กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 20-08-2012, 06:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในกรณีมีแต่ความทุกข์ จะบรรเทาความทุกข์อย่างไร ?
ตอบ : แค่เลิกแบกก็จบแล้ว ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์เพราะเราไปแบกอยู่ เห็นว่าเป็นของกู ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของกู มาสรุปท้ายก็คือ ตัวนี้ก็ตัวของกู ในเมื่อทุกอย่างเป็นของกู แบกอยู่ทุกอย่างกูก็เลยทุกข์แทบตาย ถ้าเลิกเห็นความเป็นของกูเมื่อไรก็จะเบาลงไปเรื่อย ๆ ต้องบอกว่าทุกข์เพราะไปยึด

ความจริงหลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเหมาะกับบุคคลทุกระดับชั้น เพราะว่าปุถุชนก็มีหลักธรรมสำหรับปุถุชนอยู่ พระอริยเจ้าก็มีหลักธรรมของพระอริยเจ้าอยู่ เพียงแต่ว่าพวกเราขาดการศึกษาเรียนรู้อย่างหนึ่ง และศึกษาเรียนรู้ไปแล้วไม่ได้ซักซ้อมใช้งานให้คล่องตัวอีกอย่างหนึ่ง ในเมื่อไม่ได้ซักซ้อมใช้งานให้คล่องตัว เวลาความทุกข์เกิดขึ้นก็มัวแต่ไปจมอยู่กับความทุกข์ พกอาวุธอยู่เต็มตัวแต่ลืมใช้งาน ก็สู้ข้าศึกไม่ได้สักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 20-08-2012, 06:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอฤกษ์แต่งงานค่ะ
ตอบ : จะเลิกกันแล้วหรือ ? ยังไม่ทันจะแต่งเลย ..(หัวเราะ).. คงต้องเลยพรรษาไปแล้วนะ เพราะในพรรษาเขาไม่นิยมแต่งงานกัน รอให้ออกพรรษาก่อน

วันที่ ๑๔ ธันวาคม ตรงกับวันศุกร์ อมฤตโชค ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ทันไหม ? ถ้าไม่ทันเดี๋ยวดูฤกษ์ให้ อีก ๓ ปีข้างหน้าก็แล้วกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 15:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 20-08-2012, 06:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เคยได้ฌาน จะทรงอยู่อย่างนั้นหรือคะ ?
ตอบ : มะเหงกแน่ะ..! เผลอเมื่อไรฌานก็เสื่อม ได้ฌานแล้วต้องซักซ้อมให้คล่องตัวอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นก็จะเสื่อม รักษายังรักษาไม่ไหวเลย แล้วจะก้าวหน้าได้อย่างไร ? ยกเว้นว่ามีความเพียรพยายามอยู่อย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติต่อเนื่องตามกันแล้วจะมีความก้าวหน้า ก้าวขึ้นไปสู่ระดับสูงกว่าเดิมได้ ถ้าไม่ได้ทำต่อเนื่องแล้วไม่ต้องไปฝันเลย มีแต่ถอยหลังอย่างเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 20-08-2012, 06:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ปู่ ย่า ตา ยาย มักเสร็จหลาน ๆ หมด ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวกูของกูชัด ๆ เลย อยู่คนเดียวไม่ได้ รู้สึกเหงา ไม่มีลูกคอยเอาใจก็ต้องไปเลี้ยงหลานแทน ไม่มีหลานเดี๋ยวก็ไปเลี้ยงหมาแทน

ในธรรมบทมีเรื่องไม้เท้าของคนเฒ่าดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู พราหมณ์คนหนึ่งเป็นเศรษฐี พอแบ่งสมบัติให้ลูกแล้ว ไม่มีลูกคนไหนเลี้ยง ปล่อยแกให้ไปเป็นขอทาน
คือ พ่อแม่ให้สมบัติเท่า ๆ กัน พอไปอยู่กับเขา เขาต้องเลี้ยงดู ทำให้สมบัติลดน้อยถอยลง ได้ไม่เท่ากับพี่น้อง ก็เลยไม่อยากเลี้ยงพ่อแม่

พอพราหมณ์ไปเจอพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านจึงแนะนำว่าให้ไปเล่าเรื่องนี้ในท่ามกลางที่ชุมชน แล้วก็ตอกย้ำคำว่า "ไม้เท้าของคนเฒ่า ดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้" พอแกไปเล่าบรรดาลูก ๆ ได้ยินแล้วอาย ในที่สุดก็รับพ่อกลับไปเลี้ยงใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 15:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 21-08-2012, 07:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องคุณปู่ ไป่ ฟาง ลี่ ว่า "คุณปู่ไป่ ฟาง ลี่ ขี่สามล้ออยู่ที่เมืองเทียนจิน อดมื้อกินมื้อ รวบรวมเงินทั้งหมดให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ประมาณ ๑ ล้าน ๗ แสนบาท เนื่องจากว่าคุณปู่ไปเจอเด็กชายอยู่คนหนึ่ง อายุประมาณ ๖ ขวบ คอยช่วยบริการถือของไปส่งคนอื่น ของบางอย่างก็หนักแทบจะเกินกำลัง เด็กก็พยายามจะหอบหิ้ว เขาก็ให้เงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าตอบแทน

พอถึงเวลาเด็กคนนั้นก็ไปคุ้ยขยะหาเศษอาหารกิน คุณปู่ก็สงสัย ถามเด็กว่าทำไมไม่เอาเงินไปซื้ออาหารกิน เด็กบอกว่ายังต้องเลี้ยงน้อง พ่อแม่ทิ้งแกกับน้องไป น้องยังตัวเล็กทำงานไม่ได้ เพราะฉะนั้นได้เงินมาต้องไปซื้ออาหารให้น้อง ตัวเองต้องไปคุ้ยถังขยะ มีอะไรพอกินได้ก็กิน




คุณปู่ก็เลยเอาเด็กคนนั้นขึ้นสามล้อไปที่บ้าน ไปเจอกระท่อมสับปะรังเคโย้เย้ใกล้พัง คุณปู่ก็เลยพาทั้งพี่ทั้งน้องไปส่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็เอาเงินสะสมที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมดมอบให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อเป็นค่าอาหารเด็ก และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาคุณปู่ขี่สามล้อได้เงินมาเท่าไร ก็เหลือไว้แค่ซื้อซาละเปา ๒ ชิ้นสำหรับมื้อเที่ยง และเนื้อกับไข่สำหรับมื้อเย็น ที่เหลือมอบไว้ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 21-08-2012, 07:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คุณปู่ขี่สามล้อจนกระทั่งอายุ ๙๐ ปี จึงมอบเงินก้อนสุดท้ายให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ปู่บอกว่าไม่ไหวแล้ว ขี่สามล้อไม่ไหว น่าจะเป็นเงินก้อนสุดท้าย ปรากฏว่าคุณปู่ก็ยังอยู่ต่ออีก ๓ ปี จึงได้เสียชีวิต งานศพของคุณปู่มีเด็กนักเรียนแห่กันไปหลายร้อยคน คุณปู่ไม่รู้ว่าเงินที่มอบให้ทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น เขาจัดสรรให้เป็นค่าอาหารเด็กคนไหน ให้เป็นค่าเล่าเรียนเด็กคนไหน แต่ปรากฏว่ามีเด็กจำนวนมหาศาลเลยที่ได้รับ ในงานศพของคุณปู่เด็กจึงไปร่วมงานกันเยอะแยะ ไม่ต้องกลัวว่าอยู่คนเดียวจะไม่มีใครจัดงานศพให้




ตอนนี้ปู่กลายเป็นอมตชน ตัวตายแต่ชื่อยัง เพราะทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอารูปคุณปู่ติดเอาไว้ในฐานะผู้มีอุปการคุณใหญ่ เด็ก ๆ มาโรงเรียนก็ต้องไปไหว้รูปคุณปู่ก่อน

ตอนนี้ซื้อหนังสือเล่มหนึ่งเมื่ออาทิตย์ก่อนยังไม่ได้อ่าน ชื่อ เฉิน ซู่ จวี๋ แม่ค้าผัก..ผู้ให้ยิ่งใหญ่ ได้ยินแค่ชื่อก็ซื้อเลย อยากรู้ว่าแม่ค้าผักทำอะไรที่ยิ่งใหญ่บ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 21-08-2012, 08:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การอุทิศส่วนกุศล.... ?
ตอบ : การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลนั้น พระเจ้าพิมพิสารทำเป็นคนแรก ท่านเคยชินกับธรรมเนียมพราหมณ์ที่ว่า การให้อะไรใครก็เอาน้ำเทรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอ แต่พออุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่ตายไปแล้ว เขาไม่ได้ยื่นมือมาให้เห็น ท่านไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยเทรดมือตัวเอง พวกเราไม่รู้ที่มาที่ไปก็เทรดมือตัวเองต่อกันมาเรื่อย ๆ

ความจริงแล้วแค่เราคิดว่า กุศลที่เราทำทั้งหมดนี้ขออุทิศให้แก่ใคร เจาะจงชื่อนามสกุลไปเลยก็ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องไปกรวดน้ำเป็นคูลเลอร์แบบคุณยายในเว็บหรอก


ถาม : ถ้าเราอุทิศกุศลให้คนอื่น กุศลของเราจะหมดหรือไม่ ?
ตอบ : พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าเราตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้คนอื่น เปรียบเหมือนเราก่อไฟขึ้นมาแล้วอนุญาตให้เขาต่อไฟไปใช้ได้ กองไฟของเราไม่ได้ลดความสว่างลง แต่ความสว่างเพิ่มขึ้นจากการที่ตัวเองให้เขาก่อกองไฟต่อไป

การที่เราจะให้เขาได้จิตเราต้องประกอบไปด้วยเมตตาบารมี ในเมื่อจิตประกอบด้วยเมตตาบารมี บุญใหญ่ก็เกิดขึ้น แทนที่จะหมดก็มีแต่มากจะขึ้นเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 21-08-2012, 08:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า เพราะปฏิบัติได้น้อย จะใช้กำลังใจอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็แค่ถามใจตัวเองว่า อยากขึ้นสวรรค์หรืออยากลงนรก..!

ถาม : รู้สึกว่าไม่อยากลงนรก ?
ตอบ : เรื่องของการปฏิบัติจริง ๆ แล้วจะต้องมีเทคนิคเฉพาะตัว คนอื่นให้ได้เฉพาะคำแนะนำเฉย ๆ อาจจะเป็นได้ว่าเราเห็นประโยชน์เราจึงปฏิบัติธรรม หรือเราเห็นโทษของสิ่งที่ไม่ดีแล้วเราจึงปฏิบัติธรรม

สำคัญตรงที่ว่า ถ้าสมาธิเริ่มทรงตัว จะไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ แต่ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว ทำเมื่อไร ๆ ก็ได้เท่านั้น ก็จะรู้สึกเบื่อ ดังนั้น..ให้เราเน้นในเรื่องของลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ พอใช้คำภาวนา การจับลมหายใจเข้าออกเริ่มทรงตัว ตัวปีติจะเกิด ถ้าปีติเกิด เราจะไม่ค่อยอยากจะหยุดปฏิบัติหรอก อยากทำไปเรื่อย ๆ

ไปเน้นเรื่องลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก พออารมณ์ใจทรงตัวเดี๋ยวก็ดีเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 21-08-2012, 08:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าปฏิบัติแล้วอยากได้บุญ ไม่ถือว่าเป็นกามฉันทะหรือคะ ?
ตอบ : ให้เป็นไปก่อน เพราะถ้าเราไม่เกาะดีก่อน ก็จะไม่มีอะไรให้วาง เราต้องละชั่วเกาะดีก่อน ท้ายสุดถึงจะปล่อยดีทีหลัง ขึ้นบันไดต้องเกาะราว แต่ถ้าขึ้นไปถึงชั้นบนเมื่อไรก็ปล่อยราวบันไดโดยอัตโนมัติ

ถาม : ช่วงนี้ปฏิบัติเพราะอยากได้บุญ รู้สึกว่ามีความโลภ ?
ตอบ : ตำราใครวะ..! ทำแล้วไม่อยากได้ดี แล้วจะทำไปทำซากอะไร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 21-08-2012, 08:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ สัตว์ที่อยากเลี้ยงมากที่สุดก็คือเหี้ย แต่เป็นเหี้ยจอมโหดที่เขาเรียกว่า เหี้ยเห่าช้าง เห่าช้างเป็นเหี้ยที่พองคอขู่ได้ เขาเชื่อว่ามันร้ายขนาดกัดช้างยังล้ม


เห่าช้าง

อาตมารู้จักเห่าช้างครั้งแรกที่เขาดิน ไปเที่ยวเขาดินครั้งแรกในชีวิต เดินดูสัตว์ไปเรื่อย ไปเจอป้ายเขาเขียนว่าเหี้ยเห่าช้าง ก็เข้าไปดู เห็นเหมือนกับตะกวดตัวใหญ่ ๆ ตะกายอยู่บนดอกเห็ด เขาทำดอกเห็ดด้วยซีเมนต์ แล้วอยู่ใกล้ขอบบ่อ อาตมาก็เลยเอื้อมมือเข้าไปหา เห่าช้างก็ไต่ขึ้นมือมา อาตมาก็อุ้มเล่น พอเจ้าหน้าที่เห็นถึงกับตาค้างไปเลย เพราะเขาเชื่อว่าเห่าช้างร้ายขนาดกัดช้างยังตาย แล้วไอ้เด็กบ้านี่ดันไปอุ้มเอาไว้

อาตมาก็พาซื่อ เห็นว่าน่ารักดี ไม่ได้เห็นว่าดุ เจ้าหน้าที่เขาโวยวายใหญ่จึงต้องปล่อยคืนไป เขาก็คลานลงบ่อแต่โดยดี ทุกวันนี้อาตมาก็ไม่รู้ว่าเหี้ยเห่าช้างดุจริงหรือเปล่า ? แต่พวกพรานล่าสัตว์เคยบอกว่า โดนไล่วิ่งจนเตลิดเปิดเปิงมาหลายคนแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 17:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 21-08-2012, 08:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แถวบ้านอาตมาไม่มีเห่าช้าง เพราะเห่าช้างนั้นหายาก หายากพอ ๆ กับตุ๊ดตู่ ตุ๊ดตู่ก็เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับพวกเหี้ย เพียงแต่ตัวเล็กกว่าและสีจัดจ้านกว่ามาก


ตุ๊ดตู่

อาตมาก็เคยเลี้ยงตะกวดอยู่พักหนึ่ง เผลอหน่อยเดียวผู้ใหญ่เขาเอาไปผัดเผ็ดเสียนี่ ความจริงพวกเหี้ยหรือตะกวดเลี้ยงง่ายมาก พวกนี้กินเศษอาหาร เวลาแม่เจียวน้ำมันหมู พอเอากากหมูโยนลงไป ก็มารุมกินกัน หรือวันไหนซื้อลูกชิ้นปิ้งมาก็แบ่งให้เขากิน

เห่าช้างเขาว่ากินไม่ได้เพราะว่าหนังมีพิษแบบคางคก เห่าช้างฝรั่งเรียกว่า Rough neck monitor คอจะเป็นเม็ด ๆ เล็ก ๆ เห็นชัด ๆ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 21-08-2012, 08:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บ้านจะถูกไล่ที่ ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องบ้าน จะหาบ้านใหม่ ?
ตอบ : บนพระวิสุทธิเทพก็ได้จ้ะ รักษาศีล ๘ สัก ๗ วัน พระวิสุทธิเทพคือพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน จุดธูป ๕ ดอกปักกลางแจ้ง นึกถึงท่าน ขอให้ท่านสงเคราะห์ให้ได้บ้านภายในกี่วันก็ว่าไป ถ้าได้บ้านภายในเวลาที่กำหนดเราจะถือศีล ๘ ถวายท่าน ๗ วัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 21-08-2012, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะไปสัมภาษณ์งานค่ะ อยากได้มาก ?
ตอบ : อันดับแรก..ไปวัดแล้วขัดส้วม เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วไปอธิษฐานกับพระประธานของานกับท่าน อันดับที่สอง..บนพระวิสุทธิเทพ จุดธูป ๕ ดอก นึกถึงพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ของานกับท่าน ถ้าได้แล้วให้รักษาศีล ๕ หรือ ศีล ๘ พร้อมเจริญกรรมฐานถวายท่าน ๗ วัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 21-08-2012, 08:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ก่อนออกจากบ้านมา น้องชายถามว่าทำบุญแล้วดีอย่างไร นอกจากความสบายใจ ?
ตอบ : นั่นสิ..ทำบุญแล้วดีอย่างไรนอกจากเสียเงิน ในเรื่องของบุญ ส่วนใหญ่ทำแล้วผลเห็นในโอกาสข้างหน้า ไม่ได้เห็นทันตา ยกเว้นบุญบางประเภทที่หาโอกาสทำได้น้อยในปัจจุบัน คราวนี้การที่เราทำแล้วไม่เห็นผลทันตา เราก็ต้องมีความเชื่อก่อนว่า เรื่องของการทำความดีนั้นมีสวรรค์ มีพรหม มีพระนิพพานรองรับอยู่ การทำความชั่วนั้นมีสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานรองรับ แต่คราวนี้เราไม่เห็น

ถามว่าจะให้เชื่ออย่างเดียวได้อย่างไร ? เราก็มาเปรียบเทียบอย่างง่าย ๆ ว่า ถ้ากิจการเราทำแล้วมีกำไรกับเสมอตัว กับกิจการอีกอย่างหนึ่งทำแล้วมีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว เราควรเลือกทำอย่างไหน ? ที่ว่าหากนรกสวรรค์มีจริง เราทำความดีก็กำไร เพราะว่าเราก็ไปดี แต่ถ้านรกสวรรค์ไม่มี เราทำดีก็แค่เสมอตัว เพราะไม่ได้อะไร
ถ้าไม่มีนรกสวรรค์ เราทำชั่วเราก็แค่เสมอตัว แต่ถ้านรกสวรรค์มีจริง เราทำชั่วเราก็ขาดทุน..เพราะลงข้างล่างเลย

เพราะฉะนั้น..สิ่งหนึ่งทำแล้วเสมอตัวกับกำไร กับทำแล้วเสมอตัวกับขาดทุน เราควรจะเลือกทำอะไร ? อันนี้คือบอกเขาให้คิดแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 21-08-2012, 08:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ในส่วนของบุญนั้น คนที่เกิดมาประกอบไปด้วยกิเลสใหญ่ คือ รัก โลภ โกรธ หลง การทำบุญต่าง ๆ เป็นการตัดตัวโลภ คือสิ่งที่เราอยากได้หรือควรจะได้ เราพยายามสละให้คนอื่นเขา ทำให้เราเบากายเบาใจ รู้จักสละออก แบ่งปันคนอื่น เกิดความสบายใจขึ้นมา เพราะว่าเราให้ใครเขาก็รักเรา ในเมื่อเราเป็นที่รักของคนอื่น เราจะไปที่ไหนก็ได้ เมื่อเกิดความสบายใจขึ้นมาเราเรียกว่าบุญ

แต่คราวนี้บุญที่ต้องการจริง ๆ นั้น ก็คือบุญที่เราให้เพื่อเป็นการตัด ละ รัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เป้าหมายใหญ่มหึมามาก เราก็ดูให้ใกล้ ๆ ของเราว่า ถ้าเราทำแล้วเราเกิดความสบายใจเราก็ทำ ขณะเดียวกันเรื่องของบุญไม่ใช่ว่าทำมากแล้วจะดี สำคัญตรงกำลังใจในการสละออก ถ้าตั้งใจสละออก ถึงทำน้อยก็ได้บุญมาก ถ้าสักแต่ว่าทำไป ถึงทำมากก็ได้บุญน้อย เพราะเจตนาไม่ครบ ความมุ่งมั่นไม่มี ทีนี้พอรู้หรือยังว่าเขาทำกันอย่างไร ?

ถาม : เมื่อก่อนทำบุญแล้วรู้สึกมีปีติ แต่ช่วงหลัง ๆ มารู้สึกเฉย ๆ ไม่แน่ใจว่าสักแต่ว่าทำหรือเปล่า ?
ตอบ :
การที่เราทำไปนาน ๆ จะเกิดความเคยชิน ความเคยชินภาษาบาลีเขาเรียกว่า ฌาน จิตที่ทรงฌานจะก้าวข้ามปีติไปแล้ว รู้แต่ว่าสิ่งนี้สมควรทำเราจะทำ ไม่เหลือปีติไว้แล้ว แต่เป็นฌาน กำลังใจสูงขึ้นไม่ได้ต่ำลง ถ้ากำลังใจต่ำลง คือไม่คิดจะทำอีก แต่ทีนี้เรายังทำเป็นปกติ เพียงแต่ก้าวข้ามปีติไปกลายเป็นฌาน ก็เลยกลายเป็นว่าทำก็ไม่รู้สึกหรือสาอะไร เพราะเคยชินไปแล้ว

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 12:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 22-08-2012, 07:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หมอตรวจพบว่า คุณพ่อเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด ?
ตอบ : ไปวัดหลวงปู่ธรรมชัยที่อำเภอแม่แตงถูกไหมจ๊ะ ? ไปหาหลวงพี่สมศักดิ์ หลวงปู่ธรรมชัยเคยมียาที่เกี่ยวกับพวกฟอกเลือด กินแล้วแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้ หลวงพี่สมศักดิ์ท่านสืบทอดตำรามาจากหลวงปู่

ถาม : ควรไปเมื่อไร ?
ตอบ : ไปเมื่อไรก็ได้จ้ะ ท่านอยู่เกือบตลอด แต่เว้นช่วงต้นเดือนนิดหนึ่งเพราะได้ยินว่าท่านลงมารับสังฆทานแถว ๆ สมุทรปราการอยู่เหมือนกัน หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็มี ชื่อวัดทุ่งหลวง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2012 เมื่อ 10:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 22-08-2012, 07:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายคนอาศัยช่วงวันหยุดยาว ๆ ออกต่างจังหวัดกัน แต่ฝนฟ้าตกไม่เป็นเวล่ำเวลา ขับรถก็อันตราย ถึงเราไม่ไปชนเขา แต่เขาเองอาจจะมาชนเรา เมื่อสองอาทิตย์ก่อนอาตมามาสอนหนังสือที่วัดไร่ขิง พอเลี้ยวเข้าถนนปิ่นเกล้า - พุทธมณฑล รถติดเป็นชั่วโมงเลย เพราะว่ารถฝั่งตรงข้ามกระโจนข้ามมาชนเสาไฟ ล้มขวางถนนทั้งต้น กว่าเขาจะมายกออก รถติดกันจนลืมโลกไปเลย แปลว่าต่อให้เราขับรถด้วยความปลอดภัย คนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยกับเราด้วย

อาตมามีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ พอขึ้นรถเมื่อไรก็รีบภาวนาไว้ก่อน เผื่อเหนียวเอาไว้ ถ้าชนตูมเดียวเงียบไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาตั้งท่านาน

ช่วงนี้ตอนบิณฑบาตฝนตกทุกวัน พอเดินถึงหัวสะพานก็ต้อง "นิพพานัง สุขัง" ไว้ก่อน เพราะไฟฟ้าตรงนั้นรั่ว พระวัดท่าขนุนเดินผ่านตรงนั้นโดนทุกรูป แจ้งการไฟฟ้าไปแล้ว เขาหาไม่เจอว่าตรงไหนที่รั่ว เพราะเขามาตอนที่ฝนไม่ตก ตอนฝนตกเขาไม่มาดู

พอพระเดินผ่านตรงนั้นก็เด้งดึ๋งกันทุกรูป อาตมาก็จะแปลกใจว่าพระทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรหรอก โดนไฟดูดจนกระเด้งเอง ถ้าโยมถามว่าอาตมากลัวไหม ? อาตมาไม่กลัวหรอก แต่พระที่เดินตามมากลัวแน่ ๆ เผอิญว่าเขากลัวเจ้าอาวาสมากกว่า ก็เลยต้องกัดฟันเดินตาม..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2012 เมื่อ 10:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 22-08-2012, 07:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน ฉะนั้น..ถ้าใครที่พ่อแม่ยังอยู่ พยายามทดแทนท่านด้วยนะจ๊ะ ต่อให้ไม่มีอะไรพาท่านไปเที่ยวก็ยังดี หาอะไรที่ท่านชอบให้กินบ้าง พาไปวัดวาอารามที่สวยงามบ้าง เพื่อที่จะได้ติดตาติดใจท่าน เวลาปุบปัปท่านเป็นอะไร ใจท่านเกาะความดีอยู่จะได้ไปดี

เราเห็นคนแก่แล้วรู้สึกสลดใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องมองให้เห็นด้วยว่าเราก็จะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเราก็จะเป็นเช่นนั้น เวลาจะทำอะไรก็ลำบากกว่าปกติหลายเท่า ก็แปลว่าความทุกข์ที่มีอยู่นั้นเท่าเดิม แต่เมื่อทำอะไรยากขึ้นก็เท่ากับว่าทุกข์มากขึ้น

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในสังสารวัฏที่หาต้นหาปลายไม่ได้นั้น คนเราเกิดมานับชาติประมาณไม่ได้ ท่านให้ตัดเอาต้นไม้ใบหญ้าทั้งชมพูทวีปมา เสร็จแล้วมามัดเป็นฟ่อนเล็ก ๆ สมมติว่านี่คือพ่อ นี่คือพ่อของพ่อ นี่คือพ่อของพ่อของพ่อ ไล่ไปเรื่อย ท่านบอกไม่มีที่สุด จนกระทั่งไม้หมดทั้งชมพูทวีปแล้ว ก็ยังไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้ว่าเราเกิดสืบเนื่องกันมานานเท่าไร มีพ่อแม่ของพ่อแม่ของพ่อแม่ซ้อนกันมาเท่าไร

บางคนก็เกิดมาเป็นลูก บางคนก็เกิดมาเป็นพ่อแม่ บางคนก็เกิดมาเป็นพี่น้อง เป็นญาติเป็นโยม สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย หาความแน่นอนไม่ได้ มีแน่นอนอยู่อย่างเดียว คือเกิดมาแล้วทุกข์แน่ ๆ เพราะพระองค์ท่านเห็นว่าทุกข์ จึงได้ขวนขวายหาทางหลีกหนี แล้วในที่สุดก็ค้นพบหลักธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2012 เมื่อ 10:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 22-08-2012, 08:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระองค์เอาชีวิตเข้าแลก จนกระทั่งได้หลักธรรมนี้มาสั่งสอนพวกเรา ทรงทรมานพระวรกายด้วยวิธีการต่าง ๆ ถ้าเป็นคนอื่นก็ตายไปหลายรอบแล้ว พระองค์ท่านต่อสู้ฟันฝ่าด้วยกำลังพระทัยที่แน่วแน่ ว่าจะค้นหาโมกขธรรมคือธรรมอันเป็นเครื่องพ้นจากกองทุกข์ เมื่อพบแล้วก็ไม่ใช่จะเอาแต่พระองค์ท่านรอดเท่านั้น ยังตั้งพระทัยว่าจะขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสารด้วย

วัฏสงสาร หรือ สังสารวัฏ คำว่า วัฏฏะ แปลว่า การหมุนวน การหมุนวน ก็คือ ความหมายของคำว่าไม่มีที่สิ้นสุด มองต้นมองปลายไม่เห็น ขีดวงกลมขึ้นมาแล้วจะไปหาต้นหาปลายที่ไหนเล่า ? เพราะหมุนไปเรื่อย พวกเราเองก็เวียนตายเวียนเกิดไปเรื่อย ๓๑ ภพภูมิเกิดมาจนครบแล้วกระมัง ? อาตมาขาดไป ๑ ภพภูมิ คือยังไม่เคยลงโลกันตนรก นอกนั้นไปเยี่ยมมาหมดแล้ว บางที่ติดใจก็ไปหลายรอบ ลงหลายหนหน่อย

สังสารวัฏแบ่งเป็นภพภูมิเบื้องต่ำ เรียกว่าเหฏฐิมสงสาร ภพภูมิเบื้องกลางเรียกว่ามัชฌิมสงสาร ภพภูมิเบื้องสูงเรียกว่าปุริมสงสาร ภพภูมิเบื้องต่ำท่านบอกว่ามีสัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน ๔ ภพภูมิ ภพภูมิเบื้องกลางมีมนุษย์ ๑ เทวดา ๖ ก็แปลว่าเป็น ๑๑ แล้ว ภพภูมิเบื้องสูงมี รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔ รวมเป็น ๓๑ พอดี

๓๑ ภพภูมินี้มนุษย์และสัตว์เวียนว่ายตายเกิด สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนกระทั่งหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ใน ๓๑ ภพภูมินี้ ถ้าเกิดใน ๒๑ ภพภูมิแรกก็เกิดตายไม่รู้จบ ถ้าเป็นสุทธาวาสภูมิ ๕ ชั้น ที่เป็นอนาคามีพรหมหรืออรหัตมรรค ท่านรอการหลุดพ้นอย่างเดียว แต่ว่านานมาก

ถ้าหากว่านับชาติที่เกิดเป็นคนหรือเกิดเป็นสัตว์ก็นับไม่ได้ เอากระดูกมากองรวมกันก็คงท่วมจักรวาลแล้ว พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า แค่น้ำตาที่ร้องไห้ด้วยความเสียใจแต่ละชาติ รวมแล้วมากกว่ามหาสมุทรทั้ง ๔ อีก มิน่า..น้ำในมหาสมุทรถึงได้เค็มนัก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2020 เมื่อ 21:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 22-08-2012, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,960 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สังสารวัฏเกิดขึ้น ท่านบอกว่าเกิดจากกิเลสวัฏ คือ การหมุนเวียนของกิเลส เมื่อกิเลสราคะ โลภะ โทสะ โมหะชักนำ ก็จะเกิดกรรมวัฏ คือการหมุนวนของกรรม คือการกระทำขึ้นมา รักชอบเกลียดชังก็ทำไปตามอารมณ์ของตน แล้วก็จะเกิดวิปากวัฏ คือการหมุนเวียนของผลกรรมขึ้นมา ส่งผลให้เราไปเกิดในภพภูมิต่าง ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

เพราะฉะนั้น..กิเลส กรรม วิบาก พากันหมุนไล่กันเป็นกงล้อ ต้องบอกว่าเป็นกงล้อมหาประลัย พาเราเวียนตายเวียนเกิดไม่รู้จบ พระพุทธเจ้าท่านสามารถหักกงล้อแห่งสังสารวัฏพังทลาย พาพระองค์ท่านหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้ คนอื่นไม่สามารถที่จะพาตนเองหลุดพ้นไปได้

โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งที่ดี..เรามักไปยินดี แล้วก็หยิบฉวยกอบโกยเข้ามา กลายเป็นเครื่องถ่วงตัวเอง ส่วนในเรื่องที่ไม่ดี...เราพยายามผลักไสดิ้นรนหลีกหนีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..เรื่องที่ดีจึงอันตรายกว่ามาก เรื่องของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จึงเป็นตัวถ่วงเราให้ติดอยู่ในโลกนี้ได้ง่ายที่สุด

ส่วนเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เราพยายามที่จะผลักไสอยู่แล้ว แต่ว่าสภาพจิตที่ไปผลักไสดิ้นรนด้วยความไม่ยินดี ไม่พอใจนี่แหละ ยังความเศร้าหมองให้เกิด เราจึงเสร็จทั้งขึ้นทั้งล่อง ทำอย่างไรถึงจะผ่ากลางไปได้ ก็ต้องพยายามหาช่องทาง ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้านำตนให้หลุดพ้นไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2012 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว