กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-11-2009, 08:27
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default เมาอยู่ในสมาธิ ๒๓ ปี และอยากตายเป็นตัณหา

เมาอยู่ในสมาธิ ๒๓ ปี เพราะอนาคามีมรรค

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๖ หลวงพ่อท่านฤๅษี ท่านเมตตามาสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

ต้นเหตุแห่งธรรมเรื่องนี้เกิดจาก เพื่อนของผมท่านยกเอาเรื่องของหลวงพ่อที่ท่านเล่าไว้ในอดีตว่า ท่านเมาอยู่ในสมาธิมา ๒๓ ปี เอาธรรมจุดนี้มาใคร่ครวญในปัจจุบันด้วยปัญญา ก็พบความจริงว่า ขนาดหลวงพ่อยังต้องใช้เวลาถึง ๒๓ ปี กว่าจะชนะกิเลสได้เด็ดขาด (ตัดสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ได้ขาด) แล้วเราเล่าจะต้องใช้เวลาขนาดไหน ยิ่งมีอารมณ์ใจร้อนอยากจะบรรลุเร็ว ๆ อยากมีฤทธิ์มีเดช อยากเด่นอยากดัง ล้วนอยากเลวทั้งสิ้น หรือล้วนเป็นตัณหา เป็นสมุทัย เป็นต้นเหตุให้จิตขยันหาทุกข์เพิ่มทุกข์ ยึดทุกข์ให้เพิ่มมากขึ้นทั้งสิ้น เมื่อเริ่มต้นผิดเป็นมิจฉามรรคแล้ว ผลมันจะเกิดได้อย่างไร เมื่อฟุ้งซ่านมาถึงจุดนี้ หลวงพ่อท่านก็เมตตามาสอนให้ว่า

๑. “เออ รู้ตัวไว้บ้างก็ดี แต่ไม่ใช่รู้แล้วปล่อยกรรมฐานให้หลุดไปจากใจ ไอ้ที่จะค้างเติ่งอยู่นาน ก็ตรงอนาคามีมรรคนั่นเอง ไม่ค่อยจะมีใครได้เร็ว ตัดรัก ตัดโกรธ มันต้องใช้ความเพียรสูง ถ้าใจมันสู้เสียอย่างเดียว อารมณ์ไหนมาปะทะ ไม่ถอย ตั้งหน้าลุยมันไปข้างหน้าลูกเดียว”

๒. “จับหลักพรหมวิหาร ๔ ไว้ให้มั่น เอามาคิดพิจารณาให้ครบทั้ง ๔ ตัว วางอารมณ์ของใจไว้ให้ถูก ในขณะจิตถูกกระทบด้วยอารมณ์นั้น ๆ ค่อย ๆ กำราบมันไป เอ็งเกิดได้ข้าก็หักล้างเอ็งได้ ชนะบ้าง แพ้บ้าง ก็ให้รู้ว่าชนะหรือแพ้ แต่ขอให้ได้ชื่อว่าต่อสู้กับมันสุดกำลังใจก็แล้วกัน”

๓. “แพ้รู้ ชนะรู้ แต่คำว่าท้อถอยไม่มีอยู่ในใจ แพ้เวลานี้โอกาสหน้าเราสู้ใหม่ สู้มันเข้าไปทุก ๆ เวลา เขาต้องทำกันอย่างนี้ จึงจะเอาชนะอารมณ์รัก อารมณ์โกรธได้” (ก็คิดว่าที่ตนแพ้อยู่เสมอ ๆ คือ อารมณ์คิดถึงหลวงพ่อ)

๔. “ก็อารมณ์รักนั่นเอง เอ็งมันหลงเปลือกของพ่อ ก็ต้องตัดด้วยพรหมวิหาร ๔ กับกายคตาและมรณาและอสุภะ นึกถึงสภาพร่างกายว่าไม่เที่ยงนะลูก” (ก็คิดว่า มันทำไม่ได้นาน แล้วมันก็กลับมาเกาะใหม่)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-11-2009, 08:31
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. “เกาะอย่างนั้น มันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์” (ตอบว่าเป็นทุกข์) “เมื่อรู้ว่าทุกข์ก็ต้องเลิกเกาะ พยายามวางเฉยในเรื่องที่รู้ทั้งหมด ปล่อยให้กาลเวลาพิสูจน์ธรรม ถ้าปล่อยให้อารมณ์จมอยู่อย่างนี้ จะมีประโยชน์อะไร”

๖. “อย่าลืมนะ มันเป็นความเศร้าหมองของจิตที่จะต้องหมั่นลบล้างออกไป จิตของพ่อตั้งมั่นอยู่ที่นิพพาน แต่ถ้าเอ็งตายในขณะที่จิตเศร้าหมองอยู่อย่างนี้ เอ็งก็จะไปสู่อบายภูมิแทน อย่างนี้แล้วจะพบกันได้อย่างไร”

๗. “อุตส่าห์สอนเอ็งแทบตาย ก็ยังเอาดีไม่ได้ ต้องพยายามตัดอารมณ์เกาะร่างกายของพ่อลงเสียให้ได้ ใช้สัจธรรม ๕ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ทุกสิ่งในโลกล้วนไม่เที่ยง แล้วเอ็งจะมายึดอยู่เพื่อประโยชน์อะไร”

๘. “เอ็งไม่หวังมาเกิดอีก ก็ต้องคิดให้เป็น อย่าทำตัวเป็นคนโง่ ปล่อยให้อารมณ์ฝืนกฎธรรมชาติมันมาหลอกเอา จมทุกข์อยู่อย่างนี้ทั้งปีทั้งชาติ ก็เอาดีไม่ได้”

๙. “อย่าลืม พ่อสอนมาตลอดว่า ห้ามยึดขันธ์ ๕ ห้ามเกาะเสียง ให้ยึดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตามพระธรรมนั้น ถ้ายังยึดเกาะขันธ์ ๕ กับเสียงอยู่ ถือว่าเจ้าขัดคำสั่งของพ่อและของพระพุทธเจ้าด้วย อย่าลืมพระองค์สอนให้ละ ปล่อย วางขันธ์ ๕ เวลานี้เอ็งประพฤติปฏิบัติผิดแนวคำสอนของพระองค์”

๑๐. “อยากหมดทุกข์ก็ต้องทำตามคำสั่งสอนของท่าน ถ้าอยากจมทุกข์ก็จงเกาะขันธ์ ๕ ของพ่อต่อไป ทุกอย่างต้องใช้ปัญญาพิจารณาช่วยตนเองทั้งนั้น ถ้าช่วยตนเองไม่ได้ คนอื่นก็ช่วยไม่ได้”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 13-11-2009 เมื่อ 14:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-11-2009, 08:33
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default อยากตายเป็นตัณหา

หลวงพ่อท่านฤๅษี ท่านเมตตาสอนเรื่อง อยากตายเป็นตัณหา(ต้นเหตุเพราะมีพวกเราท่านหนึ่ง คิดอยากตายเพื่อจะได้พ้นกฎของกรรมเสียที) หลวงพ่อท่านจึงมาสอนว่า

“ถ้าอยากตายแบบนี้ รับรองไม่ได้ตายนะ คนยังมีความอยาก ไม่ว่าอยากอะไร รวมทั้งอยากเป็นอยากตาย รับรองว่ายังไปพระนิพพานไม่ถึง เพราะอารมณ์นั้นมันเป็นอารมณ์ของตัณหา ไม่ใช่อารมณ์สังขารุเบกขาญาณ อันเป็นอารมณ์วางเฉยของพระอรหันต์ที่เตรียมตัวเข้าพระนิพพาน รู้ไว้ด้วยจะได้ไม่คิดโง่ ๆ อีก”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-11-2009, 08:35
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

จากหนังสือ ธรรมะหลวงพ่อและธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว