กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-06-2023, 16:58
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,624
ได้ให้อนุโมทนา: 216,931
ได้รับอนุโมทนา 747,740 ครั้ง ใน 36,412 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-06-2023, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,262 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทางวัดท่าขนุนได้จัดให้มีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งในระยะหลังนี้ การปฏิบัติธรรมวันสุดท้ายของวัดท่าขนุนนั้น โดยปกติทั่วไปแล้วก็จะปฏิบัติธรรมช่วงเช้า หลังจากปล่อยเลิกแล้ว ก็เป็นการรับวุฒิบัตร ร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นก็เดินทางกลับ

แต่ว่าระยะหลังนี้ กระผม/อาตมภาพเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองนั้นค่อนข้างที่จะตึงเครียด โดยเฉพาะในเรื่องของการทำมาหากิน วันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรมจึงจัดให้มีการภาวนาพระคาถาเงินล้านแทน เนื่องเพราะว่าเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากต้องการความจริงจัง สม่ำเสมอ และต้องมีทานบารมี เพื่อเสริมในเรื่องของลาภผลที่จะพึงมีพึงเกิดแล้ว ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือกำลังสมาธิของผู้ภาวนา ยิ่งมีกำลังสมาธิสูง ผลที่จะพึงได้ก็สูงไปด้วย

การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบนั้น กระผม/อาตมภาพก็หวังอยู่แค่ตรงที่ว่า ญาติโยมทั้งหลายที่เข้าร่วมภาวนานั้น อย่างน้อย ๆ ในระยะเวลาเกือบ ๒ ชั่วโมง จะได้ทรงสมาธิยาวนานต่อเนื่องกัน ถ้าท่านที่มีความเข้าใจ จะสามารถทรงสมาธิระดับอัปปนาสมาธิในระหว่างที่ภาวนาได้ กำลังสมาธิที่สูงขึ้น ถึงเวลาก็จะช่วยให้ในส่วนของลาภผลที่จะพึงมีพึงได้มากขึ้นไปด้วย

ในระยะหลังนี้ทุกครั้งที่มีการปฏิบัติธรรมกระผม/อาตมภาพจึงได้จัดให้มีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ส่งท้ายการปฏิบัติธรรมมาจนถึงปัจจุบันทุกครั้งไป จนกว่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางฝ่ารถติดมหาศาล เพื่อที่จะเดินทางเข้าไปพักกลางทางที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ก่อนที่จะเดินทางไปยังงานต่าง ๆ ที่ได้รับเอาไว้ต่อไป

ในช่วงที่ผ่านมานั้น ญาติโยมทั้งหลายได้บูชาเหรียญมหาลาภเงินล้าน ซึ่งมีแต่เนื้อชนวนเงิน จากการหล่อพระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามสมุทรเนื้อเงินของวัดท่าขนุน หลายท่านยังเล็งว่าจะต้องมีเนื้อทองคำอย่างแน่นอน กระผม/อาตมภาพนั้นได้พยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ..!

เนื่องเพราะว่า
กระผม/อาตมภาพได้เก็บชนวนทองคำเอาไว้ในตู้เซฟ ซึ่งมีญาติโยมเมตตาซื้อถวาย แล้วกระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะเปิดตู้เซฟได้ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเกิดจากเหตุผลกลใด จนน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้แนะนำว่า ให้กระผม/อาตมภาพสะเดาะกลอนไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2023 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-06-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,262 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ลังเล เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วการสะเดาะกลอนในลักษณะอย่างนี้ อาจจะทำให้ระบบของตู้เซฟเสียหาย แล้วไม่สามารถที่จะใช้งานได้ดังเดิม ของราคาหลายหมื่นบาท ถ้าอยู่ ๆ เสียไป ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง จึงรอจนกระทั่งเผือกน้อย (นายเฉลิมเดช รุจิราวรรณ) มาถึง แล้วก็มาช่วยกันเปิด ปรากฏว่าทำทุกอย่างเหมือนที่กระผม/อาตมภาพเปิด แล้วครั้งนี้เปิดได้ ก็แปลว่าครั้งก่อนนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำเอาทองคำมาสร้างวัตถุมงคล

อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อสร้างแล้วราคาจะสูงมาก เนื่องเพราะว่าระยะนี้ราคาทองคำนั้นขึ้นไปถึงบาทละ ๓๒,๐๐๐ บาทโดยประมาณ แล้ววัตถุมงคลในท้องตลาดนั้น จะคิดราคาเป็น ๓ เท่าของน้ำหนักทองคำ อย่างเช่นว่า ถ้าน้ำหนักทองคำที่สร้างเหรียญนั้นอยู่ที่ ๑ บาท ราคาจำหน่ายในท้องตลาดจะจำหน่ายเท่ากับราคาทองคำ ๓ บาท ก็แปลว่าเหรียญละเกือบแสนบาทเลยทีเดียว..!

ตรงจุดนี้อาจจะทำให้ญาติโยมหลายท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับ เนื่องเพราะว่าเงินทองในปัจจุบันเป็นของหายาก ให้ท่านทั้งหลายมาบูชาเหรียญราคาเกือบแสนบาท หรือว่าอาจจะต้องออกในราคาหนึ่งแสนบาท ก็คงไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ จึงเป็นเหตุให้กระผม/อาตมภาพที่ใช้ตู้เซฟใบนี้มานานแล้ว กลับไม่สามารถที่จะเปิดตู้ได้ จนกระทั่งทุกอย่างลงตัว เหรียญมหาลาภเงินล้านเสร็จสรรพเรียบร้อย ออกให้ญาติโยมบูชาไปแล้ว เมื่อมาใช้วิธีเดิมทุกประการ กลับสามารถเปิดตู้เซฟได้..!

เรื่องพวกนี้บางทีก็อยู่ในลักษณะของการแสดงนิมิตให้เห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะทำ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะเปิดตู้ได้ กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่ขำอยู่ในใจว่า "เรื่องแบบนี้บอกกันตรง ๆ ก็ได้ ทำไมต้องมาทำจนกระผม/อาตมภาพคิดว่า ตู้เซฟอาจจะพังไปแล้ว หรือว่าตนเองเป็นอัลไซเมอร์ จำรหัสเลข ๘ ตัวแค่นี้ไม่ได้"

เรื่องพวกนี้ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ ก็จะมีประสบการณ์มากขึ้นไปตามลำดับ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ท่านทั้งหลายโปรดระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสิ่งพวกนี้ไม่ใช่ว่าเราจะเชื่อถือได้ทั้งหมด บางอย่างก็มาทดสอบกำลังใจของเรา บางอย่างก็มาดึงเราให้เป๋ออกนอกเส้นทางที่ถูกต้องไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2023 เมื่อ 04:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 06-06-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,262 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่น มีพรรคพวกเพื่อนฝูงบางท่านกลายเป็นหมอดู เนื่องเพราะว่าเมื่อฝึกซ้อมทิพจักขุญาณแล้ว ก็สามารถที่จะทำนายทายทักได้ถูกต้อง กระผม/อาตมภาพเองก็เคยพลาดไปในเส้นทางนั้นถึง ๓ ปี เมื่อถึงเวลาคนเขาชมว่า "รู้ได้ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ ?" "ทำไมทิพจักขุญาณถึงแจ่มใสขนาดนี้ ?" "ทำไมแม่นเหมือนกับตาเห็นเลย ?" แล้วเราก็เกิดอาการพอง ตัวลอย ปลื้มอกปลื้มใจไปกับคำสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น แต่ปรากฏว่าเรากลายเป็นทาสชาวบ้านไปแล้ว ถ้าเป็นภาษาของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็ใช้คำว่า "กลายเป็นขี้ข้าชาวบ้าน"

เนื่องเพราะว่าถึงเวลาเราก็ไปทำนายทายทักให้กับเขาอีก หรือว่าไปช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับพวกเขาอีก แล้วตัวเราก็จะติดอยู่ในวงจรแค่นั้น ก็คือทำหน้าที่ ได้รับการชมเชย ปลื้มใจ อยากจะทำอีก โดยที่หมุนเวียนอยู่แค่นั้น ลืมการปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองไปเลย..!

ในช่วงนั้นถ้าหากว่าท่านตายลงไปในขณะที่กำลังใจทรงสมาธิภาวนาได้ เต็มที่ท่านก็ไปเกิดเป็นพรหม การเกิดเป็นพรหมนั้นอายุก็ยืนยาวมาก ทำให้ท่านทั้งหลายสูญเสียเวลาในการที่จะปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองไปโดยใช่เหตุ เรียกง่าย ๆ ว่าทำให้ตัวเองล่าช้า

แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็ตักเตือนกันไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องที่ตัวเองรู้ตัว ได้สติ แล้วเห็นจริง ๆ ว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นโทษ ทำให้เราเสียเวลาในการปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผล แล้วถอนตัวออกมา กระผม/อาตมภาพเองในช่วงนั้น แทบจะไม่ได้มีเวลากินเวลานอน เนื่องเพราะว่ามีคนมาขอให้ดูเรื่องโน้น เรื่องนี้ เรื่องนั้น เยอะมาก จนกระทั่งเห็นโทษแล้วจึงทิ้งไปเฉย ๆ

แม้กระทั่งลูกศิษย์สำคัญท่านหนึ่ง ก็คือหลวงพ่อเอของพวกท่านทั้งหลาย (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งในช่วงที่ท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ก็ใช้ปฏิปทาแบบนี้ ก็คือใช้ทิพจักขุญาณในการดูหมอ เพื่อที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้คน แล้วก็โดนรบกวน ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้มีเวลาพักผ่อน

จนกระทั่งอาการเจ็บไข้ได้ป่วยกำเริบแทบจะสิ้นชีวิต ต้องนำเอาพานดอกไม้ธูปเทียนมากราบกระผม/อาตมภาพ บอกว่า "ไม่ดื้อแล้วครับ พระอาจารย์บอกให้บวชตั้งนาน แต่ผมไม่ยอมบวช จนโดนชาวบ้านเขาใช้เกือบตายคางาน ตอนนี้ขออนุญาตบวชแล้วครับ" แล้วกระผม/อาตมภาพก็จัดบวชให้ ปัจจุบันนี้ท่านก็สามารถยืนเป็นหลักให้แก่ญาติโยมหมู่มากได้ เพียงแต่ว่าไม่ได้ดูให้คนทั่วไป ดูเฉพาะบุคคลที่สมควรที่จะสงเคราะห์เท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2023 เมื่อ 04:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 06-06-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,262 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การดูหมอนั้นเป็นการซักซ้อมทิพจักขุญาณก็จริง แต่เมื่อซักซ้อมไปถึงระยะหนึ่งเราจะจับจุดได้ ว่าเราวางกำลังใจแบบไหนถึงจะทำนายได้ถูกต้อง ไม่เฝือ ไม่ผิดเพี้ยน เมื่อเรารู้ว่าวางกำลังใจถูกต้องเป็นอย่างไรก็ควรที่จะเลิกได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นขี้ข้าชาวบ้านไป อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านได้บอกกล่าวเอาไว้

เราจะไม่มีเวลาปฏิบัติเพื่อตนเองเลย เนื่องเพราะว่าบุคคลเมื่อตนเองไปได้รับการทำนายมาแล้ว ก็มักจะปลื้มใจ แล้วบอกต่อ ๆ กันไป ทำให้จากหนึ่งเป็นสาม จากสามเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย เพิ่มขึ้นไปทุกที ถึงระดับร้อยคนเมื่อไร แล้วผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา แค่นี้เราก็ปางตายแล้ว ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นเลย

แม้กระทั่งทุกวันนี้ บางคนที่ได้รับคำทำนายจากกระผม/อาตมภาพไป แล้วเที่ยวไปบอกต่อคนโน้นคนนี้ ก็ยังมีบุคคลโทรมา เพื่อที่จะสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องทิ้งโทรศัพท์ เลิกรับโทรศัพท์มาหลายปีแล้ว เพราะว่าดึกดื่นเที่ยงคืน ต้องการพักผ่อนขนาดไหน ตัวคนเดือดร้อนขึ้นมา ก็ไม่คิดว่าพระต้องพักต้องผ่อน ในเมื่อเราไม่นอน พระท่านก็ต้องไม่นอนด้วย ว่าแล้วก็โทรศัพท์มาทันที

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงเห็นว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถที่จะกระทำได้แล้ว ซักซ้อมจนเกิดความมั่นใจ รู้ว่าวางกำลังจุดไหนถึงจะพอเหมาะพอดี ก็ควรที่จะละ จะเลิก แล้วก็มาตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองจะดีกว่า

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2023 เมื่อ 04:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว