กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-03-2024, 18:22
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 348
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,961 ครั้ง ใน 826 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-03-2024, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,416,988 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดโคกหม้อ ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ตามฎีกานิมนต์ของหลวงพ่อพิเชษฐ์ สีลสุทฺโธ หรือสมณศักดิ์ที่พระครูสีลสังวรวิสุทธิ์ เจ้าคณะตำบลโพธิ์เก้าต้น เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดโคกหม้อ ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันตั้งแต่สมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดมอเจริญธรรม จังหวัดกาญจนบุรี แล้วมาภายหลัง เมื่อออกงานปลุกเสกวัตถุมงคล ก็ได้เจอกันอีกหลายครั้ง

ส่วนพระเถระที่เข้าร่วมในงานปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งนี้ ก็มีท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ครูบากฤษดา สุเมโธ เจ้าอาวาสวัดป่ายาง หรือว่าวัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ท่านอาจารย์เอก (พระครูปลัดยุทธนา กุสลจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบางพุทโธ จังหวัดลพบุรี และท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา จังหวัดสิงห์บุรี

ครั้นเมื่อทำการปลุกเสกท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดมาก จนกระทั่งท่านเจ้าคุณหลวงตาบ่นว่า "จะเป็นลมแดดตาย" ซึ่งปัจจุบันนี้คำว่า "ลมแดด" มีแต่คนรุ่นเก่า ๆ อย่างพวกกระผม/อาตมภาพที่เรียกหากัน ส่วนใหญ่เขาเรียกว่า "ฮีทสโตรก" ซึ่งเมื่อคืนนี้ ทางด้านคณะธุดงค์ธรรมยาตราของนิสิตพระวิปัสสนาจารย์โครงการทุนเล่าเรียนหลวง ก็ "น็อก" ไป ๑ ราย ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลกัน มาวันนี้เมื่อเดินทางจากวัดนพเก้าทายิการาม มายังวัดวังปะโท่ ซึ่งเป็นการเดินย้อนกลับทางเดิม ก็มีผู้เป็นลมร่วงไปอีกราย ยังดีที่เรามีรถพยาบาล คอยระมัดระวังดูแลอยู่ จึงไม่เป็นอะไรมาก

เหตุที่เป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพซึ่งมีประสบการณ์ธุดงค์มาแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เกิดจากร่างกายที่ตรากตรำจนเกินกำลัง เมื่อเกินกำลังตนเอง ก็มักจะไปต่อไม่ไหว เนื่องเพราะว่าสมัยที่กระผม/อาตมภาพเดินอยู่นั้น บางทีเดินธุดงค์เป็นเวลาเป็นเดือน ช่วงท้าย ๆ ร่างกายกรอบไปหมด ข้าวของที่เพิ่มน้ำหนักแม้แต่นิดเดียว ก็ไม่อยากได้ ประมาณว่าไม้ขีดกล่องเดียวก็อยากจะโยนทิ้งแล้ว..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครมีประสบการณ์ตรงนี้ ก็จะพยายามนำของติดตัวไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายก็จะเจอประสบการณ์โหดตรงที่ว่า ต้นทางร่างกายเรายังสดอยู่ เรารับน้ำหนักขนาดนี้ไหว แต่ปลายทาง ถ้าน้ำหนักไม่มีลดลงบ้างเลย เราก็จะไม่ไหวแล้ว เพราะว่าร่างกายกรอบเต็มที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2024 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-03-2024, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,416,988 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังดีที่ว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นการปิดโครงการแล้ว ก็คือพระนิสิตวิปัสสนาจารย์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงชุดนี้ จะเดินกลับไปยังวัดท่าขนุน แล้วทำการปิดโครงการธุดงค์ธรรมยาตราที่นั่น หลังจากนั้นแล้ว วันมะรืนนี้ก็จะไปปิดการปฏิบัติ ที่วัดหงส์รัตนาราม ของพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเมธี , รศ. ดร. เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์สอนกระผม/อาตมภาพมา ตั้งแต่สมัยท่านเป็นพระมหามีชัย วีรปญฺโญ ป.ธ.๙

สำหรับวันนี้มีบุคคลถามว่า การที่กระผม/อาตมภาพไปต่างประเทศนั้น "ไปเพื่ออะไร ?" คำถามนี้ถ้าหากว่าให้กระผม/อาตมภาพตอบ ก็อาจจะนอกลู่นอกทางไปมาก

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า การเดินทางไม่ว่าจะไปต่างที่ต่างถิ่น จนถึงต่างประเทศก็ตาม แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน บางท่านตั้งใจไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการ ไปท่องเที่ยวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หรือให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง ซึ่งถ้าในลักษณะนี้ก็เป็นการพักผ่อนแบบหนึ่ง หลังจากที่ตรากตรำงานเหนื่อยมาเต็มทีแล้ว เป็นการไปฟื้นฟูกำลังกายกำลังใจของตนเองที่ไม่ได้พักมาเลย ให้ได้พักบ้าง

แต่ความจริงสภาพใจของท่านไม่ได้พักหรอก เพราะว่าไปแล้วก็ยังไปเสวยเสพสิ่งต่าง ๆ เข้าไป แล้วถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม เมื่อกลับมาแล้ว ยังคิดที่จะไปอีก ก็แปลว่าท่านทั้งหลายเสียท่ากิเลสไปแล้ว..!

ประการที่สองก็คือ ไปเพื่อหาประสบการณ์ แล้วนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สถานที่อยู่ของตน หรือว่าชุมชนรอบข้างของตน ซึ่งส่วนนี้ กระผม/อาตมภาพนั้นนำมาใช้อยู่เสมอ ถ้าหากว่าถือตามภาษิตจีนก็คือ "การเดินทางหมื่นลี้ ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม" เพราะว่าเราได้ไปสัมผัสของจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้ประสบการณ์ชีวิต รู้วิธีแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ขึ้นในต่างบ้านต่างเมืองของเรา

แม้กระทั่งในวรรณคดีไทยอย่าง "นิทานเวตาล" ก็ยังมีการสรรเสริญการเดินทางเอาไว้มาก อย่างที่บรรดาชายหนุ่มไปแสดงความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะให้หญิงสาวพอใจ และเลือกตนเป็นคู่ครอง ก็ยังมีการกล่าวไว้เป็นโคลงเป็นกลอนอย่างเช่นว่า "จงจรเที่ยว เทียวบทไป พงพนไพร ไศลลำเนา ดั้นบถเดิน เพลินจิตเรา แบ่งทุกขเบา เชาวนไวฯ" เป็นต้น

ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ถ้าหากว่าคนรุ่นหลัง ก็คงต้องแปลไทยเป็นไทยกันอีกมาก แต่รุ่นของกระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งเลย เพราะว่าการเดินทางนั้น จะสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตต่าง ๆ ให้แก่บุคคลเหล่านั้น อย่างเช่นว่า "ดุ่มบถด่วน ชวนจิตเพลิน ใดบ่มิเกิน เชิญบทจรฯ" ยังมีการชักชวนให้เดินทางอีกด้วย ว่ามีคุณมีประโยชน์อย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2024 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-03-2024, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,416,988 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประเภทหนึ่ง เป็นการไปเพื่อท้าทายขีดจำกัดของตนเอง ถ้าหากว่ากล่าวตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ก็คือ การชนะตนเองนั่นแหละประเสริฐที่สุด แต่ว่านี่เป็นการชนะเพียงทางโลก ๆ เท่านั้น การชนะตนเองขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ ชนะใจตนเอง สามารถสร้างกำลังใจของตนเองให้อยู่เหนือกิเลสทั้งปวงได้

แต่ว่าบุคคลที่ตั้งใจท้าทายขีดจำกัดของตนเอง อย่างเช่นว่าปีนป่ายยอดเขาเอเวอเรสต์ เป็นต้น อย่างที่กระผม/อาตมภาพไปมา ก็คือการไปยังทิเบต ซึ่งทางด้านมัคคุเทศก์ท้องถิ่นอย่าง "อาตี๋" ซึ่งความจริงชื่อ "ต้วนเต๋อหยี่" แต่กระผม/อาตมภาพเรียก "อาตี๋" หรือถ้าหากวันไหนทำอะไรไม่ถูกใจก็กลายเป็น "ไอ้ตี๋" ขึ้นมาทันที..!

ต้วนเต๋อหยี่ถามว่าในคณะนี้ "มีใครเคยมาคุนหมิงบ้าง ?" ทุกคนเงียบสนิท "มีใครเคยไปจงเตี้ยนบ้าง ?" เงียบสนิท "มีใครเคยไปแชงกรีล่าบ้าง ?" เงียบสนิท เล่นเอาอาตี๋ตาเหลือก ร้องว่า"ไอ้หยา..แล้วลื้อกล้าไปทิเบต..!" ซึ่งพวกเราก็ไปทิเบตและผ่านมาอย่างสวยงามแล้วด้วย แม้ว่าจะมีบางคนแพ้อากาศเล็กน้อยก็ตาม

โดยเฉพาะบริเวณทะเลสาบยัมดร็อกโซนั้น อยู่ที่ความสูง ๕,๕๐๐ เมตร หรือว่า ๕ กิโลเมตรครึ่ง..! ซึ่งถ้าหากเราผ่านจุดนั้นได้ ก็เชื่อว่าน่าจะผ่านได้ทุกที่ในโลก แล้วยิ่งเมื่อล่าสุด การเดินทางด้วยรถยนต์ จากแคชเมียร์ของประเทศอินเดีย ไปยังเลห์ - ลาดัก เราไปติดอยู่บนช่องเขา Gadung La Pass ซึ่งสูงถึง ๕,๖๐๐ เมตร ตามปกติเขาให้อยู่ข้างบนนั้นได้ไม่เกิน ๒๐ นาที แต่พวกเราไปติดอยู่ที่นั่น ๒ ชั่วโมงเศษ..! เพราะว่าหิมะตกหนัก ทำให้เขาต้องปิดทาง กลัวว่ารถวิ่งแล้วจะลื่นตกเหว เมื่ออยู่สถานที่สูงขนาดนั้นเป็นเวลาถึง ๒ ชั่วโมง ก็เรียกว่าเกินกว่าการท้าทายขีดจำกัดของตนเองไปมากแล้ว

กระผม/อาตมภาพยังตั้งใจจะไปท้าทายขีดจำกัดตนเองที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีนอีกสักรอบหนึ่ง อยากจะรู้ว่าอากาศติดลบ ๕๒ องศาเซลเซียสนั้น เราจะไหวหรือไม่ไหว ? อย่างดีก็คงจะ "แช่แข็ง" กลับมา ให้ญาติโยมทั้งหลายได้เผาที่เมืองไทย แต่ถ้าหากว่าผ่านไปได้ ก็จะเป็นการทะลุขีดจำกัดของตนเองไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นแค่ความภูมิใจส่วนตัวเท่านั้น
ถ้าหากว่าใครไป ก็ต้องตั้งใจเลยว่าเราไปหาที่ตาย แล้วถึงเวลาจะตายขึ้นมาจริง ๆ โปรดอย่าเรียกร้องให้ใครช่วย เพราะว่าไม่มีใครสามารถที่จะช่วยได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2024 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-03-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,416,988 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประเภทหนึ่ง ก็ไปแบบกระผม/อาตมภาพ ก็คือมีจุดหมายไปโดยเฉพาะ อย่างเช่นว่า ตั้งใจไปพบบุคคลบางท่าน หรือว่าตั้งใจไปสงเคราะห์บุคคล หรือว่าคณะบุคคลบางคน

เมื่อวานนี้คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของบริษัทเอ็นซีทัวร์ ก็ยังปรารภว่า "จัดทัวร์ไปเวียดนามมาหลาบสิบครั้งแล้ว ไม่เคยเจอประสบการณ์ดี ๆ อย่างที่หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังเลย ที่หลวงพ่อเล็กกับคณะไปมา เจอแต่สิ่งดี ๆ ที่เหมือนกับมองโลกในแง่บวกทั้งนั้น" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า เป็นความเมตตาของหลวงปู่ติช กวาง ดึ๊ก ที่ท่านเมตตาไปรับถึงสนามบิน แล้วยังกำชับกำชามอบหมายให้เจ้าที่เจ้าทางแต่ละจุด แต่ละแห่ง ส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ

ดังนั้น..ในสถานที่ที่อากาศปิด พอเราไปถึงก็อากาศเปิดให้ถ่ายรูปกันได้อย่างที่พวกเราได้เฮกัน แม้กระทั่งปรากฏการณ์ที่เห็นได้ยากอย่าง "มังกรเมฆผงกเศียร" ที่ยอดเขา "สะพานแก้วมังกรเมฆ" พวกเราก็ได้พบ การขึ้นไปที่ยอดเขาฟานซีปัน ซึ่งปรากฏว่าอากาศปิดตั้งแต่เช้า พอเราโผล่ขึ้นไป แดดก็ออกให้ถ่ายรูปได้ เป็นต้น โดยเฉพาะไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม เจอแต่คนดี ๆ เจอแต่สิ่งที่สนุกสนาน ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ทำให้บุคคลซึ่งขยาดประเทศเวียดนาม อาจจะต้องมีแง่มุมใหม่ ๆ มามองกันเลยทีเดียว

ดังนั้น..
การที่ไปแบบมีจุดมุ่งหมายเฉพาะแบบนี้นั้น ต้องบอกว่ามีน้อยคนมากที่จะทำในลักษณะอย่างนี้ เนื่องเพราะว่าถ้าครูบาอาจารย์ไม่สั่ง หรือว่าพระท่านไม่สั่ง กระผม/อาตมภาพก็คงไม่ไปเหมือนกัน และโดยเฉพาะข้อจำกัดของตนเองก็คือ ถ้าหากว่าไปไหนแล้วต้องจ่ายเงินเองจะไม่ไป ยกเว้นว่าจะมีเจ้าภาพจ่ายให้ หรือว่าทางคณะทัวร์ให้ติดไปฟรี เป็นต้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้มีการเดินทางไปต่างประเทศน้อยมาก ยกเว้นระยะหลัง เมื่อลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) มาตั้งบริษัทเติมเต็มทราเวล เริ่มจัดทัวร์ ถ้าหากว่าเป็นระยะที่ไม่ได้ไกลนัก คือใช้เวลาไม่เกิน ๔ - ๕ วัน ที่หลวงตาพอจะปลีกตัวไปได้ ก็ชักชวนให้หลวงตาไปร่วมขบวนด้วยฟรี ๆ แล้วญาติโยมต่าง ๆ ที่ไปร่วมทาง ก็จะได้อาศัยหลวงตาไปไหนสะดวกขึ้น เป็นต้น ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น ถ้าหากว่าใครเชื่อก็ดีไป ถ้าไม่เชื่อก็ต้องรอการพิสูจน์กันอีกทีหนึ่ง

ดังนั้น..ที่ถามมาว่า กระผม/อาตมภาพ "ไปต่างประเทศเพื่ออะไร ?" ก็ขอกล่าวตอบแบบรวม ๆ กันว่า ถ้าหากว่าเป็นการไปท่องเที่ยว ก็ไปเปลี่ยนบรรยากาศ ให้รางวัลกับชีวิตของตนเอง ถ้าไปเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต ก็จะได้นำเอาสิ่งที่ได้พบได้เห็น มาปรับใช้กับวัดวาอารามและชุมชนรอบวัด อีกส่วนหนึ่งก็คือไปเพื่อที่จะทะลุทะลวงขีดจำกัดของตนเอง ต้องเรียกว่าเป็นความบ้าเฉพาะตัว ที่หลายท่านไม่ควรจะเอาอย่าง เพราะว่าโอกาสตายมีสูงมาก..!

ส่วนประการสุดท้าย ก็คือไปแบบมีจุดมุ่งหมายเป็นการเฉพาะ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปเป็นการเฉพาะ หากแต่ว่าเดินทางไปแล้วบ้าง หรือว่าไปถึงครึ่งค่อนทางบ้าง ก็ถึงจะมีจุดหมายที่ชัดเจนขึ้นมา เรื่องพวกนี้ไม่สามารถที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ล่วงหน้าได้ ว่าอะไรเป็นอะไร บางทีก็ยังมี
การไปใช้หนี้อีกด้วย อย่างเช่นที่บาดเจ็บกลับมาจากประเทศลาว เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2024 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว