ำลือว่าเป็นหญิงแม่บ้านแม่เรือนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่เคยแสดงความโกรธออกมาให้เห็น มีสาวใช้ชื่อว่านางกาฬี แปลว่าดำ ชื่อว่าน้องดำ น้องดำทำงานดีมากเลย การบ้านการเรือนทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องเป็นที่ขัดใจนาย

คราวนี้คำร่ำลือว่านายเป็นคนใจเย็น เป็นคนไม่โกรธ นางกาฬีก็คิดว่า เป็นเพราะเราทำงานบ้านเรียบร้อย ไม่มีอะไรให้
นายตำหนิได้ นายก็เลยไม่โกรธ หรือว่านายไม่โกรธจริง ๆ ? รุ่งขึ้นก็เลยแกล้งนอนตื่นสาย นางเวเทหิกาไม่เจอสาวใช้ก็ตะโกนเรียก “นางกาฬี...อยู่ที่ไหน ?” นางก็แกล้งทำเป็นเพิ่งตื่น “ทำไมวันนี้แกตื่นสายนัก ?” นางกาฬีก็ตอบว่า “ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ” นายก็ซักว่า “ไม่ทราบแล้วตื่นสายได้อย่างไร ?” นางกาฬีก็รีบไปทำงานบ้านงานเรือนให้เรียบร้อย ทำไปก็คิดว่านายเราไม่โกรธจริง หรือว่าไม่โกรธเพราะเราทำงานบ้านเรียบร้อย ?

รุ่งขึ้นก็แกล้งตื่นสายอีก แทนที่จะตื่น ๖ โมงเช้าก็ปาเข้าไป ๗ โมงเลย นางเวเทหิกาก็ตวาดเสียงเขียวปัดละคราวนี้ ถามนางกาฬีว่า “แกเป็นอะไรไป ? เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเปล่าถึงได้ตื่นสายขนาดนี้ ?” นางกาฬีก็ตอบว่า “ไม่ได้เป็นไรเจ้าค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปทำงานบ้านให้เรียบร้อย” นางกาฬีก็ไปทำงานบ้านพร้อมกับคิดว่า เอ๊ะ...นายเราที่ไม่แสดงความโกรธมากกว่านี้ เพราะว่าไม่โกรธหรือว่าเป็นเพราะเราทำงานบ้านเรียบร้อย ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-02-2016 เมื่อ 14:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 11-02-2016, 15:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"รุ่งเช้าอีกวันนางก็แกล้งตื่นสายโด่งเลย คราวนี้สัก ๙ โมง ๑๐ โมงโน่น คราวนี้นางเวเทหิกาตวาดลั่นบ้านเลย ถามว่า “เป็นอะไร..? ทำไมถึงตื่นสายขนาดนี้ ?” “ไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ” “ไม่ได้เป็นอะไรแล้วตื่นสายได้อย่างไร ?” ว่าแล้วก็คว้าลิ่มประตูฟาดกบาลเปรี้ยงเข้าให้..!

รุ่นพวกเราเคยเห็นลิ่มประตูไหม ? เรือนไทยเวลาเขาปิดจะมี ๒ อย่าง มีดาลกับลิ่ม ถ้าดาลจะเป็นไม้ขัด ใช้กั้นประตูไว้ สองข้างก็จะมีตัวกั้น ขัดไว้ให้ประตูเปิดไม่ได้ อีกประเภทหนึ่งเป็นลิ่ม เสียบกั้นไว้ตรงกลางเพื่อไม่ให้ประตูสองบานเปิดออก ประเภทหลังนี่หยิบง่ายสิ ด้านหนึ่งเป็นปลายเล็ก ๆ ด้วย เพราะว่าเป็นลิ่มใช้สอดลงไปในร่อง

นางเวเทหิกาฟาดนางกาฬีหัวแตกเลือดอาบเลย นางกาฬีก็เลยเดินไปให้ชาวบ้านเขาดู ถามว่า "นี่ใครบอกว่านายหญิงเป็นคนเรียบร้อย เป็นคนไม่โกรธ เป็นคนเสงี่ยมเจียมตัว ? ดิฉันแกล้งนอนตื่นสายหน่อยเดียว โดนฟาดหัวแตกเลย"

ตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็โพนทะนากันว่า นางเวเทหิกาเป็นหญิงแม่บ้านที่ดุร้าย หยาบคาย ทำร้ายคนใช้จนหัวแตก นั่นต้องเรียกว่าเป็นคนแกล้งไม่โกรธ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-02-2016 เมื่อ 14:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 11-02-2016, 15:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนประเภทแกล้งโกรธนี่ อาตมาเจอมาจากหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะบางครั้งถ้าไม่แกล้งโกรธแล้ว คนเขาทำงานการไม่เรียบร้อย งานวัดจะเสียหาย

อาจารย์ปถัมภ์ เรียนเมฆ ตอนนั้นท่านเป็นบรรณาธิการหนังสือมหาจักรกับคนพ้นโลก ท่านได้ทิพจักขุญาณ ไปเจอหลวงพ่อวัดท่าซุงครั้งแรก อาจารย์ปถัมภ์เอาไปเขียนเชียร์จนเลิศลอยเลย “ไม่เคยเจอพระที่ไหนบารมีขนาดนี้ รัศมีของท่านสว่างไป ๓ โลกเลย สภาพจิตสว่างใสเช่นนี้ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น” อาจารย์ปถัมภ์แกฟันธงเลย

ครั้งต่อไปเจอหลวงพ่อกำลังด่าคนงาน อาจารย์ปถัมภ์ก็ตั้งใจดูจิต ปรากฏว่าคราวนี้มืดสนิท อาจารย์ปถัมภ์กลับไปเขียนลงหนังสือว่า “สงสัย
ว่าหลวงพ่อจะไม่ใช่พระอรหันต์ น่าจะเป็นพระโสดาบันเท่านั้น เพราะว่ายังด่าคนอยู่ ยังโกรธอยู่” เสียมวยไปเลย นึกแล้วก็ขำดี ฉะนั้น...ไปเจอคนแกล้งโกรธก็ไปคิดว่าโกรธจริง กับไปเจอคนแกล้งไม่โกรธก็ไปคิดว่าหมดความโกรธแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 11-02-2016, 15:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระพุทธเจ้าทรงเปรียบว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงบเสงี่ยมเรียบร้อย มีอาจาระคือความประพฤติอยู่ในร่องในรอย ไม่ได้หมายความว่าท่านเองจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อาจจะเป็นเพราะว่าสมบูรณ์ไปด้วยปัจจัย ๔ คือจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช ไม่เกิดแรงกระทบ ก็เลยไม่ได้แสดงออก แต่ถ้าผู้ใดก็ตาม อยู่ในสถานที่ที่ขาดแคลนด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัชแล้ว สามารถรักษาความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเอาไว้ได้ ภิกษุนั้นจึงน่าสรรเสริญ

เพราะฉะนั้น...อย่าไปไล่ตื้บกันหน้าร้านขายรองเท้า ทุเรศมาก ๆ เลย รองเท้าคู่เดียวจะเหยียบกันตาย ทุกวันนี้อาตมาก็ใส่แต่อีแตะ ใครซื้อรองเท้าหนังมาไม่ใส่หรอก รองเท้าหนังเหมาะสำหรับลูกวัด เจ้าอาวาสต้องใส่ที่ลุยน้ำได้ ขึ้นบกได้ รองเท้าหนังเคยใส่ออกธุดงค์ ไปได้หน่อยเดียวพังบรรลัยหมด เพราะลุยน้ำแล้วหลุดหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2016 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 11-02-2016, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนเป็นมะเร็งแล้วหมอบอกว่าจะอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายเขาก็มีชีวิตอยู่ต่อ ตรงนี้เป็นเพราะกรรมหรือบุญคะ ?
ตอบ : มีทั้งบุญรักษาและมีทั้งกรรมรักษา บุญรักษาก็ได้อยู่สร้างบุญสร้างกุศลต่อไป กรรมรักษาก็ทนทรมานต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2016 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 11-02-2016, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานใครดูคุณปู่มีชัยแถลงเรื่องร่างรัฐธรรมนูญบ้างไหม ? ประเภทถ้าไม่ยอมรับร่างนี้จะร่างใหม่ให้โหดกว่านี้ เป็นอาตมาจะไปเดือดร้อนอะไร ? ก็ร่างไปสิ ร่างมาก็คว่ำอีก เขาไปตั้งธงเอาไว้ ต้องโน่น...ระดับพระโสดาบันขึ้นไปถึงจะมาบริหารประเทศได้ตามรัฐธรรมนูญของเขา แล้วพระโสดาบันท่านก็ไม่มายุ่งกับเรื่องอย่างนี้หรอก

ดูจากรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ก็น่าจะรู้ว่าการที่เราไม่มีความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ ทำให้ร่างธรรมนูญมาแล้วติดตรงโน้น ขัดตรงนี้ ทำให้ไม่สามารถจะบริหารงานได้ มีการฟ้องศาลปกครองไม่พอ มีการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญอีก ยุ่งบรรลัยไปหมด กำหนดบทลงโทษให้ชัด ๆ ไปสิว่า ถ้าทำผิดแล้วจะลงโทษอย่างไร แล้วก็เชือดไก่ให้ลิงดูสักหน่อย ก็หมดเรื่องหมดราวไปแล้ว

ส่วนใหญ่รัฐธรรมนูญดีทั้งนั้นแหละ แต่อยู่ที่คนใช้ ในเมื่อคนใช้เขาไม่เห็นแก่ศีลแก่ธรรม ไม่เห็นแก่หน้าค่าชื่อ มีโอกาสกูจะโกง เพราะค่านิยมก็คือคนรวยคือคนดี...ก็บรรลัย

เรื่องง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญท่านไม่รู้ เพียงแต่ว่าเขามีการตั้งธงมาว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนยอมรับกันไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2016 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 12-02-2016, 14:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเรามีหลวงพ่อบุญหลายรูปด้วยกัน หลวงพ่อบุญองค์แรก ๆ เลย...รู้จักไหมว่าเป็นใคร ? องค์แรก ๆ เลยคือ หลวงพ่อบุญแห่งสุนาปรันตปะ ...(หัวเราะ)... ชื่อบาลีท่านชื่อปุณณะ ชื่อไทยก็คือบุญ

หลวงพ่อบุญเป็นชาวทวารวดีหรือที่สมัยโน้นเขาเรียก สุนาปรันตปะ ไปบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วขอมาจำพรรษาที่บ้านตัวเอง บ้านท่านช่วงนั้นก็อยู่ระหว่างราชบุรีกับเพชรบุรี

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ดูก่อน...ปุณณะ ชาวสุนาปรันตปะดุร้ายมาก ถ้าเขาด่าว่าเธอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เธอจะว่าอย่างไร ?” หลวงพ่อบุญกราบทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่า เขาด่าว่าก็ดีแล้ว ดีกว่าเขาตีเราด้วยมือพระเจ้าข้า”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าหากเขาทั้งหลายเหล่านี้ตีเธอด้วยมือ ?” "ถ้าอย่างนั้นก็ดีกว่าขว้างด้วยก้อนหินก้อนดินพระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “แล้วถ้าเขาขว้างด้วยก้อนหินก้อนดิน ?” "ก็ดีกว่าตีด้วยท่อนไม้
พระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “แล้วถ้าหากว่าเขาตีด้วยท่อนไม้ ?” "ก็ดีกว่าเขาฟันแทงด้วยศาสตราวุธ
พระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าเขาฟันแทงด้วยศาสตราวุธ ?” "ก็ดีกว่าเขาฆ่าเรา
พระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “แล้วถ้าเกิดเขาฆ่าเธอจริง ๆ เล่า ?”
ท่านบอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้าอึดอัดระอาในร่างกายนี้มาก ถ้าหากเขาเอาศาสตรามาฆ่าฟันจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องแสวงเองก็ถือว่าเป็นความดีของเขาพระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าทรงโมทนาสาธุ ตรัสว่า “ปุณณะ...ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ก็สามารถไปจำพรรษาที่สุนาปรันตปะได้”

พระปุณณะไปจำพรรษาที่นั่น สามารถยังความเลื่อมใสให้ชาวสุนาปรันตปะ ตามออกบวชมา ๕๐๐ รูป แล้วพรรษานั้นท่านก็บรรลุอรหัตผลพร้อมด้วยวิชชาสาม ฉะนั้น...หลวงพ่อบุญองค์แรกที่ดังที่สุดก็คือหลวงพ่อปุณณะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2016 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 12-02-2016, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อบุญถัดมาที่ดังจริง ๆ เลยก็คือ หลวงพ่อบุญ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐมบ้านเกิดของอาตมาเอง อาตมาไม่ทันท่านหรอก มาทันรุ่นหลวงปู่เพิ่ม จำได้ว่าตอนเรียน ป.๕-ป.๖ มีใบบอกสร้างพระของหลวงปู่เพิ่มไปที่โรงเรียน ให้ทำบุญองค์ละ ๒๐ บาท ตอนนั้นรู้สึกว่าแพงมากเลย เพราะก๋วยเตี๋ยวยังชามละบาทเดียวเอง แต่ว่าจริง ๆ แล้วอยากได้เบี้ยแก้ของท่าน มากกว่าที่จะอยากได้พระ

ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าพระดีอย่างไร ด้วยความที่วิสัยเด็กชอบเครื่องรางของขลัง ก็ไปสนใจเบี้ยแก้ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เป็นสหธรรมิกของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถระ) วัดสุทัศน์เทพวราราม ต้องบอกว่าเป็นรุ่นครูบาอาจารย์ สมเด็จพระสังฆราชวัดสุทัศน์ฯ ให้ความเคารพหลวงปู่มากเป็นพิเศษ

หลวงพ่อบุญถัดมาก็เจ้าคุณพระธรรมปาหังสนาจารย์ วัดประยุรวงศาวาส อดีตเสือเก่ามาบวช มีความรู้ความสามารถติดตัวมาชนิดรักษาตัวได้เลย พอมาบวชเป็นพระจึงดังเลย แล้วท่านก็กลายเป็นนักเทศน์ชื่อดังด้วย สอนเทศน์ให้กับหลวงพ่อวัดท่าซุง

ปัจจุบันก็มีหลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง ท่านเป็นเจ้าคุณแล้ว...ใช่ไหม ? ครั้งสุดท้ายที่พุทธาภิเษกร่วมกันท่านก็ออดแอด ๆ สุขภาพไม่ค่อยจะดีแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2016 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 12-02-2016, 15:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อจำเนียร วัดต้นเลียบ จังหวัดสงขลา เวลาคนไปเมาในวัด ท่านถึงขนาดคว้าดาบคว้าขวานไล่ฟันเขาเลย คนก็ไปด่าไปว่าท่าน ที่ไหนได้...พอท่านมรณภาพแล้วสังขารไม่เน่ามาจนทุกวันนี้

คนไปทำชั่วในวัด ท่านไม่อยากให้เขาทำ ท่านก็ต้องดุอย่างนั้น คนเราจะมองกันแค่ภายนอกไม่ได้ อย่างเมื่อครู่เพิ่งจะพูดให้โยมเขาฟัง เรื่องประเภทคนแกล้งโกรธ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น ลูกศิษย์ก็ไม่ยอมเอาดีสักที

อย่างตาหลวงจำเนียรมีใครเข้าวัดทำบุญที่ไหน เพราะพอเข้าไปก็ไปเมากัน ไปเล่นการพนันกัน ท่านก็คว้าดาบคว้าขวานไล่ฟันกระจายออกจากวัด คือให้เขาด่าท่าน ดีกว่าปล่อยให้เขาไปทำชั่วในวัด

ถ้าสังเกตดูว่าพระเหล่านี้ อาการป่วยทำอะไรท่านไม่ได้เลย ท่านไม่กระวนกระวาย ไม่อะไรกับใครทั้งนั้น เพราะท่านไม่เห็นความดีของร่างกายแล้ว อยากเป็นก็เป็นไป รักษาหายก็หาย ไม่หายก็ช่าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2016 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 12-02-2016, 21:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีใครอ่านข่าวที่เขาไปแย่งกันซื้อรองเท้าจะเหยียบกันตายบ้างไหม ? ราคาไม่ใช่ถูก ๆ นะ ไปนึกถึงตอนอาตมาเรียนปริญญาโทอยู่ มีนักศึกษาปี ๓ ของมหาวิทยาลัยเว้ ของเวียดนาม ๒๒ คนมาดูงาน นักศึกษาที่มาเป็นสาว ๆ ทั้งหมดเลย ปี ๓ อย่างเก่งก็อายุ ๒๐-๒๑ ปี แต่ไม่มีใครแต่งหน้าแม้แต่คนเดียว เขาตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันจริง ๆ ส่วนหนึ่งก็มาในชุดอ๋าวหย่ายซึ่งเป็นชุดประจำชาติของเขา ส่วนหนึ่งก็แต่งตัวตามวัยรุ่นปกติ นุ่งยีนส์บ้าง เสื้อยืดบ้าง แต่ไม่มีแบบเว่อร์วังอลังการแบบพวกเรา ต้องบอกว่าเด็กบ้านเราค่อนข้างจะไร้สาระ

เรื่องของการพัฒนาประเทศ ถ้าเด็ก ๆ ของเรายังเป็นแบบนี้ รับรองว่าบ้านเรารั้งท้ายอาเซียนแน่นอน ตามใครไม่ทัน ที่ตามเขาไม่ทันเป็นเพราะว่าบ้านเราเลี้ยงลูกผิด คือมักจะโอ๋ลูกจนเกินเหตุ เลี้ยงแบบไข่ในหิน เด็กลำบากไม่เป็น แล้วเขาต้องการอะไรก็ขวนขวายมาประเคนให้ลูก เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ก็เลยทุ่มเทด้วยการให้เงินให้ทองแทน เด็ก ๆ จึงเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่

คราวหน้าลองเปลี่ยนให้รู้จักขัดใจเด็กบ้าง เขามีคลิปวีดิโอมาให้ดู ลูกขอซื้อไอโฟนแต่พ่อไม่ให้ ลูกลงไปนอนดิ้นกลางสี่แยก เด็กโตจนเป็นสาวแล้วลงไปดิ้นกลางสี่แยก ถ้าเป็นอาตมาก็อาจจะขับรถทับซ้ำไปเลย...! แต่ที่โลกโซเชียลเขาด่าคือพ่อใจไม่แข็งพอ ไปซื้อให้ เดี๋ยวคราวหน้าเขาก็ดิ้นใหม่อีก

ฉะนั้น...รองเท้าคู่หนึ่งราคาหกพันเจ็ดพันบาท ถ้าสมมติว่าพ่อแม่มีค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เดือนหนึ่ง ๙,๐๐๐ บาท ซื้อรองเท้า ๖,๙๙๐ บาท แล้วจะเหลืออะไรกิน ? เด็กบ้านเราฟุ้งเฟ้อ ไหลตามกระแสไม่ลืมหูลืมตา ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นสาระแก่นสารในชีวิต

เรื่องของการเรียนการศึกษา ที่ต้องถือว่าเป็นพื้นฐานที่ตนเอง จะต้องเอาไปทำมาหากินตลอดชีวิต กลับไม่ได้ตั้งใจเรียน ไปตั้งหน้าตั้งตาเขี่ยไลน์ คบเพื่อนสนทนาไร้สาระ กินอาหารร้านแพง ๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กอวดกัน บางคนกินอาหารมื้อหนึ่งบ้านคนจนกินได้ปีหนึ่งเลยก็มี”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2016 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 12-02-2016, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(สนทนากับพระที่เรียนบาลี) "คุณต้องทุ่มเททั้งปี ไม่ใช่มาเร่งเอาตอนท้ายไม่กี่วัน ไม่กี่วันเราเร่งไม่ขึ้นหรอก อย่างไรอย่าให้เสียท่ารุ่นน้องนะ พระที่ไปเรียนที่นครปฐมนี่กะเหมาสอบผ่านทั้งชุดเลย โดยเฉพาะท่านไบรท์ พระอาจารย์ชมแล้วชมอีก ไบรท์สมชื่อเลย

ต้องท่องจนแตกฉานจริง ๆ ชนิดว่าเอาศัพท์ไหนมาต้องแยกได้หมด ผมเองท่องตอนแรก ๆ ก็ไม่เข้าใจ ท่อง ๆ ไปอยู่ ๆ ก็แตกโป๊ะขึ้นมา เหมือนจะเข้าใจเอง แล้วรู้เลยว่าทั้งหมดต้องทำอย่างนี้ ชุดนี้ต้องทำอย่างนี้ ๆ แสดงว่าเรื่องของการอ่านหนังสือ จะอ่านรอบเดียวไม่ได้ ต้องซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำจนเข้าใจจริง ๆ

คนไปเรียนนี่เครียดหัวหงอกเลย ขนาดท่องหนีอาจารย์แล้วหนีอาจารย์อีก ก็หนีไม่พ้นสักที ผมถึงเคยแนะนำไว้ว่าให้ท่องหนีอาจารย์ไว้เยอะ ๆ เลย ถ้าปล่อยให้อาจารย์ไล่ทันนี่นรกแตกแน่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-02-2016 เมื่อ 07:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 13-02-2016, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ร่างกายก็เป็นแต่ธาตุสี่ เวลาแยกจากจิตแล้ว ทำไมต้องพัก ?
ตอบ : ต้อง...เมื่อเกิดความล้าก็แสดงให้เราเห็นว่าจะต้องพักแล้ว คราวนี้สภาพความอดทนของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางคนพักผ่อนน้อยก็อยู่ได้ บางคนก็ต้องมากหน่อย

ถาม : จริง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับ....
ตอบ : ความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ อย่างที่เราเล่นกีฬาแล้วกรดแลคติกออกมาเยอะ ลักษณะการใช้แล้วสูญเสียก็เลยต้องมีการทดแทน พูดง่าย ๆ ก็คือว่าขณะที่ร่างกายทรุดโทรมลง ก็มีการซ่อมเสริมตัวเอง ช่วงพักก็คือเวลาซ่อม

ถาม : ถ้าเราทิ้งร่างกายที่แยกออกจากจิตไว้ได้ ร่างกายจะซ่อมเองไหมคะ ?
ตอบ : ซ่อม...อย่างไรเขาก็ทำหน้าที่ของเขา เพราะว่าเรามีกล้ามเนื้อที่นอกเหนือการควบคุม อย่างเช่นการเต้นของหัวใจ เราบังคับเขาไม่ได้หรอก เขาทำของเขาเอง

ถาม : จริง ๆ แล้ว ร่างกายก็พังของมันอยู่ ก็ซ่อมของมันอยู่ ตามสภาพการปรับสมดุลของธาตุสี่ เราแยกจิตทิ้งมันไปได้นานแค่ไหนคะจึงจะเน่า ?
ตอบ : อยู่ที่ว่ากำลังสมาธิพอที่จะรักษาได้ไหม ? ถ้าสมาธิรักษาได้ จะไปกี่ปีก็ไปเถอะ

ถาม : แสดงว่าร่างกายกับจิต มีอะไรผูกกันอยู่ ?
ตอบ : ยังผูกกันอยู่ ร่างกายจะมีปราณละเอียดหล่อเลี้ยงอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2016 เมื่อ 20:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 13-02-2016, 22:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกผักผลไม้ต่าง ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่ามีฤทธิ์ร้อน ฤทธิ์เย็น หรือเป็นกลางครับ ?
ตอบ : ก็ศึกษาหน่อยสิครับ พวกฟักแฟงแตงน้ำเต้านี่ฤทธิ์เย็นทั้งหมดแหละ

ถาม : อย่างลำไยสดก็ร้อน ถ้าตากแห้งก็เย็น ?
ตอบ : ศึกษาเอาสิวะ ตำราก็มี สมัยนี้น่าจะโหลดได้แล้ว

ถาม : ขออย่างคร่าว ๆ ครับ ?
ตอบ : ประเภทอวบน้ำส่วนใหญ่จะเย็น ต่อให้เป็นผักก็เถอะ อย่างเช่นผักกาดขาวเย็นแน่นอนเพราะอวบน้ำ ผักบุ้ง ผักกาดขาว

ถาม : แล้วพวกพืชมีหัวที่อยู่ในดินละครับ ?
ตอบ : พืชมีหัวถ้าไม่ใช่ธาตุกลางก็ธาตุร้อนไปเลย เพราะว่าพืชมีหัวอย่างขิง ข่า กระชายจะร้อน แต่ถ้าหากว่าพืชดินมีหัวอย่างพวกเผือก มัน จะเป็นธาตุกลาง

ถาม : มะม่วง ?
ตอบ : กลาง

ถาม : แล้วรสมีผลไหมครับว่าหวานมากหวานน้อย ?
ตอบ : หวานมากก็ร้อน

ถาม : องุ่นเย็นไหมครับ ?
ตอบ : ฤทธิ์ร้อน

ถาม : องุ่นอมน้ำนี่ครับ ?
ตอบ : จำคำว่าส่วนใหญ่ได้ไหม ? องุ่นลองกินไปสักพวงใหญ่ ๆ จะร้อนในขี้ตาแห้งไปเลย ค่อย ๆ จำเอาทีละอย่าง โดนแล้วก็เข็ดจนจำไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-02-2016 เมื่อ 19:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 14-02-2016, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ป่วยอีกแล้ว ไปดูงานกลับมาก็ป่วย ?
ตอบ : จะไม่ให้ป่วยเลยก็ต้องเลิกเกิด แก่แล้วจะไม่ให้ป่วยบ้างก็เกินไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว