กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-05-2023, 19:39
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,649
ได้ให้อนุโมทนา: 216,898
ได้รับอนุโมทนา 747,588 ครั้ง ใน 36,419 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-05-2023, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์จากพระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ให้ไปเป็นประธานในการทำบุญ งานครบรอบ ๓๐ ปีการก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

การก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีนั้น กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้คิดที่จะตั้งเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะมีภาระในที่ใดที่หนึ่ง เมื่อออกจากวัดท่าซุงมาแล้ว ด้วยความที่ต้องมานึกว่าเราจะไปที่ไหนดี ก็ไปนึกถึงสถานที่หนึ่ง ทางด้านห้วยตาทะ ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเคยธุดงค์ไปสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง แล้วเกิดชอบใจสถานที่มาก

ที่นั่นเป็นหุบเขา มีทางเข้าแคบ ๆ กว้างประมาณ ๒ เมตรเศษเท่านั้น และทางเข้านั้นมีลำห้วยไหลออกมาเต็มพื้นที่เลย พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ถ้าจะเข้าสู่หุบเขาแห่งนั้น อย่างน้อยก็ต้องลุยสวนน้ำเข้าไป เมื่อข้ามลำห้วยเข้าไปแล้ว ทางด้านซ้ายมือจะค่อย ๆ ลาดสูงขึ้น เป็นเนินที่ไม่สูงมากนัก ถ้าหากว่าจะสร้างกุฏิที่พักอะไร จะเป็นที่เหมาะสมมาก ก็คือแม้ว่าจะเป็นหน้าน้ำก็ตาม ถึงน้ำป่าหลากมา ก็จะไม่กระทบกระเทือน เพราะว่าอยู่บนเนินที่ค่อนข้างสูง

แต่ว่ากระผม/อาตมภาพในช่วงนั้นไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเลย เนื่องเพราะว่าทางด้านขวามือนั้น เมื่อเดินตามลำห้วยไปเรื่อย ๆ ไม่ไกลมาก ก็จะเป็นต้นของลำห้วยตาทะสายนั้น คือจะเป็นน้ำผุดขึ้นมาจากพื้นดินโดยตรง เป็นช่องใหญ่ประมาณบาตรพระขนาด ๘ นิ้วครึ่ง น้ำสายนั้นผุดมาจากลำธารใต้ดิน แล้วก็ไหลไปกลายเป็นลำห้วยตาทะ กว้างออกไป ๆ จนกระทั่งใหญ่ปิดปากทางเข้าสู่หุบเขาแห่งนั้น และที่ดีไปกว่านั้นก็คือ เหนือตาน้ำที่ผุดขึ้นมานั้นมีถ้ำใหญ่ ถ้าหากว่าจะเป็นที่อาศัยในการเจริญภาวนาก็นับว่าดีมาก

เมื่อระลึกได้ว่าสถานที่นั้นมีอยู่ กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนบอกกับหัวหน้าเดิม (นายประเดิมชัย แสงคู่วงษ์) หัวหน้าศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ซึ่งดูแลหน่วยจัดการต้นน้ำทั้งในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ว่าขอไปอยู่อาศัยยังสถานที่นั้นจะได้หรือไม่ ?

หัวหน้าเดิมเมื่อพิจารณาแล้วก็บอกว่า สถานที่ห่างไกลจนเกินไป ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจะดูแลกันลำบาก ขอให้มาอยู่ทางด้านข้างที่ตั้งศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ก็แล้วกัน สถานที่นั้นเป็นเกาะเล็ก ๆ มีน้ำล้อมรอบ เมื่อกระผม/อาตมภาพเป็นผู้ขอ ก็ต้องแล้วแต่ว่าผู้ให้เขาจะให้ตรงไหน เมื่อไม่ได้สถานที่ซึ่งตนเองชอบใจ ก็ไปยังสถานที่ซึ่งเขาเต็มใจให้ก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-05-2023, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อไปถึงสถานที่นั้นแล้วก็ชอบใจตรงที่ว่า เป็นเกาะเล็ก ๆ มีน้ำไหลล้อมรอบ สถานที่ร่มรื่นน่าอยู่เป็นอันมาก แล้วทางด้านหัวหน้าเดิมได้ให้ลูกน้องไปทำกระต๊อบเล็ก ๆ เป็นกระต๊อบทำจากไม้ไผ่ มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก และทำห้องน้ำห้องส้วมเอาไว้ให้ ก็คือเป็นห้องอาบน้ำหนึ่งห้อง และห้องสำหรับถ่ายหนักเบาหนึ่งห้อง กระผม/อาตมภาพจึงย้ายไปอยู่ในสถานที่นั้น ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖

หลังจากที่อยู่ได้ไม่นาน สถานที่นั้นก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นมา จากที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดจะก่อสร้างอะไรเลย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว การบิณฑบาตก็ใช้วิธีเดินขึ้นไปรับบาตรจากหมู่บ้านของคนงาน ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ ๕ กิโลเมตรครึ่ง คำว่าเดินเขาขึ้นไปก็คือ เดินขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ ตามถนนสายที่ตรงไปยังน้ำตกผาสวรรค์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทางเดินเท้าอยู่ เมื่อเดินไปประมาณ ๕ กิโลเมตรครึ่ง ก็จะถึงหมู่บ้าน หรือบางท่านก็เรียกว่า "แคมป์คนงานของศูนย์จัดการต้นน้ำ" ซึ่งจะมีบรรดาพี่น้องมอญพม่าอาศัยอยู่ตรงนั้นให้บิณฑบาตได้

ครั้งแรกที่ขึ้นไปถึง ทุกคนดีใจจนน้ำตาไหล โดยเฉพาะตาลานหัวหน้าหมู่บ้าน บอกว่า "กระผมอยู่ตรงนี้มา ๑๙ ปีแล้ว เพิ่งจะมีพระมาโปรดวันนี้เอง" แล้วก็บอกให้ลูกบ้านของตนเองเตรียมหุงข้าวไว้ใส่บาตรทุกวัน ช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉันอาศัยแค่มื้อเดียว เนื่องเพราะว่าออกเดินบิณฑบาตตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้า กว่าที่จะกลับมาถึงยังสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ก็เกือบจะ ๑๐ โมงแล้ว

แต่แม้ว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยก็ตาม อยู่ไปเพียงไม่กี่วัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งท่านมรณภาพ และกระผม/อาตมภาพได้ร่วมกับพี่น้องจัดงานศพถวายท่าน จนกระทั่งส่งท่านขึ้นสู่มณฑปในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตรเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ยังสถานที่แห่งนั้น

หลวงพ่อท่านมา แบบภาษาวัยรุ่นว่า "ตัวเป็น ๆ" เลย มาถึงก็บอกว่า "แกช่วยสร้างศาลาสักหลังหนึ่งสิ เวลาญาติโยมมาหาแกจะได้มีที่หลบแดดหลบฝนบ้าง" กระผม/อาตมภาพจึงกราบเรียนว่า "ถ้าญาติโยมมาหา ห้องน้ำห้องส้วมน่าจะสำคัญกว่าที่หลบแดดหลบฝนนะครับ" หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจึงได้บอกว่า "ข้ากำลังจะบอกให้แกสร้างห้องน้ำห้องส้วมด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-05-2023, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพที่เคยเจอครูบาอาจารย์โดนมาเองแล้ว ก็คือพระท่านมาสั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ให้สร้างวิหาร ๑๐๐ เมตร ตอนแรกก็แค่บอกให้ทำเป็นเพิงหมาแหงนแล้วมีพระประธานสักองค์หนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งต่อโน่นเติมนี่มาเรื่อย จนกระทั่งกลายเป็นมหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตรของวัดท่าซุง..!

เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผมจึงได้กราบเรียนหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านไปว่า "หลวงพ่อจะให้ทำอะไรบ้าง โปรดบอกมาทีเดียวเลยครับ ผมขี้เกียจรับคำสั่งหลายรอบ..!" หลวงพ่อท่านจึงได้บอกให้ทำอาคารตรงโน้นตรงนี้ รวมทั้งหมดแล้ว ๑๓ หลังด้วยกัน มีทั้งกุฏิที่พัก มีทั้งศาลา มีทั้งหอฉัน มีทั้งอาคารที่ใช้แทนโบสถ์

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ไปปักไม้ขึงเชือกเอาไว้ตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง โดยกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไปว่า "กระผมเองตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ขอใครเลยแม้แต่บาทเดียว ถ้าหากว่าหลวงพ่อจะให้ผมสร้างสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ต้องไม่ให้ผมออกปากขอใครเลย ถ้าต้องขอใครแม้แต่บาทเดียว กระผมจะเลิกสร้างทันที..!"

พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมองหน้าแล้วถามว่า "แกจะเอาแบบนี้แน่นะ" กระผม/อาตมภาพยืนยันไปด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่า "แน่ครับ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็สบายใจ เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่า "แกจะเอาแบบนั้นก็ได้" หลังจากนั้นก็นอนตีพุง เพราะว่าไม่ขอใคร ไม่บอกใคร จะมีใครสามารถที่มาทำให้กระผม/อาตมภาพก่อสร้างได้..!?

แต่กระผม/อาตมภาพเองประเมินครูบาอาจารย์ของตนเองผิดไป เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน หัวหน้าเดิมก็ได้พาเพื่อนชื่อพนม สุธาพจน์ มายังสถานที่นั้น คุณพนมเดินดูสถานที่อยู่พักใหญ่ แล้วก็มานั่งแปะอยู่หน้ากุฏิหลังแรก พร้อมกับกราบเรียนว่า "สถานที่สวยนะครับ" กระผม/อาตมภาพก็รับสนองว่า "ใช่..สวยมาก" "แล้วหลวงพี่ไม่คิดจะสร้างอะไรเลยหรือครับ ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่มีเงิน..ไม่สร้างหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-05-2023, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หัวหน้าเดิมกับคุณพนมหายไปประมาณ ๒ ชั่วโมง ปรากฏว่าคุณพนมกลับมาใหม่ พร้อมกับแปลนศาลาคร่าว ๆ ที่ตนเองไปร่างแบบมาเรียบร้อยแล้ว บอกว่า "มีศาลาขนาดนี้สักหนึ่งหลังก็จะดีนะครับ" กระผม/อาตมภาพมองแล้วก็บอกว่า "ดี..แต่ไม่ทำ..เพราะว่าไม่มีเงิน" ปรากฏว่าคุณพนมหายไปเฉย ๆ ผ่านไปสามวัน ก็พาลูกน้องขนวัสดุก่อสร้างมา มาถึงก็ลงไม้ลงมืออีโล้งโช้งเช้งทำเองไปเรื่อย กระผม/อาตมภาพก็ยังบอกว่า "เฮ้ย..ไม่มีเงินนะเว้ย ถึงคุณทำไปก็ไม่ได้สตางค์หรอก" คุณพนมก็ไม่สนใจ สั่งให้ลูกน้องทำไปเรื่อย

มีอยู่คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ปลุกกระผม/อาตมภาพแต่เช้ามืด บอกว่า "ให้เข้ากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลย..!" กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง ซึ่งตอนนั้นกว่าที่จะออกจากเกาะพระฤๅษีได้ ก็ต้องไปแจ้งทางป่าไม้ว่า "ช่วยเอารถยนต์ไปส่งที่ท่ารถอำเภอทองผาภูมิให้หน่อย" หลังจากนั้นก็ขึ้นรถเมล์แดงลงไปยังท่ารถ บขส.กาญจนบุรี แล้วค่อยต่อรถทัวร์เข้าสู่ยังสายใต้ เพื่อที่จะเดินทางไปยังจุดหมายอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ต่อไป

ปรากฏว่าเมื่อนั่งรถทัวร์มาจนถึงแถว ๆ เกือบจะถึงแยกอรุณอัมรินทร์ ก่อนที่จะขึ้นสู่สะพานพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เห็นหลวงปู่มหาอำพัน (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์) มายืนองค์โตเต็มถนน บอกว่า "คุณ..แวะวัดเทพศิรินทร์หน่อยครับ" กระผม/อาตมภาพก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า "กระผมได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ยังไม่ทราบเลยครับว่าท่านจะให้ไปไหน"

หลวงปู่ท่านบอกว่า "หลวงพ่อท่านให้ไปรับเงินที่วัดเทพศิรินทราวาส" กระผม/อาตมภาพเมื่อลงรถแล้ว จึงต้องต่อแท็กซี่แบบงง ๆ เพื่อที่จะเดินทางไปยังวัดเทพศิรินทราวาส โดยเข้าทางด้านโรงเรียนเทพศิรินทร์

เมื่อก้าวเข้าประตู ปรากฏว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งเดินสวนออกมา พอเห็นหน้า ฝ่ายชายก็ถามว่า "หลวงพี่มาจากไหนครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "อาตมภาพมาจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี" ท่านก็ถามต่อว่า "มาธุระอะไรครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "หลวงพ่อฉันให้มาเอาเงินที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามาเอาเงินกับใคร" ผู้ชายคนนั้นจึงถามว่า "มาเอาเงินไปทำอะไรครับ ?" จึงได้เรียนบอกเรื่องการสร้างศาลา

ชายผู้นั้นจึงควักกระเป๋า เอาเงินสดถวายมา ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมกับนามบัตรใบหนึ่ง ซึ่งใครเห็นนามสกุลก็ต้องร้องอ๋อทันที เพราะว่าช่วงนั้นเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่ ๆ โต ๆ ในประเทศของเรานี่เอง พร้อมกับบอกว่า "กระผมปวารณาครับ ไม่ว่าท่านจะก่อสร้างขนาดไหนก็ตาม ถึงเวลาโทรมา กระผมจะถวายปัจจัยสนับสนุนงานให้เอง" กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะทราบว่า ครูบาอาจารย์ท่านหาเงินให้ด้วยวิธีนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 18-05-2023, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อญาติโยมเห็นว่ามีการก่อสร้าง คนโน้นก็ควักกระเป๋าช่วย คนนี้ก็ควักกระเป๋าช่วย งานก่อสร้างต่าง ๆ จึงดำเนินไปโดยสะดวกมาก ระหว่างนั้นก็มีเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ กันไป อย่างเช่นว่ากระผม/อาตมภาพเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อกลับมา ช่างรับเหมาก่อสร้างก็ถามว่า "พระอาจารย์ครับ หลวงพ่อองค์ดำ ๆ ใส่แว่นถือไม้เท้านั้นอยู่กุฏิไหน ? กระผมจะไปกราบท่านสักหน่อย"

ถามว่า "เอ็งเจอตั้งแต่เมื่อไรวะ ?" ช่างบอกว่า "ตอนที่พระอาจารย์ไม่อยู่ครับ ผมกำลังให้ลูกน้องตีแบบหล่อเสาอยู่ ท่านมาชี้บอกว่า "ขาดไปสามนิ้ว ให้ตีแบบเพิ่มขึ้นด้วย" กระผมก็ไม่คิดว่าลูกน้องจะมักง่าย ไม้หมดแค่ไหนก็ทำแค่นั้น ไม่ได้ต่อไม้ขึ้นไป เมื่อเข้าไปวัดดู ปรากฏว่าขาดไปสามนิ้วจริง ๆ ครับ..!"

กระผม/อาตมภาพจึงนำเอารูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้ดู ถามว่า "ใช่พระองค์นี้หรือเปล่า ?" ทุกคนยืนยันว่า "ใช่ครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ข้าก็ไม่รู้จะบอกพวกแกว่าอย่างไร แต่นี่คือหลวงพ่อของข้าเอง และท่านก็มรณภาพไปหลายเดือนแล้ว..!" ทำเอาทุกคนขนลุกขนชันกันไปหมด..!

จนกระทั่งท้ายสุด บรรดาช่างทั้งหมด ๔๐ กว่าคน ต่างก็เลิกเหล้ากันโดยสิ้นเชิง เพราะว่าหลวงพ่อท่านมาให้เห็นเป็นระยะ ๆ กระผม/อาตมภาพจึงใช้เวลาแค่ไม่นาน ในการสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี มีอาคารมาตรฐาน คอนกรีตเสริมเหล็ก ๑๓ หลังด้วยกัน สำเร็จเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวจริง ๆ..!

แล้วเมื่อได้รับการอาราธนาจากแม่ชีชื่น ศรีสองแคว ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ทางด้านสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีก็มีผู้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแลเป็นระยะ ๆ อย่างเช่นว่าทิดกวาง (พระสมุห์กำพร สุชาโต) พระครูแสง (พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล ) ปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) เป็นต้น มาจนถึงรูปปัจจุบันคือพระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. ซึ่งมาจัดงานทำบุญครบรอบ ๓๐ ปี การก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีในวันนี้เอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว