กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-05-2023, 17:59
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,652
ได้ให้อนุโมทนา: 216,921
ได้รับอนุโมทนา 747,942 ครั้ง ใน 36,439 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-05-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,692 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพยังคงไปร่วมทำวัตรเช้ากับบรรดาเจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งเข้าอบรมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หลังจากที่อยู่ร่วมกิจกรรม จนกระทั่งท่านอิน (นายอินทพร จั่นเอี่ยม) รองผู้อำนวยการ รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้นบรรยาย ก็เรียนท่านว่า ไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมฟังจนกระทั่งจบได้ ต้องขอตัวไปทำกิจการงานของตนเองก่อน

จะว่าไปแล้ว ระยะนี้บรรดาผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นถึงขนาดเรียกใช้ไหว้วานกันได้ แต่กระผม/อาตมภาพก็อยู่ในลักษณะที่ว่าไม่อยากจะรบกวนใคร เพราะถือว่าติดหนี้อะไรก็ใช้ได้หมด แต่ติดหนี้บุญคุณ ใช้เท่าไรก็ไม่รู้จักหมดสักที ในเมื่อเป็นดังนี้จึงไม่คิดที่จะรบกวนใครโดยไม่จำเป็น ญาติโยมหลายท่านพยายามปวารณามา กระผม/อาตมภาพก็ปฏิเสธไปอย่างชนิดที่ไม่ค่อยจะไว้หน้า แล้วถ้าหากว่าใครดื้อก็อาจจะโดนด่าประจานไปด้วย..!

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว เป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องหาจุดที่พอเหมาะพอดีกับตนเอง ก็คือทำอย่างไรที่จะไม่ให้โลกช้ำ ทำอย่างไรที่จะไม่ให้ธรรมเสีย เรื่องพวกนี้ในส่วนหนึ่งที่เราต้องระวังสุดขีดก็คือ อย่าได้เสียศีล และอย่าได้เสียธรรมของเรา ถ้าหากว่าเสียศีลเมื่อไร ในความเป็นพระภิกษุสามเณร อาจจะขาดจากความเป็นพระภิกษุสามเณรไปเลย ถ้าหากว่าเสียธรรมเมื่อไร ความเป็นพระภิกษุสามเณรของเราก็จะบกพร่อง ไม่สมบูรณ์

ดังนั้น..ของบางอย่างจึงจำเป็นที่จะต้องเป็นคนปากร้าย พูดง่าย ๆ ว่า อย่าได้เอาแต่ฉลองศรัทธาญาติโยมอยู่ประการเดียว ต้องพิจารณาด้วยว่าสิ่งนั้นเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่เรามากกว่า ถ้าหากว่ามาแล้วจะพาให้ศีลของเราบกพร่องหรือไม่ ? มาแล้วจะทำให้ธรรมของเราบกพร่องหรือไม่ ? ถ้าพิจารณาแล้วก็ให้ยึดถือศีลและธรรมเป็นใหญ่ ก็คือยอมเสียศรัทธาญาติโยม ดีกว่าที่จะยอมเสียความดีในศีลและในธรรมของเราเอง

ท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณรก็ดี เป็นแม่ชีหรือว่าอุบาสกอุบาสิกาผู้ปฏิบัติธรรมก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้มงวดกับตัวเองก่อน ถ้าหากว่าเราไม่เข้มงวดกับตัวเองเสียก่อนแล้ว เมื่อถึงเวลาเราไปผ่อนก็จะยานติดพื้น หาความดีอะไรไม่ได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2023 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-05-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,692 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมทั้งหลายให้ความเคารพเราก็เพราะว่าเรามีความต่างจากฆราวาสทั่วไป ถ้าหากว่าทุกอย่างของเราเหมือนกันหมด เขาก็ไม่รู้ว่าจะเคารพกราบไหว้เราไปทำไม ? ดังนั้น..บรรดานักบวชทั้งหลาย โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสถานภาพของตนเอาไว้ อย่าให้อยู่ในลักษณะของการประจบคฤหัสถ์ เพราะว่าจะกลายเป็นบุคคลผู้ประทุษร้ายตระกูลของพระพุทธเจ้า

กระผม/อาตมภาพเห็นพระภิกษุหลายรูปที่เป็นพระเถระ มีตำแหน่งใหญ่โต ถึงเวลาต้องคอยมาเอาใจญาติโยมต่าง ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่า
การเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ญาติโยม กับการประจบเอาใจญาติโยมนั้น มีเส้นต่างกันอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าหากว่าพลาดเมื่อไร เราก็จะกลายเป็นผู้ประทุษร้ายตระกูลของพระพุทธเจ้าไปเลย..!

ดังนั้น
..ท่านทั้งหลายจะเห็นแก่ประโยชน์ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่จะพึงได้ หรือว่าจะเห็นแก่ศีลแก่ธรรม เห็นแก่พระพุทธศาสนามากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของท่านทั้งหลายที่ได้รับการอบรมขัดเกลามา ถ้าหากว่าเราได้รับการอบรมมาดี ขัดเกลามาดี มีกำลังสมาธิที่สูง เราก็จะสามารถต่อต้านกระแสกิเลสได้

ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกรูปทุกนามต่างก็ปรารถนา แต่ขอให้ได้มาโดยถูกต้องตามศีลตามธรรม ได้มาแล้วก็ใช้อย่างบุคคลที่มีสติสัมปชัญญะ ไม่เช่นนั้นแล้วก็มีแต่จะพาให้เราเสียหาย เพราะว่าโลกธรรม ก็คือธรรมะอันเป็นธรรมดาของโลกนั้น ย่อมทำให้บุคคลที่กำลังใจไม่มั่นคงหวั่นไหวได้

กระผม/อาตมภาพมีเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นครูบาอาจารย์ที่เสียหายไปกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มาแล้ว ตอนแรกท่านปวารณาไว้ กระผม/อาตมภาพตักเตือนไปแล้ว ท่านเชื่อแล้วปฏิบัติตาม ก็ทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งไม่พอใจ ไม่ให้การสนับสนุนอีก เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยเอาใจเขาไว้มาก แล้วอยู่ ๆ ก็ไม่ยอมเอาใจอีก ก็เลยกลายเป็นว่า ญาติโยมนั้นเคยชินกับการที่มีพระมาประจบเอาใจ ทำให้ถึงเวลาเมื่อไม่ประจบเอาใจอย่างที่เคยเป็น ก็ไม่ให้การสนับสนุน

แล้วรุ่นพี่หรือว่ารุ่นอาจารย์ท่านนั้นก็ทำใจไม่ได้ ท่านมาสารภาพว่าจำเป็นที่จะต้องกลับไปเหมือนเดิม แต่คราวนี้ท่านไม่ได้ปวารณาไว้ว่าให้ตักเตือนได้ดังนั้น..เมื่อเห็นท่านออกนอกลู่นอกทางไปมาก กระผม/อาตมภาพก็ต้องปล่อยเลยตามเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2023 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-05-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,692 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนตนเองนั้น ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า วัดท่าขนุนของเรานั้น ไม่ว่าญาติโยมจะเป็นใหญ่เป็นโตมาจากไหนก็ตาม ถึงเวลาก็ต้อง "แบกับดิน" เหมือนกัน ก็คือนั่งพื้นเหมือนกัน มีแต่พระภิกษุสามเณรที่นั่งอาสนะที่สูงกว่า หรือว่านั่งเก้าอี้ ยกเว้นญาติโยมที่เจ็บไข้ได้ป่วย ชราภาพมาก ไม่สามารถที่จะนั่งพื้นได้ ก็จะหาเก้าอี้ให้นั่ง แต่ว่าต้องอยู่ห่างออกไป จะได้ไม่เป็นการตีเสมอพระภิกษุสามเณรในลักษณะของการนั่งเคียงกัน

หลายท่านที่เป็นนายทหารใหญ่ นายตำรวจใหญ่มาถึง ก็ยังทำท่าแปลก ๆ ที่ว่า ไม่มีการต้อนรับขับสู้ในลักษณะแบบวัดอื่น ๆ เขา แต่เมื่อท่านทั้งหลายทราบสาเหตุแล้ว ก็ปฏิบัติตนตามระเบียบตามแบบแผนของวัดได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม บางท่านก็เป็นดารามีชื่อเสียงมา แต่ก็ไม่ได้รับการเอาอกเอาใจต่างจากคนอื่น กระผม/อาตมภาพยังคงให้ราคาเท่ากับคุณลุงคุณป้าข้างวัด จึงทำให้หลายท่านที่เข้าใจเรื่องเหล่านี้กลับรู้สึกดีใจ

มีอยู่ท่านหนึ่งต้องบอกว่าเป็นดาราระดับร้อยล้าน ไปตั้งโรงทานที่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพได้บอกว่า ไม่มีเวลาที่จะมาคุยด้วย เพราะมีหน้าที่ของตนเอง เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่ให้ความสนใจก็อย่าน้อยใจนะ ดาราท่านนั้นก็บอกว่า "นิมนต์หลวงพ่อตามสบายเจ้าค่ะ เวลางานแบบนี้ ดิฉันก็ไม่สนใจหลวงพ่อเหมือนกัน" แสดงว่าต้องมีบารมีใกล้เคียงกัน ถึงออกมาในลักษณะอย่างนี้ได้ ท่านเป็นดารารุ่นเก่า แต่ว่าเป็นรุ่นที่เล่นหนังเรื่องไหนก็ทำเงินล้านเรื่องนั้น จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ได้ปลีกตัวออกมาทำบุญทำทานตามปกติ

ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากระผม/อาตมภาพมีโอกาส ก็จะบอกกล่าวเขาทั้งหลายเหล่านั้นว่า "อย่าเผลอได้ทิ้งที่อยู่ ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ หรือว่าการติดต่อใด ๆ เอาไว้" กระผม/อาตมภาพเคยเจอมาแล้ว ว่ามีพระสังฆาธิการบุกไปยังบ้าน ถ้าหากว่าไม่รับเป็นเจ้าภาพงานโน้น ไม่รับเป็นเจ้าภาพสร้างวัตถุอย่างนี้ก็ตื๊อไม่เลิก จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ต้องยอมทำบุญแบบซื้อรำคาญก็มี..!

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่บอกกัน เหตุเพราะว่าทุกคนส่วนใหญ่ก็คือต้องการแรงสนับสนุนจากญาติโยมเสมอ แต่กระผม/อาตมภาพนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสอนเอาไว้ตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส จนกระทั่งมาถึงเป็นพระ ท่านบอกว่า การที่อยู่ร่วมกับญาติโยมนั้น ถ้าเรามีอคติแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งปลีกตัวออกไปทันที เพราะรู้สึกว่าเราไม่ยุติธรรม เพราะฉะนั้น..ทำอย่างไรที่เราจะต้อนรับญาติโยมให้เสมอกัน โดยปราศจากอคติได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2023 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-05-2023, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,692 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะเดียวกัน อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่ก็คือ บางคนถึงเวลาแล้วเราใช้งานได้อย่างใจ ก็จะไม่เรียกใช้คนอื่น เหตุเพราะว่าถ้าคนอื่นมาทำแล้ว งานนั้นอาจจะเสียหาย ต้องมาแก้ไขกันนาน ทำให้เสียเวลา ประการที่สองก็คือ เขาทำงานมีความคล่องตัว ไว้วางใจได้ เราก็เรียกใช้เฉพาะคนนั้น ทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งน้อยอกน้อยใจว่า ปวารณาเอาไว้ ทำไมถึงไม่เรียกใช้สักที

ขอบอกว่ากระผม/อาตมภาพนั้น กลัวที่สุดคือการเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น แม้ว่าหนี้นั้นญาติโยมจะเต็มใจในการที่จะสนองงานให้ก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ยังหวาดระแวงอยู่ดีว่า
ถ้าหากทำไปในลักษณะอย่างนั้นแล้ว จะมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อหลักศีลธรรมในใจของตนเอง หรือว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ? โดยที่ถือหลักเอาไว้ว่า ถ้าเราไม่สามารถที่จะสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ เราก็ไม่ควรที่จะทำให้พระพุทธศาสนาบอบช้ำ หรือว่าพังลงไปเพราะตัวเราเอง

ดังนั้น..ญาติโยมทั้งหลายที่พบเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งที่เข้าใจเมื่อโดนกระผม/อาตมภาพด่าเอาตรง ๆ ก็ยังดีอกดีใจ ว่าครูบาอาจารย์ยังให้ความรัก ความเมตตา ยังสั่งสอน แม้ว่าจะรุนแรงไปบ้าง แต่ว่าหลายท่านที่ไม่เข้าใจก็ปลีกตัวออก ห่างหายไปเลยก็มี เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงอยู่ที่กำลังใจของแต่ละคน

กระผม/อาตมภาพถือตามพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่กล่าวว่า
"อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ตถาคตจักไม่ปฏิบัติต่อเธอทั้งหลายอย่างทะนุถนอม เหมือนกับช่างหม้อที่ปฏิบัติต่อหม้อดินที่ยังเปียกยังดิบอยู่ แต่ตถาคตจะกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก บุคคลที่มีมรรคผลเป็นแก่นสารจึงจักทนอยู่ได้"

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากว่ารักที่จะติดตาม และปฏิบัติตามแนวทางที่กระผม/อาตมภาพได้รับการถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์ ก็ต้องทำใจว่าพลาดเมื่อไรเป็น "โดน" ถ้าหากว่าทำใจในลักษณะนี้แล้ว พร้อมที่จะ "โดน" แล้ว ก็สามารถที่จะติดตามกันต่อไปได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2023 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว