กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-06-2023, 19:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-06-2023, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,029 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีเด็กนักเรียนมาเข้าวัดสวดมนต์ ตามโครงการนำนักเรียนเข้าวัดทุกวันศุกร์ ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ฆราวาสชายหญิงทุกท่านก็ตาม ทุกวันนี้เราขาด "อาหารใจ" เป็นอย่างมาก

หลายท่านอาจจะรู้สึกเหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับชีวิต พักผ่อนเท่าไรก็ไม่รู้จักหายเหนื่อยเสียที บางทีก็อยากจะนอนสัก ๓ วัน ๓ คืน นั่นความจริงเกิดจากความเหนื่อยใจ ไม่ใช่เหนื่อยกาย ความเหนื่อยใจเหล่านี้เกิดจากการที่สภาพจิตใจไม่แข็งแรงพอ เนื่องเพราะว่าขาดอาหาร ในเมื่อจิตใจไม่แข็งแรงพอ เพราะว่าขาดอาหาร ถึงเวลาเราใช้กำลังใจมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการเหนื่อยหน่าย หรือว่าถ้าเป็นเด็กวัยรุ่น กำลังกายยังแข็งแรงอยู่ ก็จะเกิดอาการสมาธิสั้น เนื่องเพราะว่าไม่มีกำลังใจ

ดังนั้น..เรื่องของการสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ถ้าหวังความเรียนเก่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกหัดสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ เพราะว่าอันดับแรก ถ้าสภาพจิตของเรานิ่ง สงบ ฟังสิ่งที่ครูบาอาจาย์สอน หรือว่าอ่านหนังสือครั้งเดียวก็เข้าใจ

ประการที่สอง ถ้าหากว่าจิตของเรานิ่ง สงบ จะมีกำลัง สามารถต่อต้านสิ่งเย้ายวนต่าง ๆ ที่มาจากภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อะไรก็ตาม โดยเฉพาะในส่วนของการกิน การเที่ยว การหลงไปกับยาเสพติด เป็นเพราะว่าใจเราไม่เข้มแข็งพอ จึงจำเป็นที่จะต้องฝึกหัดขัดเกลาตนเองเอาไว้ แต่ไม่ใช่แค่เข้าวัดทุกวันศุกร์ ถ้าแค่นั้นรับประกันว่าไม่พอกิน แค่เดินพ้นวัดไปก็หมดแล้ว..!

เด็ก ๆ ทั้งหลายอาจจะเคยได้ยินว่าหลวงพ่อวัดท่าขนุนเรียนโคตรเก่งเลย ก็คือในชีวิตสอบได้คะแนนเต็มร้อยเกือบทุกวิชา เรียนปริญญาตรีก็ได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ และเป็นที่ ๑ ของประเทศในปีนั้น ก็เพราะว่ามีการสวดมนต์ไหว้พระมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพิ่งจะรู้ภาษา พ่อก็อุ้มคอพับคออ่อนไหว้พระสวดมนต์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2023 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-06-2023, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,029 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นผลอย่างชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะตอนอ่านหนังสือ ถ้าสมาธิดี กำลังเข้มแข็งมาก บางทีอ่านหนังสือเหมือนกับจมหายเข้าไปในหนังสือ ไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกเลย แค่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ หลวงพ่ออ่านหนังสือหมดไปแล้วหนึ่งห้องสมุด รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่อ่านครบทุกเล่ม พอเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ ก็หมดไปอีกหนึ่งห้องสมุด เพราะว่าเปลี่ยนโรงเรียน เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หมดไปอีกหนึ่งห้องสมุด

แล้วถามว่าปัจจุบันนี้อ่านหนังสือประมาณเท่าไร ? ต้องพยายามบังคับตัวเองให้อ่านแค่วันละ ๑ เล่ม แต่ว่า ๗ วันที่ผ่านมาอ่านไป ๑๖ เล่ม..! เหตุที่ต้องบังคับให้อ่านแค่วันละ ๑ เล่ม เพราะหนังสือออกให้อ่านไม่ทัน แล้วที่สาหัสกว่านั้นก็คือกลับมาอ่านใหม่ไม่ได้ เพราะว่าจำได้ทั้งหมด..!

ฉะนั้น..ถ้าพวกเราทุกคนอยากจะเรียนเก่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสวดมนต์ ไหว้พระ หรือนั่งกรรมฐานทุกวัน ไม่ใช่แค่วันเดียว ลองทำดูสักวันละ ๕ นาที ๑๐ นาทีแล้วเพิ่มขึ้นไป เอาให้ได้เต็มที่แค่ครั้งละครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องมากกว่านั้น ถ้าทำได้ทุกวัน เช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง การเรียนจะดีขึ้นทันตาเห็น เพราะว่าหลวงพ่อแนะนำเด็กนักเที่ยวมาหลายคนแล้ว

ในชีวิตไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจเลย ก็ลองทำดูสักทีหนึ่ง ก็คือเอาผลการเรียนไปให้พ่อแม่ภูมิใจบ้าง แต่ว่าเด็ก ๆ ส่วนใหญ่พอเห็นใบ รบ.หรือว่าใบสุทธิของหลวงพ่อก็มักจะทำหน้าเซ็ง บอกว่าไม่ได้มีความหลากหลายอะไรเลย มีแต่ A, A, A, A สู้เขาไม่ได้ A, B, C, D กระทั่ง F มีครบทุกตัว ก็จริงของมัน..!

ดังนั้น..การที่พวกเรามาวัด จะมาทุกวันศุกร์ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็คือกลับบ้านไปแล้วทำเองด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่เราทำมาไม่เพียงพอ ก็เป็นเรื่องยากที่จะพยายามปรับตัวของเราเองให้เรียนเก่งขึ้น หรือว่าให้สนใจการเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะพวกเราอยู่ในช่วงวัยรุ่น มักจะไปสนใจเพศตรงข้ามมากกว่าเรื่องเรียน แล้วก็จะไปตกอยู่ในวงจรอุบาทว์อีก

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตดู จะเห็นว่าพี่น้องชนกลุ่มน้อยของเราเรียนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ออกไปมีผัว มีเมีย มีลูก แล้วก็ต้องทำงานหัวปักหัวปำเลี้ยงลูก พอถึงเวลาลูกไปเรียนหนังสือ แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็รีบมีผัวมีเมียอีก ก็ "วนลูป" อยู่ในวงจรอุบาทว์นี้ ไม่เปลี่ยนแปลงสักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2023 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-06-2023, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,029 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อกำลังใจเราเข้มแข็งพอที่จะเป็นนายของตัวเอง อยากจะมีผัวมีเมียก็ปล่อยมัน เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ให้ตั้งใจเรียน ถึงเวลาเรียนจบ เอาสัก ม.๖ หรือปริญญาตรี แล้วอยากจะมีกี่คนก็มีไป เพราะถือว่าเราเองประสบความสำเร็จในการศึกษาระดับหนึ่งแล้ว

การศึกษาทำให้เรามีสายตากว้างขึ้น หนทางชีวิตเปิดกว้างขึ้น ยิ่งเรียนสูงเท่าไร โอกาสที่จะเลือกทางชีวิตได้ ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น โบราณเขาถึงใช้คำว่า "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ก็คือต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน พยายามศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ ไม่ใช่เรียนไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วก็ต้องไปเป็นผู้ใช้แรงงาน แล้วก็มีผัว มีเมีย มีลูก แล้วลูกเราก็วนมาอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบนี้ไปไม่รู้จบ ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นก็สงสารลูกที่จะเกิดมาบ้าง ถ้าตัวเรายังหาความก้าวหน้าไปกว่านี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าลูกจะก้าวหน้าไปกว่านี้เลย..!

ถ้าหากว่าพวกเราศึกษากันครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ แล้วไปเป็นกำลังของประเทศชาติ ก็เป็นได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ โอกาสที่จะหาความเจริญใส่ตัวให้มากกว่านี้ก็น้อย เพราะว่าความรู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมเราไม่มี หน้าที่การงานที่ดี เขาก็ต้องการความรู้ที่สูงกว่านี้ เราลองมานึกทบทวนว่า ถ้าเราเรียนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จบ ม.๔ บ้าง ม.๖ บ้าง ก็ยังเอาตัวไม่รอด เพราะว่าเป็นความรู้ของระดับกรรมกรเท่านั้น จบปริญญาตรี ยังไม่แน่ว่าจะได้งานหรือเปล่า ?

การศึกษาเป็นเรื่องที่ส่งพวกเราให้ก้าวขึ้นไปสู่ที่สูง มองเห็นได้ไกลขึ้น เลือกทางชีวิตได้ดีขึ้น ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น พวกเราดูพี่ ๆ หลายคนที่เป็นนักเรียนทุนของหลวงพ่อวัดท่าขนุนดูก็ได้ แต่ละคนประสบความสำเร็จ เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ หรือสถาบันที่ดีได้ หลายท่านทางมหาวิทยาลัยหรือสถาบันก็รับตรงเลย
ในเมื่อมีสิบนิ้วเท่ากัน พี่เขาทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2023 เมื่อ 01:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-06-2023, 00:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,029 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องชั่ว ๆ ทำมาเยอะแล้ว ทำไมเรื่องดี ๆ เราจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจบ้างไม่ได้ ? เพราะว่ากำลังใจในการทำดีหรือทำชั่วก็เป็นกำลังใจที่เท่ากัน เราก็แค่เปลี่ยนจากการคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว มาคิดดี พูดดี ทำดีเท่านั้น แรก ๆ อาจจะแปลกแยกจากสังคมบ้าง แต่ถ้าฝืนทำไป ถ้าเรามั่นคงจริง ๆ เดี๋ยวสังคมก็จะตามมาเอง เพราะว่าหลวงพ่อเองโดนมาตั้งแต่เด็ก ปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก เขาบอกว่าบ้า แต่พอเรียนได้ที่ ๑ ทุกปี คะแนนเต็มร้อยเกือบทุกวิชา ยกเว้นวิชาที่อาจารย์หมั่นไส้แล้วไม่ให้คะแนน บางท่านก็บอกว่า "เธอได้เยอะแล้ว เอาไปแค่นี้แหละ..!"

ในเมื่อคนอื่นทำได้ แล้วเราทำได้ วิธีการต่าง ๆ ก็มีอยู่ ใครต้องการเรียนรู้ให้มากกว่านี้ สามารถมาถามได้ หลวงพ่อจะสอนให้ ประสบความสำเร็จในชีวิตให้เป็นที่ภูมิใจทั้งของตนเองและครอบครัว ได้ชื่อว่าเป็นพลเมืองดีของชาติ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต จะเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนหรือไม่เป็นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอันดับแรก เราก้าวเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่ต้องอายใครแล้ว การเรียนก็ประสบความสำเร็จ การงานก็สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่ที่กำลังใจของเราเข้มแข็งพอเท่านั้นเอง

จึงเป็นเรื่องที่หวังว่าพวกเราทั้งหลายจะรู้ว่าควรที่จะเลือกอะไร ถ้าหากว่าเลือกหนทางเก่า ๆ ก็วนอยู่ในวงจรอุบาทว์ต่อไป ถ้าเลือกหนทางใหม่ก็พยายามต่อสู้ไป อีกไม่กี่ปีพวกเราจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ตอนนั้นก็จะวัดกันได้เอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งนักเรียนทุกคนแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2023 เมื่อ 01:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว